จากกรณีที่ นายบรรดิษฐ์ ชอบชื่น อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง และเจ้าของเหล็กไหลประมาณ 10 คน จากในพื้นที่ จ.ตรัง, จ.นครศรีธรรมราช, จ.สุราษฎร์ธานี และจ.พัทลุง ร่วมกันกักตัวนายบุญญฤทธิ์ ประทุมคำ หรือชื่อเดิม นายบุญเรือง อายุ 60 ปี หลังอ้างตัวว่าเป็นนายทุนใหญ่ และเป็นนายหน้าซื้อขายเหล็กไหลทั่วประเทศ โดยได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อทำการทดสอบอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลด้วยไม้ขีดไฟก่อนที่จะตกลงซื้อขาย แต่เจ้าของเหล็กนั้นเชื่อว่านายบุญญฤทธิ์เป็นพวกมิจฉาชีพ
ล่าสุด รายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.20 น. ได้เชิญเจ้าของเหล็กไหล ประกอบด้วย นางศรวิรินทร์ อุปลา, นายบรรดิษฐ์ ชอบชื่น และนายสมเชาว์ ผ่องแผ้ว พร้อมกับนายบุญญฤทธิ์ ประทุมคำ นายทุนที่ถูกกล่าวหา และรศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมพูดคุยในรายการ
โดยนายสมเชาว์บอกว่า นายบุญญฤทธิ์ซึ่งเป็นนายทุนทราบว่าพวกตนมีเหล็กไหล เขาจึงติดต่อที่จะซื้อ โดยอ้างว่าต้องมีการทำสัญญาการทดสอบเป็นเงิน 30,000 บาท/วัน ที่ต้องโอนเงินเข้าบัญชีไปให้นายทุนก่อน ซึ่งถ้าเหล็กไหลที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องผ่านทดสอบด้วยการจุดไม้ขีดไฟไม่ติด และการกำหนดช่วงเวลาวันทดสอบหรือมูคค่าซื้อขายขึ้นอยู่กับนายทุนแต่ละคนเป็นคนกำหนด ซึ่งของพวกตนมีจำนวน 5 ก้อน ราคารวมไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ด้านนายบรรดิษฐ์บอกว่า เหล็กไหลนั้นมีอิทธิฤทธิ์ช่วยปัดเป่าป้องกันภัยอันตราย โดยหาได้จากในถ้ำ ไหลออกมาจากก้อนหิน โดยต้องมีเกจิอาจารย์ทำพิธีเรียกออกมา อย่างเหล็กไหลที่นายสมเชาว์นำมาตั้งราคาขายอยู่ที่ 159 ล้านบาท ยอมรับว่าที่ผ่านมาพวกตนยังไม่มีใครขายสำเร็จ แต่มีคนเคยขายสำเร็จแล้ว มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านบาท พวกตนยืนยันว่าไม่ได้ต้มตุ๋นนายทุน เพราะนายทุนเป็นฝ่ายเสนอซื้อเอง ฝ่ายนายบุญญฤทธิ์ต่างหากที่เป็นคนหลอกลวงพวกตน
ด้านนายบุญญฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตัวเองได้รับออร์เดอร์จากต่างประเทศมาเพื่อจัดหาแร่ธาตุ และให้ช่วยตรวจสอบ โดยการจัดไม้ขีดเพื่อทดสอบเป็นความเชื่อตามโบราณ ว่าสารฟอสฟอรัสจะทำลายกระสุนปืนได้ ตนเองไม่ได้เป็นเกจิด้านเหล็กไหลจึงไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เป็นเพียงนายหน้าที่เข้าไปเพื่อพิสูจน์สารให้เท่านั้น ส่วนที่ตนไปทดสอบโดยมีไม้ขีด 11 ก้านที่ไม่ติดไฟ ตนจึงนำไปทดสอบซ้ำเพื่อย้ำว่าไม่ติดจริง ๆ ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดนำไปสู่การกักตัว
