โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หนีกระเจิงศึกซักฟอก รัฐมนตรีผวา ล็อบบี้-ถอดชื่อ

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 17 ม.ค. 2563 เวลา 17.06 น. • เผยแพร่ 17 ม.ค. 2563 เวลา 22.05 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ลือสะพัดปรับครม. ดึงเพื่อไทยร่วมรัฐบาล ภูมิธรรมปัดพัลวัน ‘ตู่’ ห้ามใช้นามสกุลนำไปตั้งชื่อสะพาน

*เพื่อไทยไล่เก็บข้อมูลพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ยังไม่ได้คุยกับคนจองกฐิน “บิ๊กป้อม” ทีมกิจการพิเศษ พท.ย้ำไม่ปิดกั้น ซักฟอก “ประวิตร” แต่ต้องมีหลักฐานชัด เผยคนในอึดอัดกับเกมล็อบบี้ต่อรอง ไล่เช็กข่าวเปิดดีลลับกันให้วุ่น ลือสะพัดรัฐบาลพปชร. วางเกมดึง พท.ร่วม รบ. *

“โหรวารินทร์” โยนหิน ปรับ ครม.แน่หลังศึกซักฟอก ขุดโมเดล “รัฐบาลแห่งชาติ” ดึงกลุ่ม เพื่อไทย-อนาคตใหม่ เสียบ “ภูมิธรรม” รีบดับกระแสหันจูบปาก พปชร. บอกยังไกลเกินไป ชี้สูตรพิสดารเกิดได้ต้องวิกฤติหนัก “บิ๊กตู่” อุบไต๋ดึง “กรณ์” แจมทีม ศก. แย้มปรับ ครม.ไปตามสถานการณ์ “ปิยบุตร” ขู่ยุบ อนค.ก่อผลร้ายแน่ “ธนาธร” ปลุก แนวร่วมฟังปราศรัยก่อนถูกยุบ “ชวน” เอือม กมธ. ป.ป.ช.วุ่นไม่เลิก กรีด ส.ส.ต้องมีวุฒิภาวะ “ประยุทธ์” แตะเบรกห้ามใช้ “จันทร์โอชา” ตั้งชื่อสะพาน

จับตาสถานการณ์การเมือง หลังพรรคเพื่อไทย มีท่าทีชัดเจนจะไม่ใส่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้ในบัญชีรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย ไม่ไว้วางใจ จนเกิดกระแสข่าวลือหนาหูว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลพลังประชารัฐ อาจดึงพรรคเพื่อไทย เข้ามาร่วมรัฐบาล เพื่อเสริมความแกร่งเสียงในสภา

พท.ไล่เก็บข้อมูลพรรคฝ่ายค้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงกรอบการอภิปรายของแต่ละพรรค โดยไม่ต้องลงรายละเอียดว่าเขาจะอภิปรายใคร อย่างไร เพื่อรวบรวมความเห็นมาเขียนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้ยกร่าง หลังจากนั้นทั้ง 7 พรรคจะพิจารณาร่างญัตติดังกล่าวร่วมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และจะยื่นญัตติได้ช่วงวันที่ 20-23 ม.ค.ก่อนตรุษจีนแน่นอน ตามกฎหมายบอกให้เร็ว และเป็นหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะหารือถึงความพร้อมกับทางรัฐบาลเพื่อกำหนดวัน

ยังไม่ได้คุยคนจองกฐิน “บิ๊กป้อม”

เมื่อถามว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนอยากอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้วย มีการนำข้อมูลมาให้คณะกรรมการกิจการพิเศษบ้างหรือยัง นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่ได้คุยกับผู้ที่ออกมาให้ความคิดเห็น แต่สัปดาห์หน้าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเรียกประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ เลขาธิการพรรค และประธานวิปฝ่ายค้านมาพูดคุย เพื่อสรุปว่าข้อมูลของแต่ละฝ่ายมีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อสรุปเป็นภาพรวมของพรรคก่อนไปคุยกับพรรคร่วม ใครมีข้อมูลอะไรสามารถส่งได้ 2 ทาง

ย้ำไม่ปิดกั้นซักฟอก “ประวิตร”

