โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เจาะลึกเบื้องหลัง แชมป์ 6 สมัยของ "ลิเวอร์พูล" กลับมาผงาดได้อีกครั้งเพราะ Data Analytics

Brandbuffet

อัพเดต 17 ก.ค. 2562 เวลา 07.56 น. • เผยแพร่ 17 ก.ค. 2562 เวลา 07.37 น. • Big Featured

"ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย" โลกกีฬายุคใหม่ต้องจริงจัง

บุคคลที่สามารถนำ Data มาวิเคราะห์ได้แบบ "ขั้นกว่า" และเป็ยเบื้องหลังความสำเร็จของ "ลิเวอร์พูล" ในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็คือ Ian Graham ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ "ลิเวอร์พูล" ที่มาพร้อมดีกรีปริญญาเอกด้านทฤษฎีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยเขาได้สร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับมอนิเตอร์ความสามารถของนักเตะกว่า 100,000 คนทั่วโลก และนำข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยทีมลิเวอร์พูลในการตัดสินใจว่าควรจะดึงตัวใครมาร่วมเล่นกับทีม ฯลฯ เพื่อผลลัพธ์ในท้ายที่สุด นั่นคือการนำพาสโมสรที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษให้กลับมายิ่งใหญ่"อีกครั้ง"

ส่วนคำถามที่ว่าจุดเริ่มต้นของการใช้ Data ในการบริหารนักเตะ และรูปแบบการเล่นในลิเวอร์พูลเริ่มขึ้นเมื่อใด อาจต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 เมื่อ Ian Graham ขอเข้าพบ Jurgen Klopp ผู้จัดการทีมที่เริ่มงานในสโมสรเก่าแก่ได้เพียง 3 สัปดาห์พร้อมเอกสารการวิเคราะห์ข้อมูลที่เขาทำขึ้น เพื่อจะบอกว่า ข้อมูลเหล่านี้ทำอะไรให้ทีมได้บ้าง

สิ่งที่ Graham อธิบายคือการเล่นของ Borussia Dortmund (ทีมที่ Klopp ดูแลก่อนจะมาร่วมงานกับลิเวอร์พูล) ในซีซั่นที่แล้ว โดยเขาชี้ว่า Dortmund มีโอกาสมากกว่าทีมเล็ก ๆ อย่าง Mainz มากนัก (ในซีซั่นนั้น Mainz จบที่อันดับ 11 ของตาราง และ Mainz เป็นอีกทีมที่คล็อปป์เคยคุมมาก่อน) แม้ว่าผลการแข่งขันจะเป็นการพ่ายแพ้ของ Dortmund ที่สกอร์ 2 - 0 ก็ตาม

ในเกมที่ Dortmund เจอกับ Mainz ข้อมูลที่ Graham นำมาโชว์ พบว่า Dortmund มีโอกาสยิงประตู 19 ครั้ง ขณะที่คู่แข่งมีเพียง 10 ครั้ง และ Dortmund ยังครองบอลมากกว่าถึง 2 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด และมีโอกาสเข้าไปเล่นบอลในโซนอันตรายมากถึง 85 ครั้ง (ในขณะที่ Mainz ทำได้แค่ 55 ครั้ง)

ไม่เพียงเท่านั้น Dortmund ยังสามารถพาบอลเข้าไปในเขตโทษของ Mainz ได้ถึง 36 ครั้ง ในขณะที่ Mainz ทำได้เพียง 17 ครั้ง สกอร์ทั้งหมดชี้ว่าเกมนี้ Dortmund ควรเป็นฝ่ายชนะ ทว่า ความพ่ายแพ้ของ Dortmund เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดจังเบอร์ 2 จุด นั่นคือในนาทีที่ 70 เมื่อ Dortmund พลาดการยิงลูกโทษ และในนาทีที่ 74 เมื่อนักเตะ Dortmund พลาดทำลูกเข้าประตูตัวเอง

ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในมือของ Graham ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ดูเกมนั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว รวมถึงไม่ได้สนใจด้วยว่าเกิดดราม่าอะไรบ้างหลังการแข่งขัน สิ่งที่เขาดูมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ Data ของเกมเพื่อนำมาวิเคราะห์และทำให้เข้าใจสภาพการแข่งขันมากขึ้น และทั้งหมดนี้ เขาทำไปเพื่อช่วยทีมหาผู้จัดการเข้ามาแทนผู้จัดการทีมคนเก่า "Bradden Rodger" นั่นเอง

