โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

หนุ่มนักบริหารหุ่นแซ่บ สปอร์ตแมนขวัญใจสาวๆ “ธนพนธ์ เบญจรงคกุล”

Manager Online

เผยแพร่ 21 ต.ค. 2562 เวลา 18.00 น. • MGR Online

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งตระกูลเบญจรงคกุล ที่น่าจับตา สำหรับ บิ๊ก-ธนพนธ์ เบญจรงคกุล ทายาทเจนเนอเรชันที่ 3 ของธุรกิจสื่อสารยักษ์ใหญ่ ผู้รั้งตำแหน่ง Senior Division Manager Sales & Partner Relations แห่งบริษัท United Information Highway Co.,Ltd. ที่หลายคนอาจรู้จักมาบ้างว่า เขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มีข่าวกับดาราสาวช่องหลากสี แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือหนุ่มที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย “ช่วงที่ผมเรียนจบชั้น ป.2 ที่เมืองไทย ตอนนั้นน่าจะ 7-8 ขวบได้ ครอบครัวก็ส่งไปเรียนต่อประถม 3 ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย จากนั้นก็เรียนไฮสกูลยาว กระทั่งจบปริญญาตรีด้านการบริหารโรงแรมและร้านอาหาร (Hospitality Management) จาก Box Hill Institute และเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารกีฬา (Sports Management) ที่ Deakin University จนจบครับตอนอยู่เมลเบิร์นผมเริ่มทำงานตั้งแต่เรียนไฮสกูล ตอนเรียน ม.5 คุณแม่ก็จะพาไปฝากให้ทำงานที่ออฟฟิศของเพื่อนท่าน โดยผมช่วยดูทั้งเรื่องบัญชีและอื่นๆ ไปด้วย แม้เป็นการทำงานช่วงวันหยุดที่มีรายได้เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สนุกดี แล้วผมยังเคยทำงานที่สนามกอล์ฟด้วย พอเรียนจบไฮสกูลปุ๊บทางโรงเรียนเห็นว่าผมยังมีช่วงว่างๆ ก่อนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย อาจารย์ก็เลยให้ผมไปช่วยเป็นโค้ชสอนกีฬาให้เด็กๆ เป็นงานพาร์ตไทม์ คือตอนนั้นผมเล่นทั้งฟุตบอล ฮอกกี้ และกอล์ฟเลยครับ”

หลังเรียนจบปริญญาตรี เขาก็เริ่มทำงานในบริษัทแคเทอริ่งแห่งหนึ่ง โดยดูแลเรื่องอาหาร พร้อมทั้งรับจัดงานอีเวนต์ไปด้วย ซึ่งเขาชอบมากเพราะสนุกและได้เจอผู้คนหลากหลาย เขาทำงานนี้นาน 5 ปี ระหว่างนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทไปด้วย“กระทั่งจบปริญญาโทผมก็หันมาเป็นครูสอนกีฬาในโรงเรียนแบบเดิม ซึ่งเป็นงานที่ผมชอบ แม้อีกใจหนึ่งจะยังชอบงานแคเทอริ่งอยู่ก็ตาม แต่มันเป็นงานที่กินเวลาเยอะมากและค่อนข้างจะหนัก เรียกว่า ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ นี่ไม่ได้พักเลยครับ ขณะที่ การเป็นครูสอนกีฬามันมีเวลาที่แน่นอน ผมก็เลยเลือกทางนี้ ผมเป็นครูสอนกีฬาอยู่ปีกว่าๆ ก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย”

ด้วยความที่อยู่ออสเตรเลียมาตั้งแต่ 7-8 ขวบ พอกลับมาอยู่เมืองไทยจึงต้องปรับตัวอีกเป็นปีๆ เพราะยังเคยชินกับการใช้ชีวิตที่ออสเตรเลียมากกว่า แต่โชคดีที่สมาชิกส่วนใหญ่ของครอบครัว ทั้งคุณพ่อ คุณอา คุณลุง (บุญชัย เบญจรงคกุล) และญาติๆ เรียนจบจากเมืองนอกกัน จึงเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมีคัลเจอร์แบบฝรั่งหน่อย ทำให้เขาปรับตัวได้ง่ายขึ้น “ทุกวันนี้ผมจะทำงานอยู่ในออฟฟิศเป้นส่วนใหญ่ ทำให้ปรับตัวได้เร็ว กระทั่ง ได้ไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม เลยได้รู้จักกับเพื่อนในชั้นเรียน แล้วเริ่มเรียนรู้และเข้าใจสังคมไทยมากขึ้น ตรงนี้เองที่ทำให้ผมเริ่มปรับตัว มีเพื่อนใหม่ๆ และมีคอนเนคชันมากขึ้น”

