โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หนุ่มเชียงใหม่ เก็บน้ำเชื้อ-เพาะขาย อเมริกันบูลลี่ เอ็กโซติก หมาไซซ์เล็ก เตี้ย ล่ำ หัวใหญ่ ใจดี

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 09 ม.ค. 2564 เวลา 05.29 น. • เผยแพร่ 09 ม.ค. 2564 เวลา 04.58 น.
29 หมา

เพิ่งทราบว่าจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้มีจุดเด่นเฉพาะเรื่องประเพณี วัฒนธรรม การท่องเที่ยว แต่ยังมีฟาร์มสุนัขหลายสายพันธุ์จำนวนหลายฟาร์ม ที่มีที่ตั้งฟาร์มอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอำเภอสันกำแพง ซึ่ง คุณกฤษฎิ์ รังสิชกุล หรือ คุณไผ่ ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุนัขอเมริกันบูลลี่เชียงใหม่ และเจ้าของฟาร์มสุนัขพันธ์อเมริกันบูลลี่ TheUnDead Bullies Camp บอกกับเรา

คุณไผ่ เลี้ยงสุนัขเช่นกัน และชื่นชอบสายพันธุ์อเมริกันบูลลี่ เป็นพิเศษ

คุณไผ่ บอกว่า คลุกคลีกับสุนัขมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยรู้สึกชอบหรือหลงใหล กระทั่งเรียนจบ ทำงาน รู้ตัวว่ามีความพร้อมที่จะมีสัตว์เลี้ยง จึงเลือก “สุนัข” และมองหาสายพันธุ์ที่ถูกใจ และรู้ว่าสุนัขที่ชอบน่าจะอยู่ในกลุ่มที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง รูปทรงสวย มีพลังและความดุดันในตัว

อเมริกันพิทบูล เป็นพันธุ์แรกที่คิด แต่ติดตรงความดุของสายพันธุ์ จึงเลือกอเมริกันบูลลี่ เพราะมีนิสัยพื้นฐานของสุนัขที่ดุน้อยกว่า มีความเป็นกันเอง ขี้เล่น ตัวหนากว่า และตัวเล็กกว่า

การตัดสินใจเลี้ยงอเมริกันบูลลี่ เริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ยุคที่โลกออนไลน์ยังไม่แพร่หลาย และอาศัยอยู่จังหวัดเชียงใหม่ จึงพยายามค้นหาฟาร์มที่มีในจังหวัด เพื่อไปเลือกซื้อด้วยตนเอง ในที่สุดก็ซื้อมา 1 ตัว จากฟาร์มเล็กๆ ที่เรียกว่าบ้าน เพราะมีสุนัขอเมริกันบูลลี่ เพียง 5-10 ตัวเท่านั้น แต่เมื่อสุนัขโตขึ้นจึงรู้ว่า ได้สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไม่ใช่สายพันธุ์แท้มาเลี้ยง จึงเริ่มมองหาพันธุ์แท้จริงๆ อีกครั้ง และได้สายพันธุ์แท้แน่นอนมา เนื่องจากมีใบรับรองสายพันธุ์และราคาหลักหมื่นบาท ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น และเป็นที่มาของอเมริกันบูลลี่ สายพันธุ์แท้ของฟาร์มตัวแรก

“จริงๆ ผมคิดจะเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น ไม่ได้คิดจะเพาะ ทำฟาร์ม หรือขาย แต่พอเลี้ยงไปเรื่อยๆ เริ่มมองเห็นมูลค่า เพราะราคาซื้อขายต่อตัวหลักหมื่น สุนัขแต่ละท้องต้องมีหลายตัว จึงอยากผสม มีลูกหมาได้เลี้ยงเอง ทำให้ต้องหาเพศเมียสายพันธุ์แท้มาเพิ่ม”

การผสมพันธุ์ สุนัขพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 12 เดือนขึ้นไป และมีโครงสร้างที่ได้มาตรฐานตามใบรับรองสายพันธุ์ที่ทางสมาคม UKC กำหนด