ซึ่งวิธีของ Graham ไม่ได้วิเคราะห์จากเกมแค่เกมเดียว แต่เขาได้สร้างสมการทางคณิตศาสตร์ขึ้นมา และนำผลงานของนักเตะ Dortmund ในช่วงที่ Klopp ดูแลป้อนเข้าไป จากนั้นก็ประเมินร่วมกับตัวแปรอื่น ๆ เช่น ประสิทธิภาพของนักเตะในแต่ละเกม ซึ่งผลที่ออกมาพบว่า ทีม Borussia Dortmund ควรจะได้ตำแหน่งเบอร์ 2 ของตาราง ขณะที่ผลการแข่งจริง Dortmund กลับได้แค่อันดับ 7

ผู้วิเคราะห์ Data ที่แท้ทรู

หากมองจากตัวเลขสถิติ บทสรุปของ Graham ที่มีต่อ Klopp อาจเป็นได้สองทาง นั่นคือ เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่ควรจะได้รับโอกาสบริหารทีมอื่น ๆ อีกต่อไป หรือเขาคือผู้จัดการทีมดวงจู๋ที่บังเอิญได้ไปคุมทีมไร้โชคที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาก็เป็นได้ ซึ่งในโลกของฟุตบอล การให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสในการทำประตูมีปัจจัยต่อการแพ้ชนะมากกว่าสิ่งอื่นใดรอบตัว ส่วนจะได้ประตูหรือไม่นั้น บางครั้งอาจเป็นเรื่องของโชคชะตาที่ไม่อาจควบคุมได้ และนั่นคือสิ่งที่ Graham สรุปจากผลงานของ Klopp ว่าเขาเป็นคนที่สามารถสร้างโอกาสได้มากกว่าทีมของคู่แข่งถึงเท่าตัว

และการได้ร่วมงานกันบนถิ่นแอนด์ฟิลด์ระหว่าง Graham และ Klopp ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ผลการแข่งขันของลิเวอร์พูลในฤดูกาลที่ผ่านมา (2018 - 2019) น่าจะเป็นประจักษ์พยานที่เด่นชัดที่สุดของความสำเร็จครั้งใหม่นี้ เมื่อลิเวอร์พูลได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแพ้เพียง 1 นัดจากทั้งหมด 38 เกมในพรีเมียร์ลีก และคว้าอันดับสองของตารางไปครอง โดยเป็นรองเพียงแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่สามารถขึ้นนำลิเวอร์พูลไปเพียงหนึ่งแต้มในช่วงเกมสุดท้ายของซีซั่น และสร้างสถิติเป็นทีมอันดับ 2 ที่มีคะแนนมากที่สุดในประวัติศาตร์

ในเวลาเดียวกับที่ลิเวอร์พูลพยายามเอาชนะทีมสุดแกร่งอย่างบาร์เซโลน่า รวมทั้งเผชิญหน้ากับทีมระดับท็อปทีมอื่นๆ ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และพวกเขาสามารถเอาชนะทอตแนมฮอตสเปอร์ในเกมนัดสุดท้าย ด้วยผลประตูรวม 2 – 0 คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกไปครองชนิดที่แฟน ๆ ต้องหลั่งน้ำตาให้กับความสำเร็จของทีมที่พวกเขาโหยหามานาน

การจับคู่ที่ถูกฝาถูกตัว

ความสำเร็จของลิเวอร์พูลในวันนี้ นอกจากตัวนักเตะที่มีกำลังใจและความสามารถเต็มเปี่ยม ในอีกด้านหนึ่งมันคือการทำงานร่วมกันของ Klopp และ Graham ซึ่ง Klopp นั้นไม่เคยมีประสบการณ์ด้านวิเคราะห์ Data มาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งรู้เรื่องสถิติต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่สำหรับ Data แบบเจาะลึกที่ผ่านมา เขาเองก็ไม่ต่างจากผู้จัดการคนอื่น ๆ ที่ยังคงฝึกสอนนักฟุตบอลโดยใช้แนวทางเดิม ๆ แต่ในวันที่ Graham มาหาเขาที่ออฟฟิศวันนั้นในปี 2015 เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่า Graham คือคนที่เขาตามหามานาน