หลักการในการทำงานและการใช้ชีวิตของบิ๊กนั้น เขาจะให้ความสำคัญกับการบริหารเวลาของตัวเองและของพนักงานที่บริษัท“ที่ผ่านมาผมคลุกคลีอยู่กับฝ่ายขายมาตลอด ผมจึงให้ความสำคัญทั้งเรื่องการบริหารเวลาส่วนตัว และการบริหารเวลาของฝ่ายขาย ในวันหนึ่งผมจะแบ่งเวลาเลยว่า จะใช้เวลาในออฟฟิศวันละกี่ชั่วโมง สัปดาห์ละกี่วัน และจะใช้เวลาที่ออกไปพบลูกค้าเท่าไหร่ เพื่อที่เราจะได้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง เพราะธุรกิจของเราจะเน้นไปที่การให้บริการ ดังนั้น ช่วงหลังมานี้ผมจึงให้ความสำคัญกับการออกไปพบลูกค้ามากขึ้น อย่างที่ทราบกันดีว่า การทำงานทุกงานย่อมมีปัญหาให้เราได้แก้ไขเสมอ หลักของผมก็คือ ผมจะรีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นทันที เพื่อให้เบาบางหรือจบลงก่อนเลย ผมจะไม่ไปเสียเวลาโฟกัสที่ต้นตอหรือสาเหตุ แต่จะรีบแก้ไขปัญหาให้ลูกค้ารู้สึกแฮปปี้เป็นอันดับแรก และผมจะไม่มองว่าใครเป็นคนผิด เมื่อแก้ไขปัญหาจบลงจึงค่อยย้อนกลับมาดูว่า ปัญหาเหล่านี้มันเกิดขึ้นจากจุดไหน ส่วนใหญ่ผมจะไม่ตำหนิคนผิด แต่ผมจะหาวิธีป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไปซะมากกว่าช่วงที่ผมอยู่ออสเตรเลีย จะทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น แต่พอมาทำธุรกิจของครอบครัวเราเอง ต้องเตรียมตัวให้พร้อม 24 ชั่วโมง ต้องรู้จักบริหารเวลาให้ดี และแน่นอนว่านอกจากเวลาทำงานแล้วก็ต้องมีเวลาส่วนตัวเพื่อรีแลกซ์ด้วย สำหรับผมแล้วเวลาทำงานก็จะจริงจังเต็มที่ แต่หลังทำงานผมก็จะออกไปทานข้าวกับเพื่อนบ้าง เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นตามความสนใจ คือไลฟ์สไตล์ของผมจะมี 2 พาร์ต พาร์ตหนึ่งจะทำงานอย่างจริงจัง ส่วนพาร์ตที่พักผ่อน ถ้าไม่เล่นกีฬาก็จะออกไปท่องเที่ยว ไปทะเล ภูเขา แต่ถ้าช่วงไหนอยากอยู่นิ่งๆ ผมก็จะไม่ไปไหนเลย จะเลือกอยู่บ้านดูทีวี หรือนั่งนิ่งๆ ปล่อยใจให้สบายๆ ครับ”

