ออก! อย่างนี้ต้อง“ลาออก”! เพราะปัญหามันแก้ไม่ได้หรือก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ!
ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งที่วนเวียนไม่รู้จบสิ้นของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ คือ “อยากลาออก” “ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว” “อยากเปลี่ยนงาน” แม้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มักจะมาในเวลาที่เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องงานหรือปัญหาเรื่องคน แต่ที่คิดทบทวน ก็คือ จริง ๆ แล้ว “ความอยากลาออก” ที่เราได้ยินกันจนชินหู มันเป็นเพราะปัญหาที่แก้ไม่ได้จริง ๆ หรือเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบกันแน่?
“ออฟฟิศ” ก็เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง เพราะเราใช้เวลาอยู่ที่ออฟฟิศ (หรือบางคนไม่ได้เข้าออฟฟิศ แต่ก็ต้องอยู่กับงาน) กว่า 1 ใน 3 ของแต่ละวัน หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ การที่มีความรู้สึกอยากลาออกตลอดเวลา จึงเป็นภาวะที่เป็นมลพิษต่อสภาพจิตที่ควรต้องรีบจัดการ นั่นคือ ถ้าไม่ “ลาออก” ไปเลยจริง ๆ ก็ต้อง “อยู่ต่อ” ในแบบที่ไม่ใช่การทนอยู่
แต่จะจัดการได้อย่างไรกัน? เพราะเราอาจจะจมอยู่กับปัญหาเกินไป จนมองไม่เห็นว่า แท้จริงแล้วเราอยากลาออกเพราะปัญหาหรือสภาพแวดล้อมที่เราแก้ไขไม่ได้จริง ๆ หรือเราแค่อ่อนแอท้อแท้ไปเอง จนกลายเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่พลั้งพูดออกไปเพื่อประชด หรือบ่นตัดพ้อกับคนรอบข้าง ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง แน่นอนว่าคงไม่ใช่ผลดี เพราะส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นคนที่ไม่ลาออกจริง ๆ และยังต้องทนอยู่กับสิ่งเดิม ๆ เพิ่มเติมคือ คำพูดของตัวเองที่อาจจะกลับมาทำร้ายตัวเราเองได้อีกด้วย
กับดักอีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือน (ผู้มีความรู้สึกอยากลาออกวันละร้อยรอบ) ต้องพึงระวัง ก็คือ คำโฆษณาหรือคำเชิญชวนให้เปลี่ยนงาน จากบริษัทจัดหางานต่าง ๆ ที่มักจะใช้ insight ความรู้สึกเหล่านี้ มาโฆษณาให้ชาวออฟฟิศอย่างเรา ๆ เห็นว่าการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องง่าย ๆ หรืองานที่ใหม่ที่ดีกว่ากำลังรอเราอยู่ แต่หากเรายังไม่หนักแน่นพอที่จะตอบตัวเองได้ว่า“ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ” อย่างบริสุทธิ์ใจ การเปลี่ยนงานอาจไม่ใช่ทางออก แต่เป็นเพียงแค่ทางลวงสู่วงจรอุบาทว์เท่านั้น เพราะไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหน ๆ “ความอยากลาออก” ก็จะผุดมาได้อีกตลอดเวลา
ดังนั้น..สิ่งที่ชาวออฟฟิศพึงมี เมื่อเกิดความรู้สึกอยากลาออกวันละร้อยรอบ คือ สติ! เพื่อที่จะให้ตัวเองได้ทบทวนว่า ทางออกของปัญหา ที่ไม่ใช่แค่การลาออก ยังมีอยู่มั้ย? ใครที่เราพอจะสามารถคุยด้วยได้บ้าง เพื่อจะได้ปรับการทำงานและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้กว่าเดิม
แต่หากถึงจุดที่เราตอบตัวเองได้ว่า สมควรลาออกจริง ๆ เราอาจต้องคิดถึงแผนสำรองสำหรับผลกระทบด้านอื่น ๆ ในชีวิตที่จะต้องตามมา ทั้งการบริหารจัดการเงิน การหางานที่ใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติมให้กับตัวเองด้วย