ด้านของ Graham ผู้ไม่เคยดูเกมการแข่งขันของ Dortmund เลยแม้แต่เกมเดียว แต่กลับเป็นคนที่ยินดีกับความสำเร็จอันย่ำแย่ของเขา และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ Klopp ประจักษ์ว่า หากสโมสรไม่ได้ Graham เข้ามาช่วยดำเนินการหาผู้จัดการทีมให้กับลิเวอร์พูลแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีวันได้มาทำงานกับสโมสรลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน

จากภาพที่ปรากฏ ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่นำ Data มาใช้ในการตัดสินใจมากกว่าทีมอื่นใด ซึ่งเมื่อนำมาใช้ร่วมกับแทคติกอันโดดเด่น จึงบังเกิดเป็นความสำเร็จรอบใหม่ของทีม ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการจับมือที่ถูกฝาถูกตัว ระหว่างโค้ชมากประสบการณ์ ผู้วิเคราะห์ Data ไม่เป็น กับนักวิเคราะห์มากฝีมือ ที่ไม่เคยดูบอล (แต่ตอนนี้คงดูมากขึ้นแล้ว) ก็เป็นได้ แล้วก็ดันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว

การบริหารทีมในลักษณะนี้นำไปสู่ความสำเร็จของทีมมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับทีมงานด้าน Data มากขึ้น

ย้อนอดีตความยิ่งใหญ่

ทำไมความสำเร็จรอบใหม่ของลิเวอร์พูลถึงกลายเป็นความยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกจับตา คำตอบอาจต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1975 - 1990 เวลานั้นไม่มีใครไม่รู้จักสโมสรลิเวอร์พูล พวกเขาได้รับการยกย่องในฐานะเครื่องจักรสีแดงผู้คว้าถ้วยยูโรเปี้ยนคัพมาครองได้ถึง 4 ครั้งในช่วง 8 ปี ไม่นับผลงานในบ้านที่โดดเด่นกว่าสโมสรอื่นใด

ลิเวอร์พูลยุครุ่งเรือง
ลิเวอร์พูลยุครุ่งเรือง

อย่างไรก็ดี ความเปลี่ยนแปลงของวงการฟุตบอลอังกฤษก็เริ่มขึ้นเมื่อมหาเศรษฐีจากทั่วโลกเริ่มเข้ามาทุ่มเงินซื้อสโมสรของอังกฤษ เช่นในปี 1997 มหาเศรษฐีชาวอียิปต์Mohamed al-Fayed ได้เข้าซื้อสโมสรฟูแล่ม ทีมจากดิวิชัน 2 ของอังกฤษ และพาก้าวขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก หรือในปี 2003 ก็เป็นทีมเชลซีที่ถูกยึดครองโดย Roman Abramovich มหาเศรษฐีหมีขาวเจ้าของอาณาจักรน้ำมัน และอุตสาหกรรมแร่เหล็ก

และในปี 2007 ตระกูลที่ดูแลทีมลิเวอร์พูลมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ก็ตัดสินใจขายต่อสโมสรให้กับสองนักธุรกิจชาวอเมริกัน Tom Hicks และ George Gillett ทว่า เมื่อซื้อไปแล้ว สองนักธุรกิจกลับเพิ่งตระหนักว่า พวกเขาไม่มีเงินมากพอสำหรับจะสร้างทีมให้ดีมากเท่าเศรษฐีคนอื่น ๆ ผลก็คือ ภายในเวลาไม่กี่ปี ลิเวอร์พูลกลายเป็นสโมสรที่มีหนี้สินรุงรังหลายล้านเหรียญสหรัฐ และไม่สามารถทำผลงานดี ๆ บนสนามการแข่งขันได้อีก

สถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ทำให้ Hicks และ Gillett ถูกบังคับให้ยอมรับเงิน 480 ล้านเหรียญสหรัฐ และขายทีมให้กับ John Henry เจ้าของทีม Boston Red Sox และ New England Sports Ventures ในที่สุด