การผสมพันธุ์ มีทั้งผสมเทียม คือการรีดน้ำเชื้อเพศผู้ใส่เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมีย หรือการผสมตามธรรมชาติ

คุณไผ่ บอกว่า ด้วยลักษณะโครงสร้างของอเมริกันบูลลี่ น้ำหนักมาก หากปล่อยให้ขึ้นทับกันเอง อาจจะมีโอกาสติดน้อย ถ้าให้คนช่วยด้วยการอุ้ม คนอุ้มก็อาจจะไม่ไหว การผสมโดยวิธีธรรมชาติจึงมีโอกาสติดได้ยากมากพอสมควร วิวัฒนาการสมัยใหม่ช่วยให้การผสมพันธุ์ง่ายขึ้น ด้วยการรีดน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ จากนั้นนำแม่พันธุ์ไปตรวจเลือดและฮอร์โมน เพื่อให้ได้วันตกไข่ที่ชัดเจนก่อนนัดวันผสม เปอร์เซ็นต์จากการผสมเทียมด้วยการฉีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์เข้าไปที่อวัยวะสืบพันธุ์ของแม่พันธุ์ มีโอกาสติดถึง 90 เปอร์เซ็นต์

หลังการผสม สุนัขจะตั้งท้องประมาณ 60 วัน

การสังเกตสุนัขตั้งท้อง หลังจากผสม 45 วัน ให้สังเกตสุนัขกินเก่งขึ้น เต้านมเริ่มขยาย หลังจากผสม 50-55 วัน พาแม่พันธุ์ไปอัลตราซาวนด์ดูลูกสุนัขในท้อง เมื่อครบกำหนด 60 วัน ใกล้คลอด สุนัจจะเริ่มมีอาการกระวนกระวาย เดินไปมา มีของเหลวไหลจากช่องคลอด ให้พาไปคลินิกเพื่อเช็คอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อเตรียมผ่าคลอด

การปล่อยให้สุนัขคลอดเองตามธรรมชาติ ก็สามารถทำได้ แต่เหมาะสำหรับอเมริกันบูลลี่ ที่ไม่ใช่ชนิดเอ็กโซติก ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน โดยคุณไผ่เลี้ยงชนิดพ็อกเก็ตและเอ็กโซติก ซึ่งเดิมสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ จะมี 4 ชนิด คือ พ็อกเก็ต สแตนดาร์ด คลาสสิก และเอ็กซ์แอล ส่วนเอ็กโซติก เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน และคุณไผ่ชอบขนาดพ็อกเก็ตและเอ็กโซติก

การผ่าคลอดสุนัขแต่ละตัว โดยทั่วไปจะผ่าคลอดได้หลายครั้งในแม่พันธุ์ตัวเดียว แต่สำหรับคุณไผ่ มองว่า ไม่ต้องการให้แม่พันธุ์โทรม จะผ่าคลอดในแม่พันธุ์ตัวเดียวไม่เกิน 3 ครั้งเท่านั้น

เมื่อลูกสุนัขคลอด การดูแลในช่วงแรกจะเน้นให้กินนมแม่ พยายามให้ลูกสุนัขอยู่กับแม่ให้มากที่สุด แต่ต้องหมั่นดู เพราะแม่สุนัขบางตัวผ่าคลอดแล้วจะไม่รู้ว่าตัวเองคลอดหรือมีลูก จะไม่ยอมให้กินนม หรือบางตัวดุ กัดลูกก็มี ดังนั้น ต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ลูกสุนัขได้กินนมครบทุกตัว หลังจากนั้น เมื่อลูกสุนัขอายุ 30-45 วัน จะเริ่มมีฟัน ควรนำอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีโปรตีนและไขมันสูง แช่น้ำอุ่นบดเป็นอาหารเหลวผสมกับนมแพะให้กิน

