นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และหมอพื้นบ้าน กล่าวในการประชุมสัมมนาระดมความคิดเห็นเรื่อง รู้ทันกัญชา :"คลายปมปัญหา-เดินหน้า"เพื่อประชาชน จัดโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.)ว่า แม้ขณะนี้น้ำมันกัญชาตำรับเดชาจะยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาผสมสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายเพราะต้องผ่านคณะกรรมการอีก แต่ตนไม่สนใจแล้ว ในเดือนก.ค.2562 จะเริ่มแจกน้ำมันกัญชาตำรับเดชาให้กับผู้ป่วยแล้ว หากใครอยากจะจับดำเนินคดีก็สามารถมาจับได้ และอยากท้าแพทย์แผนปัจจุบันรักษาผู้ป่วยไมเกรนแข่งกันเพื่อให้รู้ว่าการรักษาแบบไหนได้ผลกว่า และถึงแม้ไม่มีแพทย์คนไหนรับคำท้า แต่ในเดือนก.ค.ตนก็จะรักษาผู้ป่วยไมเกรนโดยใช้น้ำมันกัญชา ประมาณ 1,000 คน ซึ่งจะเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยแบบละเอียดว่าที่ผ่านมารักษากับแพทย์ที่ไหน มาระยะเวลาเท่าไหร่ หายหรือไม่และเมื่อใช้น้ำมันกัญชาแล้วเป็นอย่างไร เนื่องจากการรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำมันกัญชาที่ผ่านมากว่า 8,000 คนมีหลายร้อยคนที่เป็นไมเกรน ปวดรุนแรงแล้วแพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย ทำได้แค่ฉีดยาสเตียรอยด์ระงับปวด แต่หลังจากมาใช้น้ำมันกัญชาใน 2 เดือนก็หาย
"ผมเตรียมที่จะเข้าพบรายอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อยื่นหนังสือและเสนอทางเลือกกัญชาทางการแพทย์ที่ดีกว่าจากภาคประชาชน เพื่อให้ท่านพิจารณาว่าจะเลือกแนวทางของประชาชนหรือระบบราชการ ถ้าเลือกระบบราชการสมัยหน้าเราก็ไม่เลือกคุณ เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ประชาชนเราต้องมีทางเลือกให้เราพึ่งตนเองได้ และถ้าไม่ฟังประชาชน ก็จะมีคนมาไล่คุณออก เราอยากให้ประชาชนได้มีการโอกาสพึ่งพาตัวเองในการรักษามากกว่าพึ่งพายา หรือตำรับยาฝรั่ง กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ยาที่มีส่วนผสมของกัญชา รักษาได้แค่ 4 โรค ก็ไม่จริง ผมได้ทดลองใช้มาแล้วหลายโรค และไม่อยากให้กัญชาเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาโรค ทำไมไม่ให้เป็นทางเลือกแรก ทุกวันนี้ เสียดาย กัญชาของกลางที่ต้องถูกเผาทำลาย เพราะกัญชา 1 ตัน สามารถใช้รักษาโรคในประชาชนได้ถึง 1-2 หมื่นคน ช่วยรัฐประหยัดค่ารักษาได้เป็นแสนล้ายบาทจากนำเข้ายานอก"นายเดชากล่าว