John Henry กำลังจับมือกับกัปตัน Hendo
John Henry กำลังจับมือกับกัปตัน Hendo

ส่วนเงินถุงเงินถังที่ Henry นำมาใช้จ่ายกับลิเวอร์พูลนั้นมาจากดีเอ็นเอของบริษัทที่นำอัลกอริธึมไปใช้ในการวิเคราะห์ทุกอย่างที่ต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างผู้บริหารไปจนถึงการลงทุน (เขาเริ่มต้นจากอัลกอริธึมที่สร้างขึ้นเพื่อทำนายความผันผวนของตลาดถั่วเหลือง ซึ่งทำให้เขาทำเงินจากการคาดการณ์นั้นได้อย่างมาก) ปัจจุบัน อัลกอริธึมกลายเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของบริษัท Henry และเขาไม่เคยตัดสินใจอะไรโดยปราศจากการวิเคราะห์โดยใช้อัลกอริธึมอีกเลย เมื่อมาผนวกกับ Passion ในเกมกีฬา ซึ่งที่ผ่านมาทีมที่ Henry เป็นเจ้าของก็มักกจะประสบความสำเร็จมาตลอด ก็ทำให้แนวทางการทำของผู้บริหารอย่าง Henry และคนทำงานอย่าง Klopp เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

สถิติในโลกของกีฬาฟุตบอล

หันกลับมาที่กีฬาฟุตบอล ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ผู้คนสนใจมาโดยตลอดก็คือใครเป็นผู้ทำประตูได้ และความจริงข้อนี้คงจะดำเนินต่อไป ส่วน Data ประเภท "เวลาที่แต่ละทีมได้ครองบอลในเกมการแข่งขัน" หรือ "โอกาสในการแย่งบอลจากทีมคู่ต่อสู้" ฯลฯ นั้นอาจเป็นสิ่งที่คนทำงานเบื้องหลังจริง ๆ ถึงจะต้องการ

สำหรับเชลซี สโมสรได้สร้างทีมวิเคราะห์ข้อมูลของตนเองขึ้นเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีก ประมาณปี 2008 ตามมาด้วยอาร์เซนอลที่ซื้อบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล StatDNA ในเวลาต่อมา แต่ไม่ปรากฏว่าผู้จัดการทีมของทั้งเชลซีและอาร์เซนอล สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ในการทำผลงานมากนัก หรือไม่พวกเขาก็พยายามรักษาเก้าอี้มากเกินไปจนลืมไปว่าหน้าที่ของผู้จัดการทีมที่แท้จริงคืออะไร รวมทั้งมีปัจจัยอื่นเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ทำให้ทีมเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะทีมงานของสโมสรลิเวอร์พูล สิ่งที่ Graham ทำก่อนการแข่งขันคือการมองหาตัวเลขเหล่านั้น เขาและนักวิเคราะห์อีก 3 คนจะเริ่มประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ จากนั้น Klopp จะเป็นคนตัดสินใจว่าข้อมูลเชิงลึกตัวใดควรถูกนำไปปรับใช้กับทีม และจะมีการแปลงเป็นคำแนะนำที่ชัดเจนให้กับนักเตะต่อไป

ในจุดนี้ Alex Oxlade-Chamberlain มิดฟิลด์ห้องเครื่องของทีม เผยว่า เขาตระหนักดีว่ามีผู้ที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อช่วยทีมอยู่ และผู้จัดการทีมจะไม่ใช้สถิติ หรือผลการวิเคราะห์มากดดันนักเตะ หากแต่นำข้อมูลเหล่านั้นมาแนะนำว่านักเตะควรเล่นอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด

ยกตัวอย่างการนำข้อมูลมาใช้กับทีมลิเวอร์พูลเช่น การบอกได้ว่า ปีกซ้ายของทีมนั้นมีฝีเท้าที่แข็งแกร่ง และสามารถส่งบอลข้ามกองหลังตรงไปยังประตูได้มากกว่า อย่างไรก็ดี ข้อมูลอีกด้านก็ชี้ให้เห็นว่า การส่งบอลจากปีกขวานั้น มักจะตกในตำแหน่งที่แม่นยำบริเวณหน้าประตู และส่งผลต่อการทำประตูได้เหนือกว่า ซึ่งรูปแบบการแนะนำนักเตะในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการปฏิวัติวงการฟุตบอลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผลก็คือ แบ็กทั้งซ้าย-ขวา ของหงส์แดงในฤดูกาลที่ผ่านมาแย่งกันแอสซิสต์กระจาย ไม่บ่อยครั้งนักที่แบ็กทั้งสองฝั่งของทีม แอสซิสต์คนละเกิน 10 ครั้งทั้งคู่

