ถ้ารู้ตัวเองว่าตอนนี้กำลังหิว เราก็ออกไปหาอะไรกิน พอกินอิ่มแล้วหนังตาเริ่มหย่อน ก็ไปหาที่แอบงีบสักพัก ตื่นมาปวดท้องอึก็ไปเข้าห้องน้ำ สิ่งที่เกิดขึั้นกับร่างกายจะบอกเราเองว่าต่อไปเราจะต้องทำอะไร เรื่องการเก็บเงินก็เช่นกัน ควรรู้ตัวเองว่าต้องการเก็บเงินก้อนนี้ไปเพื่อเป้าหมายอะไร แล้วจึงเลือกว่าควรเก็บเงินก้อนนี้ไว้ที่ไหน เรียกง่ายๆว่า…
มีเป้าหมายชัดเจนแล้วค่อยลงมือทำ
สิ่งสำคัญ คือ ควรเข้าใจว่าการเก็บเงินแต่ละวิธีให้อะไรกับเราบ้าง เพื่อจะได้เลือกมาใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเงินของเราได้ ตัวอย่างวิธีเก็บเงิน
ฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง : เงินต้นอยู่นิ่งแน่นอน ให้ดอกเบี้ย 0.5 - 1.7% สภาพคล่องสูง เหมาะกับเป้าหมายระยะสั้น
กองทุนรวมหุ้น : มีทั้งจ่ายปันผลและไม่จ่ายปันผล เงินต้นขึ้นๆ ลงๆ ความเสี่ยงสูง สภาพคล่องสูงเพราะซื้อขายตอนไหนก็ได้ เหมาะกับเป้าหมายระยะยาว
ประกันสะสมทรัพย์ : เน้นสร้างวินัยการเก็บเงิน เงินต้นอยู่ครบ ได้รับเงินคืนรายปีแบบเป๊ะๆ มีความคุ้มครองชีวิต สภาพคล่องต่ำ กู้กรมธรรม์มาใช้จ่ายฉุกเฉินได้ เหมาะกับเป้าหมายระยะยาว
ออมทอง : การทยอยซื้อทองคำแท่งแบบรายเดือน พอครบ 1 บาทสามารถทำเป็นแผ่นทองคำหรือเหรียญทองเก็บไว้ได้ เหมาะกับเป้าหมายระยะปานกลางถึงยาว เช่น เก็บเงินค่าสินสอด
เป้าหมายสำคัญที่สุด!!
อภินิหารเงินออมมองว่าการเก็บเงินอย่างปีเป้าหมาย ทำให้เรารู้ว่าควรทยอยเก็บเงินไว้ที่ไหน โดยเลือกวิธีเก็บเงินให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่จะต้องใช้เงิน
เป้าหมายใช้เงินระยะสั้น ควรเก็บเงินไว้ที่ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทน 0.5 - 2%
เป้าหมายใช้เงินระยะปานกลาง ควรเก็บเงินไว้ที่ความเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทน 3 - 5%
เป้าหมายใช้เงินระยะยาว ควรเก็บเงินไว้ที่ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนมากกว่า 6% ขึ้นไป
สำหรับใครที่ต้องการเก็บเงินระยะยาว แต่กังวลเรื่องความผันผวน รับความเสี่ยงสูงไม่ได้ เห็นเงินต้นลงไปนิดเดียวนอนไม่หลับ แบบนี้การลงทุนที่ความเสี่ยงสูงก็ไม่เหมาะกับเรา ควรเก็บเงินไว้ที่พันธบัตรรัฐบาล ประกันสะสมทรัพย์ ประกันบำนาญ เพราะเงินต้นอยู่ครบและได้รับเงินคืนเป๊ะๆ
การตั้งเป้าหมายและการเลือกวิธีเก็บเงินที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น ควรทำให้ชัดเจน เช่น เราตั้งใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้า อยากมีเงินก้อนเล็กๆทำธุรกิจส่วนตัวสัก 36,000 บาท เก็บเงินไว้เดือนละ 1,000 บาท
อะไร : เงินก้อนเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว
เท่าไหร่ : จำนวน 36,000 บาท
เมื่อไหร่ : อีก 3 ปีข้างหน้า
อย่างไร : เก็บเดือนละ 1,000 บาท
เก็บที่ไหน : เปรียบเทียบการเก็บในที่ที่มีความเสี่ยงต่ำและสูง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
เลือกวิธีเก็บเงินเพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย
ภาพข้างล่างนี้เปรียบเทียบให้ดูว่าถ้าเราเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาทไว้ที่ความเสี่ยงต่ำที่เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงและความเสี่ยงสูงที่กองทุนรวมหุ้น อีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
การเก็บเงินแต่ละวิธีจะทำให้เงินของเราเป็นอย่างไร?
เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง : เงินต้นปลอดภัย ได้รับดอกเบี้ยเล็กน้อย อีก 3 ปีข้างหน้าเรามีเงิน 36,798 บาท เงินเพิ่มขึ้น 798 บาท ถอนเงินไปสร้างธุรกิจในฝันได้ทันที
กองทุนรวมหุ้น : มีความผันผวน ทำให้เงินต้นของเราขึ้นๆลงๆ ไม่สามารถคาดเดาได้เพราะสภาวะเศรฐกิจไม่แน่นอน สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า คือ
เศรษฐกิจไม่ดี หุ้นตก ทำให้เงินของเราเหลือ 29,076 บาท เท่ากับว่าเราขาดทุน 6,924 บาท ถ้าต้องทำธุรกิจ เราจำเป็นจะต้องขายขาดทุนเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย
เศรษฐกิจสดใส หุ้นพุ่งขึ้นแรง เงินของเราเพิ่มขึ้นเป็น 39,002 บาท ได้กำไร 3,002 บาท ถ้าต้องทำธุรกิจ เราก็มีเงินมาลงทุนมากขึ้น
ดังนั้น ถ้าเราต้องการเก็บเงินระยะสั้น เช่น เป้าหมายมีเงินทุนสร้างธุรกิจแน่นอน ควรเลือกเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง เพราะเงินต้นอยู่ครบ รู้ดอกเบี้ยที่จะได้รับแน่นอนแบบไม่ต้องลุ้น
วิธีการคำนวณ
ตัวเลขในภาพแรกมาจากการคำนวณโดยใช้เครื่องคิดเลขการเงินและโปรแกรม DCA
=> เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ดอกเบี้ย 1.5% คำนวณที่แอพ Ez calculators ตามภาพนี้จ้า
=> กองทุนรวมหุ้น
ในตัวอย่างนี้เป็นกองทุนหุ้นเดียวกัน แต่คนละช่วงเวลา เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าช่วงขาดทุนและกำไร ในระยะสั้นเป็นอย่างไร โดยใช้วิธีการซื้อรายเดือนด้วยเงินที่เท่ากันหรือที่เราเรียกว่า DCA
สมมติว่าซื้อกองทุนเดือนละ 1,000 บาท ระยะเวลา 3 ปี(จำนวน 36 ครั้ง) จากเงินลงทุนทั้งหมด 36,000 บาท อนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นมีทั้งขาดทุนและกำไร (ดูที่ IRR)
ขาดทุน คำนวณแล้วคิดเป็น - 20.49% ต่อปี
กำไร คำนวณแล้วคิดเป็น 7.11% ต่อปี
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ส่วนอนาคตอาจจะเกิดหรือไม่ก็ได้ แต่เราควรรู้ไว้ว่าเพื่อเข้าใจความเคลื่อนไหวของราคากองทุนรวม ซึ่งแต่ละกองทุนมีนโยบายแตกต่างกัน ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาแตกต่างกันดัวย ถ้าต้องการรู้ว่าอดีตของกองทุนที่เราสนใจเป็นอย่างไร ทดลองทำได้ที่ลิงค์นี้จ้า ทำย้อนหลังได้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนรวมเลยจ้า
https://www.wealthmagik.com/TradingLogic/DCASimulator.aspx
เป้าหมายระยะยาว คู่กับการลงทุนระยะยาว
จากกองทุนรวมในภาพข้างบน ถ้าเรามีเป้าหมายใหม่เป็นการเก็บเงินระยะยาว ทำให้เรามีโอกาสได้รับเงินที่มากขึ้น สมมติว่าเรามีเป้าหมายเก็บเงินเกษียณอีกหลายสิบปี รับความเสี่ยงได้สูงมาก เราซื้อกองทุนหุ้นในตัวอย่างนี้เดือนละ 1,000 บาท ผ่านไป 12 ปี เราจะเห็นว่าจะมีทั้งช่วงที่ได้กำไรกับขาดทุนสลับกันไป จากเงินต้น 144,000 บาท ผลตอบแทนทำให้เงินเติบโตเป็น 346,354 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 14.29% ต่อปี
ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต
สรุปว่า…
ควรตั้งเป้าหมายการเงินก่อนแล้วค่อยเลือกว่าจะนำเงินไปเก็บไว้ที่ไหน
ถ้าเรามีเป้าหมายระยะสั้น ควรเก็บเงินไว้ที่ความเสี่ยงต่ำ แม้ว่ามีเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เงินต้นปลอดภัย มีเงินทำธุรกิจได้ตามความตั้งใจ
เป้าหมายการเงินระยะยาว ควรเก็บเงินไว้ที่ความเสี่ยงสูง เพื่อมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ถ้าเราเลือกกองทุนมาดีอยู่แล้วก็ไม่ควรหวั่นไหวกับการขาดทุนระยะสั้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
เก็บเงินวันนี้ ใช้เงินวันไหน http://bit.ly/2q7wJtT
เก็บเงินวันนี้ใช้เงินวันไหน ตอน เก็บเงินใช้หลังเกษียณมีแบบไหนบ้าง http://bit.ly/2oEFLOL