เห็นดูเป็นหนุ่มบุคลิกดีมีเสน่ห์ แล้วเรื่องการดูแลตัวเองในแบบฉบับของบิ๊กเป็นเช่นไร“เอาจริงๆ นะ ผมแทบไม่ค่อยได้ดูแลอะไรมากมายเลยครับ (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เป็นนักกีฬา จึงอาจดูมีกล้ามเนื้อที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีไปด้วย เคล็ดลับของผมก็คือ การออกกำลังกาย เข้ายิมสัปดาห์ละ 4-5 วันหลังเลิกงาน สัปดาห์ไหนถ้าไม่ออกกำลังกายจะรู้สึกอึดอัดมาก (ยิ้ม) เพราะตอนเรียนที่เมลเบิร์น สังคมของเด็กฝรั่งเขาจะชอบเล่นกีฬากัน คนที่นั่นจะบ้าเล่นกีฬามากๆ เรียกว่ากีฬาเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันเลยละ พอกลับมาอยู่เมืองไทย หลังเลิกงานผมจะเตะฟุตบอลที่สนามหญ้าเทียมใกล้ๆ บริษัท กับพนักงานที่ออฟฟิศนี่แหละ”สำหรับแฟชั่นการแต่งตัวในแบบฉบับของหนุ่มบิ๊กนั้น “ถ้าเป็นชุดทำงาน ส่วนใหญ่สูทนี่ผมจะใช้สีพื้น อย่าง ดำ เทา น้ำเงิน แต่ที่ตัดมาล่าสุดนี้เป็นสีเลือดหมู มีความเป็นแฟชั่นหน่อย ผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้สีนี้กัน แต่ผมว่ามันสวยดี ที่จริงสีโปรดของผมคือ น้ำเงินและฟ้า เพราะโทนนี้ใส่ง่าย แมตช์กับเชิ้ตได้หลายสี ใช้ได้ทุกสถานการณ์ ฉะนั้น ในวันทำงานสีสูทของผมจะเน้นสีเทากับน้ำเงิน ส่วนสูทสีดำจะใช้บางโอกาส แล้วถ้าอยู่ในออฟฟิศก็จะไม่ค่อยผูกเนคไท แต่ถ้าต้องไปพบลูกค้าหรือพบผู้ใหญ่ ผมก็จะใส่เชิ้ตผูกเนคไท และสวมแจ็กเกตไปด้วย ในอนาคตผมอยากจะลองตัดชุดสูทสีเบจหรือสีเขียวเข้มดูบ้าง ซึ่งก็น่าจะเท่ดีครับ ถ้าเป็นช่วงวีกเอนด์ผมจะแต่งตัวสบายๆ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด กางเกงยีนส์ จะออกแนวลุยๆ หน่อย”

ถามถึงไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว บิ๊กบอกว่าในหนึ่งปีจะต้องมีทริปไปต่างประเทศอย่างน้อย 2-3 ครั้ง“ส่วนใหญ่แล้วผมจะไปต่างประเทศช่วงสงกรานต์ บางครั้งก็ไปกับครอบครัว บางทีก็ไปคนเดียวเพื่อไปเจอกับเพื่อนๆ ที่เมลเบิร์น ผมจะชอบเที่ยวทุกแนว แล้วแต่สถานที่ที่ไปตอนนั้น อย่างช่วงฤดูหนาวผมก็จะไปเล่นสกีที่ออสเตรเลีย และปีที่แล้วก็ไปเล่นสกีที่นิวซีแลนด์ ซึ่งทริปเหล่านี้เราต้องแพลนล่วงหน้า ส่วนทริปในเมืองไทยก็มีนะ เพราะเพื่อนๆ ในคอร์สสั้นที่ผมไปเรียน ก็จะจัดทริปไปเที่ยวเชียงใหม่หรือภูเก็ตบ้าง ซึ่งการเดินทางในเมืองไทยมันก็ง่าย ส่วนใหญ่จะไปเสาร์-อาทิตย์ครับ”เป็นหนุ่มหล่อนักธุรกิจขนาดนี้ เรื่องหัวใจไม่ถามไม่ได้ ตามมาอัปเดตสถานะของหนุ่มบิ๊กกัน“จริงๆ แล้วผมไม่มีสเปกผู้หญิงนะว่าต้องรูปร่างหน้าตาแบบไหน คือถ้าคุยกันแล้วเข้าใจกัน และเธอเป็นคนรักครอบครัวก็โอเคแล้วครับ สำหรับ First Impression หน้าตาสวย ผมสั้น ผมยาว อันนี้ก็แล้วแต่อีกนั่นแหละ (หัวเราะ) อย่างตอนที่อยู่เมืองนอกผมก็เคยคบสาวต่างชาติ ผมน้ำตาล ผมทอง ก็เคยคบมาแล้ว ก็เลยไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะต้องเป็นคนไทยหรือต่างชาติ (ยิ้ม)แต่เวลาที่ผมคบใครจริงจัง จะต้องผ่านด่านน้องสาว (น้องเบสต์) ก่อนครับ พูดง่ายๆ ว่าถ้าเธอคนนั้นเข้ากับน้องสาว เข้ากับคุณแม่ เข้ากับครอบครัวของผมได้ก็ผ่านครับ สำหรับสถานะตอนนี้ก็มีคนพิเศษอยู่ครับ ค่อยๆ คบ ค่อยๆ ดูกันไป” หนุ่มบิ๊กทิ้งท้ายซะทำเอาสาวๆ ใจแป้ว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0