Data ของ Graham เริ่มตั้งแต่เกมนอกสนาม

หากถามว่าอิทธิฤทธิ์ของ Data ยังทำอะไรได้อีกบ้าง คำตอบอาจต้องย้อนกลับไปในปี 2014 เมื่อเชลซีซื้อตัวมิดฟิลด์คนดัง Mohamed Salah มาร่วมทีม แต่ปรากฏว่าผลงานของ Salah กลับไม่เข้าตา เขาไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างที่ตั้งใจ และทำให้ทางทีมตัดสินใจขายต่อให้กับ A.S.Roma ทีมดังจากอิตาลีไป ภาพของ Salah ในวันที่ลาจากพรีเมียร์ลีกเป็นภาพที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลับมาประสบความสำเร็จในถิ่นพรีเมียร์ลีกอีกแน่นอน

แต่ไม่ใช่สำหรับ Graham เพราะจากการคำนวณของเขา ผลงานของ Salah ที่เล่นให้กับเชลซีนั้นไม่ต่างจากผลงานก่อนหน้าที่เขาเคยทำไว้ก่อนหน้าที่จะมาค้าแข้งในอังกฤษ เขาจึงเสนอให้ลิเวอร์พูลซื้อตัว Salah กลับมา

ในเดือนกรกฎาคม ลิเวอร์พูลจ่ายเงินให้กับโรม่าประมาณ 41 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อตัว Salah โดยข้อมูลของ Graham บอกว่า Salah จะเล่นได้ดีเป็นพิเศษหากจับคู่กับ Firmino สไตร์เกอร์เจ้าของสถิติการจ่ายบอลที่สามารถสร้างประตูได้มากกว่าใคร ๆ ซึ่งผลก็เป็นจริงตามคาด เพราะในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017 - 2018 มิดฟิลด์คนดัง สามารถทำลายสถิติการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยสกอร์ 32 ประตู และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการนำพาลิเวอร์พูลกลับสู่ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ไปโดยปริยาย

ผลงานจากลิเวอร์พูล ทำให้เว็บไซต์ Transfermarkt ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มอนิเตอร์ค่าตัวนักเตะได้ประเมินค่าตัวของ Salah ในปัจจุบันเอาไว้ที่ 173 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

ผลงานของ Graham ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะในวันที่เขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง เขายังได้รับโจทย์ให้ศึกษาปีกซ้ายของอินเตอร์มิลานอย่าง Philippe Coutinho ร่วมด้วย ซึ่ง Data ของ Graham ชี้ว่า Coutinho คือคนที่ลิเวอร์พูลควรจะดึงเข้ามาร่วมทีม ผลก็คือ ลิเวอร์พูลซื้อ Coutinho มาในราคา 16 ล้านเหรียญสหรัฐ และในวันนี้ Coutinho คงยังได้เล่นอยู่กับลิเวอร์พูล หากบาร์เซโลนาไม่ยื่นข้อเสนอซื้อ Coutinho จากลิเวอร์พูลในราคาสูงถึง 170 ล้านเหรียญสหรัฐไปเสียก่อน

และด้วยราคางามขนาดนี้ก็ทำให้ลิเวอร์พูลมีเงินมากพอที่จะซื้อนักเตะมากฝีมืออีกสามคนเข้ามาร่วมทีม นั่นคือ Alisson Becker ผู้รักษาประตู, กองกลาง Fabinho และกองหลัง Virgil van Dijk โดยทั้งสามคนคือนักเตะคนสำคัญในฤดูกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่า หากไม่มีกำไรที่ได้จากการขาย Coutinho ลิเวอร์พูลก็อาจไม่มีเงินพอที่จะดึงนักเตะยอดฝีมือเหล่านี้เข้าร่วมทีมก็เป็นได้

ห้องทำงานของ Graham

ถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจอยากทราบกันแล้วว่า ทีมงาน Data ของลิเวอร์พูลนั้นเป็นใครกันอีกบ้าง นอกเหนือจาก Ian Graham ที่เราเอ่ยชื่อเขามาหลายสิบครั้ง

ทีมงานอีก 3 ชีวิตที่รวมตัวอยู่ในลิเวอร์พูลยังประกอบด้วย Tim Waskett ผู้ศึกษาด้านดาราศาสตร์ฟิสิกส์, Dafydd Steele อดีตแชมเปี้ยนหมากรุกรุ่นเยาว์ ผู้ใช้คณิตศาสตร์ทำงานในอุตสาหกรรมพลังงาน และ Will Spearman ผู้สำเร็จปริญญาเอกด้าน high-energy physics หรือฟิสิกส์พลังงานสูง อีกทั้งยังเคยทำงานในองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ "CERN" นั่นเอง