ด้านชาวบ้านให้ข้อมมูลว่า การพิสูจน์เหล็กไหลด้วยการจุดไม้ขีดไฟ เป็นการทดลองเพื่อชมบารมีตามความเชื่อ โดยวิธีการคือเปิดกล่องไม้ขีดวางบนพาน และวางเหล็กไหลในกล่องไม้ขีด จากนั้นรอครู่หนึ่งเพื่อให้องค์เหล็กไหลลงมาประทับ แล้วจึงจุดไฟ โดยจำนวนไม้ขีดที่กำหนดว่าจะติดไฟจำนวนกี่ก้าน ขึ้นอยู่กับนายทุนเป็นผู้ตั้งจิตอธิฐานและกำหนด
ทั้งนี้ ในรายการต่างคนต่างคิด ผู้ดำเนินรายการได้เขียนตัวเลขกำหนดจำนวนก้านไม้ขีดไม่ติดไฟในกระดาษโดยไม่ให้ใครรู้ จากนั้นจึงจุดไม้ขีดไฟ ซึ่งปรากฏว่าไม่ติดไฟจำนวน 9 ก้าน ตรงกับตัวเลขที่ผู้ดำเนินรายการเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าของถึงกับยกมือไหว้ถึงความศักดิ์สิทธิ์
ด้าน อ.อ๊อดอธิบายว่า จากการดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถระบุชนิดของวัตถุนี้ได้ ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการด้วยการเอ็กซเรย์ ส่วนก้านไม้ขีดที่ตรงกับจำนวนที่เขียนเป็นไปตามหลักความน่าจะเป็น ที่อาจจะบังเอิญ หรือฟลุ๊กได้ ซึ่งการทดสอบว่ามีสารอยู่ด้วยวิธีการดังกล่าวถือว่าไม่สมเหตุสมผลตามหลักวิทยาศาสตร์ อย่างเหล็กไหลตามวิทยาศาสตร์ ตนมองว่าการท้าพิสูจน์ลักษณะเช่นนี้เป็นเหมือนการพนันหรือไม่ เพราะฝ่ายหนึ่งอยากได้เงินจากการขาย ส่วนอีกฝ่ายก็อยากได้เงินจากค่าสัญญา ส่วนชาวบ้านเจ้าของเหล็กไหลยืนยันในรายการว่าจะไม่ยินยอมให้นำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพราะเชื่อว่าเป็นการลบหลู่
นอกจากนี้ อ.อ๊อด เปิดเผยภายหลังจบรายการต่างคนต่างคิดด้วยว่า เหล็กไหลกับไม้ขีดไฟคนละเรื่องกัน เหล็กไหลไม่ได้แผ่อิทธิพลไปถึงไม้ขีดไฟ โดยปกติจุดไม้ขีดไฟทั้งกล่อง ก็จุดติดไม่ครบทุกก้านอยู่แล้ว ซึ่งกล่องไม้ขีดไฟมี 2 ส่วน แถบข้างกล่องคือฟอสฟอรัสแดง ส่วนหัวไม้ขีดคือโพแทสเซียมคลอเรต เมื่อเสียดสีกันก็ติดไฟทันที แต่เมื่อใช้ไปหลายครั้ง ทำให้แถบแดงข้างกล่องหายไป และติดไฟยากขึ้น ส่วนการที่ทดสอบจุดไม้ขีดให้ติดตามจำนวนที่กำหนด ก็เป็นการนับสถิติหรือไม่
ดังนั้น เหล็กไหลไม่ได้เกี่ยวกับการจุดไฟ การจุดไฟติดบ้างไม่ติดบ้างเป็นเรื่องปกติของไม้ขีดไฟ มองว่าไม่ค่อยแฟร์ แต่ถ้าอยากรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ ก็ให้ลองกับไฟแช็ก เช่น ทดสอบจุดไฟแช็ก 10 ครั้ง ดูว่าจะติดไฟทั้งหมดหรือไม่
https://youtu.be/-HUi92AFWU4
https://youtu.be/VlrZ8dz3VNo