ตั้งแต่แรกเริ่ม คุณไผ่เลี้ยงชนิดพ็อกเก็ต แต่ 5 ปีหลัง เริ่มสนใจชนิดเอ็กโซติก ซึ่งมีจำนวนไม่กี่ฟาร์มที่เลี้ยง คุณไผ่ เล่าว่า เอ็กโซติกเป็นไซซ์ที่เล็กกว่าไซซ์พ็อกเก็ต ซึ่งเป็นไซซ์เล็กสุดของอเมริกันบูลลี่ และเกิดจากการปรับปรุงพันธุ์โดยผสมยีนด้อยกับยีนด้อย ซึ่งเมื่อยีนด้อยผสมกับยีนด้อยยิ่งมากเท่าไร ความอ่อนแอในสายเลือดก็จะยิ่งมากเท่านั้น

“เอ็กโซติก ตามประสบการณ์การปรับปรุงพันธุ์ของผม มีความต่างคือ เตี้ยกว่า มีความผิดรูปของร่างกายแต่สวยมาก กล้ามเนื้อดีกว่า กระดูกใหญ่กว่า เล็กแต่กว้าง หนา กำยำ บึกบึน โดยธรรมชาติการผสมของเขาทำให้ออกมาในลักษณะแบบนี้”

คุณไผ่ เล่าว่า การปรับปรุงพันธุ์อเมริกันบูลลี่ โดยทั่วไปจะไม่พบปัญหา แต่ในไซซ์เอ็กโซติกจะพบปัญหาขนอ่อนแอ เป็นโรคเรื้อนง่าย ดังนั้น ที่อยู่อาศัยของสุนัขไซซ์นี้ จำเป็นต้องให้อากาศถ่ายเท โล่ง โปร่ง แสงแดดส่องถึง ควรให้สุนัขได้รับแดดบ้าง แม้จะเปราะบางเมื่อได้รับความร้อน อาจเกิดโรคลมแดดได้ง่าย และควรระวังไม่ปล่อยให้สุนัขเล่นนานเกินไป เพราะธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ชอบเล่น พลังงานสูง แต่ไม่รู้ตัวเองว่ามีความอ่อนแออยู่ในยีน

สำหรับโรคทั่วไปในสุนัข หากดูแลและป้องกันไม่ให้มีเห็บ หมัด ก็จะช่วยลดโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเห็บ หมัด เป็นต้นเหตุของหลายโรคที่เกิดขึ้นในสุนัข นอกจากนี้ อาหารก็เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการดูแลสุขภาพของสุนัข ดังนั้น ควรให้อาหารเฉพาะสำหรับสุนัขเท่านั้นและต้องมีโภชนาการที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ เช่น อเมริกันบูลลี่ ควรได้รับอาหารที่มีโปรตีน ไขมัน แคลเซียมสูง เป็นต้น

การดูแลสุนัขในฟาร์ม คุณไผ่ ให้ข้อมูลว่า เขาทำงานประจำ ดังนั้น เวลาที่มีให้กับสุนัขคือ เช้าและเย็น จึงตื่นเช้าเพื่อปล่อยให้สุนัขได้วิ่งเล่น ขับถ่าย ประมาณ 30 นาที และใช้ช่วงเวลาดังกล่าวทำความสะอาดกรงนอนเท่าที่ทำได้ จากนั้นให้อาหารและพาสุนัขกลับเข้ากรงนอน ในช่วงเย็นเลิกจากงานประจำ ก็ปล่อยสุนัขให้วิ่งเล่นฟรีสไตล์ อาจจะพาเข้ากรงนอนในเวลา 18.00-19.00 น. แล้วแต่ความสะดวก

ผู้ที่ต้องการเลี้ยงสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ จำเป็นไหมต้องมีพื้นที่สำหรับการปล่อยสุนัขให้วิ่งเล่นหรือออกกำลังกาย คุณไผ่ แนะนำว่า สุนัขพันธุ์นี้มีพลังแต่ไม่มากเท่าพันธุ์อเมริกันพิทบูล ดังนั้น หากมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย ก็ทำได้โดยการจูงสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เพื่อให้ผ่อนคลาย เพราะสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ มีอุปนิสัยอยากเล่นและอยากรู้ ไม่ได้ต้องการการวิ่งออกกำลังกายมากเท่าพันธุ์อเมริกันพิทบูล