ถ้าเป็นทีมอื่น ๆ เขาอาจเลือกจ้างแค่ Graham, Steele, Waskett หรือ Spearman แต่ลิเวอร์พูลจ้างทั้ง 4 คนเข้าประจำการในฐานะฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของสโมสร

ทุกเช้า ทีมวิเคราะห์ข้อมูลจะมาถึงศูนย์ฝึกซ้อมที่Melwood ตอนเวลาอาหารพร้อม ๆ กับสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ เมื่ออาหารถูกลำเลียงมาจากครัว นักเตะจะนั่งกับโค้ช และเทรนเนอร์ ส่วนนักวิเคราะห์ข้อมูลนั้นจะนั่งถัดออกไปในอีกโต๊ะ แต่พวกเขาก็รู้จักและทักทายกัน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ แม้ Graham จะเคยตะโกนใส่ Keita เมื่อตอนอยู่บนสแตนด์ แต่สำหรับการรับประทานอาหารเช้า แม้ Keita จะนั่งใกล้ ๆ กันกับเขา และรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ แต่ก็ไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงออกว่าพวกเขาอยากมีปฏิสัมพันธ์กัน

"ถ้าเขาอยากพูดกับผมเรื่องเกมการแข่งขัน เขาสามารถคุยได้ ผมยินดี แต่ถ้าไม่ ผมก็ไม่อยากรบกวนเวลาของเขาเช่นกัน" Graham กล่าว

ส่วนงานของ Spearman นั้น Graham ยอมรับว่าทุกวันนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จของทีมมากนัก สิ่งที่ Spearman และทีมได้รับมอบหมายคือการตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเริ่มเล่นฟุตบอลในหนทางที่ต่างออกไป เพราะโมเดลคณิตศาสตร์ที่ Graham สร้างขึ้นนั้นเป็นการวิเคราะห์ผลของนักเตะในอดีตทั้งสิ้น ซึ่งในมุมของการใช้ Data แล้ว ยังถือว่ามีข้อจำกัดอยู่ สำหรับ Graham แล้ว มันเหมือนกับการมองหาเส้นทางที่จะไปต่อผ่านเลนส์ที่ขมุกขมัวเลยทีเดียว

"หน้าที่ของ Spearman คือการหาทางเดินให้กับเราท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ให้ได้" Graham กล่าวปิดท้าย

ได้ผลจริงไหม วัดกันที่ตารางคะแนน

ไม่ว่า Data Analytics จะทำงานได้ดีแค่ไหน อย่างไรก็ตาม วลีที่ว่า "ฟุตบอลลูกกลมๆ" ก็ยังอยู่เคียงคู่กีฬาชนิดนี้อยู่เสมอ เพราะถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะปิดฤดูกาล 2018/19 ด้วยคะแนน 97 คะแนน แต่ก็ยังเป็นรองแมนเชสเตอร์ซิตี้และทำได้แค่เพียงอันดับสองในตารางคะแนนอยู่ดี ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่แฟนๆ หงส์แดงรอคอยมานานตั้งแต่ปี 1990 นี่ก็กำลังจะ 30 ปีอยู่หรอมร่อ ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนี้ ดูเหมือนว่า Jurgen Klopp และทีมงานของเขาจะมั่นใจในนักเตะของตัวเอง จนไม่เสริมทัพด้วยนักเตะบิ๊กเนมเลย แต่กลับซื้อดาวรุ่งอายุ 18 เพียงคนเดียวในขณะนี้ ขณะที่แชมป์เก่าอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ยังมีขุมพลังที่แน่นปึ๊ก และซื้อตัวผู้เล่นเพิ่มเติม รวมทั้งทีมอื่น ๆ ร่วมลีก ก็ล้วนแล้วแต่มีพัฒนาการจนทำให้พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นลีกที่แข็งแกร่งคาดเดาได้ยาก

"Data" ที่ว่าแน่ จะทำให้ฝันของ The Kop เป็นจริงสมกับที่รอคอยหรือไม่ คงต้องให้"ตารางคะแนน" วันสุดท้ายของการแข่งขันเป็นผู้ให้คำตอบ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0