ชายชาวอินเดีย ล่วงละเมิดทางเพศสาวบนเครื่องบินตอนเหยื่อหลับ ทั้งที่ภรรยานั่งอยู่ข้าง ๆ
เว็บไซต์ ‘เดลี่เมล’ รายงานเรื่องราว เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ระบุว่า นายประภู รามะมัวร์ตี ชายชาวอินเดีย วัย 35 ปีก่อเหตุล่วงละเมิดผู้โดยสารหญิง วัย 22 ปี ที่นั่งติดกันบนเครื่องบิน ของสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) โดยอาศัยจังหวะขณะที่เหยื่อหลับ ด้วยการและเขาได้เอื้อมมือไปปลดตะขอชุดชั้นใน และล้วงเข้าไปในกางเกงของเหยื่อ ทั้ง ๆ ที่ภรรยาก็นั่งอยู่ที่นั่งติดกันบนเที่ยวบินนี้
รายงานระบุว่า ประภูเป็นชาวอินเดียที่เดินทางมาทำงานอยู่ในสหรัฐฯ และพักอาศัยอยู่ที่เมืองโรเชสเตอร์ ฮิลลส์ ในรัฐมิชิแกน ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ประภูและภรรยาเดินทางไปเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา และในวันที่ 3 มกราคม 2561 ทั้งสองเดินทางจากเมืองลาสเวกัส มุ่งหน้าสู่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ทั้งสองนั่งติดกับผู้โดยสารหญิง วัย 22 ปี โดยเธอนั่งบนที่นั่งริมหน้าต่าง ประภูนั่งตรงกลางติดกับเธอ และภรรยาของเขานั่งบนเก้าอี้ติดทางเดิน ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติดี จนกระทั่งถึงตอนที่หญิงสาวหลับ
หลังจากที่ผู้ก่อเหตุ ลงมือล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อสาว จากนั้นเหยื่อสะดุ้งตื่นจากการงีบหลับ และรู้สึกแปลก ๆ โดยพบว่ากระดุมเสื้อนอก และตะขอชุดชั้นในถูกปลดออก โดยขณะนั้น ประภูกำลังเอามือสอดเข้าไปในกางเกงของเธอ เมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวรู้ตัว เขาก็รีบเอนหัวพิงไหล่ภรรยา ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยหญิงสาวตกใจมาก และจ้องมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดพร้อมทั้งตัดสินใจ ลุกจากที่นั่ง และวิ่งไปทางด้านหลังเครื่องบิน เพื่อแจ้งให้ลูกเรือทราบว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงขอย้ายไปนั่งที่อื่น นอกจากนี้เธอได้แจ้งความดำเนินคดีกับประภู
ทว่าในช่วงการสอบสวน ภรรยาของประภูกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุเธอได้ขอสลับที่นั่งกับสามี เพราะเหยื่อหลับเอาเอนหัวมาพิงเธอตลอด รวมถึงผู้ก่อเหตุอ้างว่า เขากินยาไป แล้วก็หลับไปลึกมาก ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป แต่ผลการตรวจสอบพบว่ายาที่ประภูกินเข้าไปเป็นแค่ยาพาราเซตามอลธรรมดา ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ ไม่สามารถทำให้เขาหลับลึกได้ดังที่กล่าวอ้าง
เมื่อจนต่อหลักฐาน ประภูยอมรับกับพนักงานสืบสวนว่า เขาเอื้อมมือไปปลดตะขอชุดชั้นในของเหยื่อจริง พร้อมกับยอมรับว่าได้ล้วงเข้าไปในกางเกงของเธอ แต่ทำไม่สำเร็จ แต่ถูกปัดตกอีกเพราะผลการตรวจร่างกายผู้โดยสารหญิง ระบุว่าบริเวณของลับของเธอ ได้ถูกสัมผัสและสอดใส่แล้วทำให้ผู้พิพากษาลงโทษผู้ต้องหาว่ามีความผิดตามข้อกล่าวหา และพิพากษาจำคุก 9 ปี
ที่มา www.dailymail.co.uk