โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เจ้าของโครงการคอนโดหาดกะตะยอมถอยหยุดสร้าง ยันไม่มีผลประโยชน์เอื้อใคร

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 21 ส.ค. 2562 เวลา 14.50 น. • เผยแพร่ 21 ส.ค. 2562 เวลา 14.50 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

เปิดใจเจ้าของคอนโด หาดกะตะยอมไม่สร้างต่อ รอศาลปกครองสูงสุดตัดสินก่อนดำเนินการ ย้ำผิดที่ตัวเองและไม่ขอโทษใคร ยันไม่มีผลประโยชน์กับหน่วยงานใด ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อโครงการเข้าใจดี

จากกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐได้มาตรวจสอบหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่าได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีน้ำและดินแดงไหลลงมาช่วงที่มีฝนตกลงมา ตลอดจนการเข้าพบนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.ภูเก็ต เพื่อขอให้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2562 นายมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กะตะ บีช จำกัด ผู้บริหารโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ กล่าวว่า ทางบริษัทได้ซื้อที่ดินมาและพัฒนาโครงการ ทุกอย่างตามกฎหมาย ปลายทางทราบว่าที่ดินแปลงนี้ เป็น นส.3 ก เลขที่ 1863 ศาลปกครองชั้นต้นนครศรีธรรมราชได้มีคำพิจารณาเพิกถอน ส่วนที่มีการกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเอื้อนายทุน จึงไม่มีจริง เพราะเมื่อบริษัทไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ตามขั้นตอนของกฎหมาย เขาก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ ไม่มีผู้ใดมีส่วนได้ส่วนเสียกับทางโครงการ โดยทุกฝ่ายปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย

“ที่ดินแปลงนี้ บริษัท กะตะบีช จำกัด ได้ซื้อมาจากผู้ขาย ซึ่งเป็นนักธุรกิจและอดีตนายตำรวจระดับสูง โดยทั้ง 2 คนได้ถูกกล่าวถึงชื่อมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอยากชี้แจงว่าทั้ง 2 ท่านดังกล่าว ไม่ใช่เจ้าของโครงการและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เป็นเพียงผู้ขายที่ดินให้กับบริษัทเท่านั้น แต่หากที่ดินที่มีการซื้อมาไม่สามารถทำประโยชน์ได้ตามสัญญา ทั้งหมดทั้งสิ้นก็จะเป็นกรอบของสัญญา ทั้งที่ผู้ซื้อผู้ขายตกลงกัน โดยผู้ขายไม่ได้มีเจตนาที่จะนำที่ดินที่มีปัญหามาขายให้กับเรา ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการของศาลนั้น ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้รับรู้ โดยโครงการนี้มีเจ้าของ คือ บริษัท กะตะบีช จำกัดและมีตนเป็นกรรมการผู้จัดการเพียงผู้เดียว” เจ้าของโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ กล่าว

นายมนัสนันท์ กล่าวต่อว่า จากกรณีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีคลิปถูกนำเสนอผ่านทางโซเชียลและสื่อมวลชน อยากบอกว่าจริงๆ แล้ว เราเป็นคนไทยด้วยกัน และภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยว เรามีประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ดังนั้นทางบริษัทจึงขอประกาศจะชะลอการก่อสร้าง เพื่อรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ในรายละเอียดของการชะลอการก่อสร้างนั้น เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีข้อห่วงใย หรือท้วงติงโครงการ หากทุกคนยึดหลักนิติศาสตร์ และบอกว่ายืนอยู่บนข้อกฎหมายของตนเอง หรือไม่มีใครยอมถอย แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร คนที่ไม่รู้จักกันมาเจอกันและกางเอกสารเถียงกันคอเป็นเอ็น ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาแสดงความกังวลหรือห่วงใยนั้น เขาก็มีสิทธิ เพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งตนไม่ได้โกรธและไม่ว่าใคร หากผู้ที่ออกมามีเจตนาห่วงใยสิ่งแวดล้อมและห่วงใยท้องถิ่นอย่างแท้จริง ถือเป็นเรื่องที่ดี

เจ้าของโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ กล่าวอีกว่า การจะไม่ได้ส่งมอบอาคารให้กับลูกค้าได้ตามที่ตกลงกันไว้นั้น ย่อมมีผลกระทบแน่ แต่เมื่อเทียบกับภาพลักษณ์หรือความเสียหายของจังหวัดหรือของประเทศ และความรู้สึกของคนไทยแล้ว คิดว่าน่าจะมีมากกว่าของโครงการที่จะได้รับ ดังนั้นจึงขอถอยออกมาก่อนและยอมรับความเสียหายที่เกิดขึ้นเพียงผู้เดียว และขอให้ทุกฝ่ายถอยกันไปคนละก้าว เพื่อทบทวนบทบาทของตัวเอง ดังนั้น ส่วนที่จะมีการชะลอการก่อสร้างออกไปก่อนนั้น ทั้งหมด 18 อาคาร โดยจะรอจนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่าเป็นอย่างไร จึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป

นายมนัสนันท์ กล่าวถึงการดำเนินการในพื้นที่จากนี้ว่า ส่วนที่จะยังมีการดำเนินการต่อ คือ ส่วนด้านล่างที่เป็นกำแพงกันดินและบ่อหน่วงน้ำ เพื่อให้ลดผลกระทบผู้ที่อยู่ด้านล่าง หากไม่เร่งทำเมื่อในตกลงมาจะเกิดปัญหาขึ้นอีก รวมถึงการทำถนนในโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดหน้าดินไปแล้วต้องทำการปิดผิวดินที่เป็นสีแดง เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านล่างได้รับผลกระทบ และส่วนของอาคารที่มีการขึ้นโครงสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว และมีการเตรียมวัสดุต่างๆ เพื่อติดตั้งภายในอาคารในส่วนนี้คงต้องทำต่อ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ได้เช่น งานระบบ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