คุณไผ่เองเริ่มจากไซซ์พ็อกเก็ต จึงมีพ่อแม่พันธุ์ไซซ์พ็อกเก็ตอยู่จำนวนหนึ่ง และมีไซซ์เอ็กโซติกอีกจำนวนหนึ่ง แบ่งพื้นที่เลี้ยงไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคุณไผ่ดูแลเอง จังหวัดเชียงรายและกรุงเทพมหานคร รวมจำนวนพ่อแม่พันธุ์ทั้งหมดราว 8-10 ตัว แต่ปัจจุบันผสมเฉพาะไซซ์เอ็กโซติกเท่านั้น ส่วนไซซ์พ็อกเก็ตพักการผสมไว้ก่อน

สำหรับการผสมไซซ์เอ็กโซติก แบ่งการผสมเป็น 2 วิธี คือ เก็บน้ำเชื้อจำหน่ายออกเพื่อผสม ซึ่งเป็นการซื้อน้ำเชื้อไป โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ และนำแม่พันธุ์ไปผสมกับพ่อพันธุ์ฟาร์มอื่น เพื่อให้ได้ลูกสุนัข โดยการผสมลักษณะนี้ จะเป็นการตกลงกันระหว่างเจ้าของพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ในการเลือกลูกสุนัข หรือเป็นการชำระเงินค่าผสม และแต่ละปี คุณไผ่จะผสมไม่เกิน 2 ครอก ต่อปี เท่านั้น

คงต้องบอกให้เข้าใจ สำหรับลูกค้าที่สนใจลูกสุนัขจากฟาร์ม TheUnDead Bullies Camp จะสามารถรับลูกสุนัขไปเลี้ยงเองได้ เมื่อลูกสุนัขอายุไม่น้อยกว่า 3 เดือน หรือหลังทำวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วเสร็จ เพื่อสุขภาพของสุนัขที่ดีก่อนไปถึงมือลูกค้า

“แต่ละปี เทรนด์สีของลูกสุนัขจะไม่ซ้ำกัน เป็นไปตามตลาดที่สหรัฐอเมริกา เพราะต้นกำเนิดสุนัขพันธุ์นี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกา เช่นปี 2563 นี้ เทรนด์สีจะเป็นสีช็อกโกแลต ดังนั้น เจ้าของฟาร์มที่ปรับปรุงสายพันธุ์เอง ควรดูเทรนด์ตลาดก่อนผสม เพื่อไม่ให้มีลูกสุนัขติดมือเยอะ เพราะทุกอย่างเป็นต้นทุน และควรเลือกพ่อแม่พันธุ์ให้ดี เพื่อได้ลูกสุนัขที่มีลักษณะดีตามตลาดต้องการ ซึ่งต่างประเทศต้องการสุนัขพันธุ์นี้มาก เช่น มาเลเซีย จีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น แม้ว่าสุนัขจะมีต้นกำเนิดจากทวีปอเมริกา แต่เพราะการขนส่งในทวีปเอเชียสะดวกกว่า ทำให้หลายประเทศในโซนนี้เลือกมาซื้อลูกสุนัขจากประเทศไทย ซึ่งที่ประเทศไทยเป็นตลาดจำหน่ายลูกสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูล และอเมริกันบูลลี่ อันดับ 1 เพราะมีผู้เลี้ยงเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี”

ฟาร์มสุนัขพันธ์อเมริกันบูลลี่ TheUnDead Bullies Camp ตั้งอยู่ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ แต่สามารถติดต่อผ่านคุณไผ่ โดยตรงได้ที่ โทรศัพท์ (086) 878-5551

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0