เจ้าของโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ กล่าวว่า หลังจากเทศบาลตำบลกะรนมาปิดประกาศให้โครงการชะลอการก่อสร้างและให้ทำการปรับปรุงแก้ไขตามมาตรการสิ่งแวดล้อม หลังจากมีผู้ร้องเรียน โดยโครงการได้ชี้แจงแนวทางการแก้ไขให้กับทางเทศบาลทราบแล้วตามขั้นตอน ขณะนี้รอคำตอบจากทางเทศบาลว่าเห็นชอบตามที่บริษัทเสนอหรือไม่ และหากโครงการ มีเจตนามักง่าย ทำตามเพียงเทศบาลแล้วจบ ซึ่งในหน้างานหากพบว่าส่วนไหนที่จะทำให้เกิดผลกระทบขึ้นอีก เราก็พร้อมจะแก้ไข โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของเทศบาล

“การตัดสินใจชะลอโครงการนั้น ทางเอเย่นต์ทุกฝ่ายรับทราบเรื่องแล้ว จะมีการติดต่อให้กับลูกค้าทราบ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้านั้น ทางบริษัทพร้อมรับผิดชอบ ส่วนกรณีของทุนจดทะเบียนนั้น เป็นเรื่องที่พูดบ่อยมาก จึงขออธิบายว่า ในส่วนของการซื้อที่ดินนั้น เราได้มีการจ่ายเงินสดไปแล้ว 150 ล้านบาทแล้ว ส่วนงบประมาณการลงทุนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งการดำเนินการของดีเวลล็อปเปอร์นั้น เมื่อซื้อที่ดินมาและทำการพัฒนาระหว่างนั้น จะมีการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับอนุมัติจำนวนเท่าใด จนกระทั่งรับทราบว่าได้เท่าไร จึงจะมีคำตอบว่าทุนจดทะเบียนที่แท้จริงเท่าใด เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่ได้รับ เหตุที่เงินจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท เพราะยังไม่ทราบว่าจะได้รับสินเชื่อเท่าใด จนกว่าจะทราบจึงจะมีการเพิ่มเงินจดทะเบียนให้สอดคล้องกัน ดังนั้นจึงอยากให้ดูเจตนาว่า หากจะหลอกเอาเงินลูกค้า ซึ่งมีพบเห็นกันอยู่เขาก็จะสร้างเพียงบ้านตัวอย่าง มีการปิดป้ายประชาสัมพันธ์ เร่งขายและเก็บเงินลูกค้า แต่โครงการของเราไม่ใช่เช่นนั้น โดยเรามีความพยายามก่อสร้าง แต่มีคนบอกให้หยุด จึงยังไม่ไปถึงไหน และหากเราจะหนีแล้วจะลงทุนก่อสร้างเพื่ออะไร และการขออนุญาตนั้นเพื่อสร้างคอนโดมิเนียม ไม่ใช่โรงแรมและต้องส่งมอบให้กับลูกค้า”

นายมนัสนันท์ กล่าวว่า ยืนยันว่าในการขออนุญาตก่อสร้างเป็นอาคารที่พักอาศัยรวม หรือคอนโดมิเนียมบางส่วน เป็นอาคารพักอาศัยรวม เพื่อการพาณิชย์ประกอบธุรกิจโรงแรม บางส่วนเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งที่สงสัยการนำ นส.3 ก ไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารนั้น เนื่องจากเราอยู่ระหว่างการยื่นขอออกโฉนด ซึ่งผู้ที่ถือ นส.3 ก ส่วนใหญ่มั่นใจอยู่แล้วว่า สามารถออกโฉนดได้ เมื่อถึงเวลานั้นในการขออนุญาตใช้อาคารจะต้องมีการนำโฉนดไปใช้ เพราะจะต้องนำไปแบ่งออกโฉนดให้กับลูกค้า

เจ้าของโครงการเดอะพีค เรสซิเด้นท์ กล่าวด้วยว่า กรณีหาก นส.3 ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้นั้น เรามีแผนรองรับอยู่แล้ว คือ จะเปลี่ยนจากการขายกรรมสิทธ์ขาดให้กับลูกค้าเป็นการให้เช่าระยะยาว ซึ่งในส่วนนี้ขอยืนยันว่าได้แจ้งให้กับลูกค้าที่จองห้องคอนโดทราบแล้วผ่านทางเอเจนซี่ โดยลูกค้าทั้งหมดที่ทราบข่าว ไม่มีรายใดที่ตัดสินใจยกเลิกการจองและไม่มีการขอเงินคืน แม้ว่าทางบริษัทจะเปิดโอกาสให้ทางลูกค้ายกเลิกการจองและซื้อก็ตาม ขณะนี้ มียอดจองไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่ประมาณ 2-3 ห้อง โดยตามแผนจะต้องก่อสร้างเสร็จภายใน 1 ปี แต่พอมีปัญหาการก่อสร้างคงต้องยืดเวลาออกไป และเสียค่าปรับให้กับลูกค้า หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิ ทางบริษัทและลูกค้าที่ทำการจองคอนโดไว้ถือว่า เป็นผู้เสียหายร่วมกัน ก็มีแผนจะฟ้องร้องเอาผิดเรียกค่าเสียหายต่อหน่วยงาน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินผืนนี้ต่อไป.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0