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะข้อมูลยังไม่ชัดเจน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัดสินคดีไปแล้ว หากสมาชิกพรรคเพื่อไทยมีข้อมูลใหม่และมีหลักฐานชัดเจนมานำเสนอ คณะกรรมการกิจการพิเศษพร้อมพิจารณา ไม่ปิดกั้น และหากพรรคร่วมฝ่ายค้านประสงค์จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค ส่วนที่มีข่าวลือว่ามีการล็อบบี้ผู้ใหญ่ในพรรค ไม่เป็นเรื่องจริง ใครมีหลักฐานควรนำออกมาแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่กล่าวหากันแบบลอยๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเหมือนยุทธวิธีการทำศึกสงคราม เราต้องวางแผนที่แยบยลเพื่อโจมตีแม่ทัพ ไม่ใช่รองแม่ทัพ หรือนายทหาร หากเรามัวแต่หลงทางวางแผนจัดกระบวนยุทธผิดวิธี จะทำให้เสียเชิงในการรบ เวลาที่ฝ่ายค้านได้รับในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงไม่ได้เยอะมาก จึงต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าอย่างที่สุด

เชื่อ“บิ๊กตู่” เลือกปรับ ครม.ไม่ยุบหนี

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม แสดงความหวาดกลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจสอบ แต่คงไม่ถึงขั้นจะยุบสภาหนีการอภิปราย เพราะยังมั่นใจในเสียงของรัฐบาล และเชื่อว่าฝ่ายค้านไม่สามารถล้มรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ด้วยวิธีการที่ผู้มีอำนาจใช้มัดพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้แตกแถว มีการใช้อิทธิพลทุกรูปแบบ กับพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าหักกับพรรคพลังประชารัฐแน่ ดังนั้นการคุมเสียงในรัฐบาลง่ายกว่าไปเลือกตั้งใหม่ คงมีการปรับครม.เพื่อตัดเนื้อร้ายออก โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ

พท.อีกปีกบ่นอึดอัดเกมต่อรอง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ตามที่คณะกรรมการกิจการพิเศษที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน สรุปรายชื่อรัฐมนตรีที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจเบื้องต้นออกมา 5 ราย โดยไม่ปรากฏชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งสร้างความอึดอัดไม่พอใจให้กับ ส.ส.และแกนนำพรรคบางส่วน อาทิ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย นายศรัณย์วุฒิ ศรันย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่ต่างยืนยันมีข้อมูลใหม่เรื่องความร่ำรวยผิดปกติ รวมถึงเรื่องคนใกล้ชิด ขณะที่ ส.ส.อีสานบางส่วนมองว่ามีการประสานงานล็อบบี้จากฝ่ายรัฐบาลจริง ไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตร รวมทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งก่อนหน้านี้คณะกรรมการกิจการพิเศษระบุว่าจะอภิปรายเรื่องที่ดินย่านบางบอนของบิดานายกฯ แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงอาจไม่อภิปรายประเด็นนี้ หรือทำให้น้ำหนักเบาลง เพราะมีคนใกล้ชิดนายทุนใหญ่เดินทางไปพบแกนนำพรรคบางคน รวมถึงมีรายงานว่ามีการพูดคุยกันระหว่างนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อไม่อภิปรายนายศักดิ์สยาม โดยอ้างการเป็นพันธมิตรกันในอนาคต ทั้งหมดนี้สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับ ส.ส.และแกนนำพรรคบางส่วน เพราะดูเหมือนยอมเกมต่อรองทั้งหมด และทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านมองไม่ดี

ไล่เช็กข่าวเปิดดีลลับกันให้วุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ ส.ส.บางส่วนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์และไล่เช็กข่าวถึงที่มาที่ไป จนทราบว่า 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีบางคนในพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล ที่เคยมีชื่อจะถูกอภิปรายพยายามต่อสายแกนนำพรรคเพื่อไทยที่รู้จักสนิทสนม มีการยื่นหลักประกันไว้เบื้องต้น เช่น จะให้โครงการรับเหมาก่อสร้างมูลค่าสูงถึง 900 ล้านบาท ผ่านคนสนิทแกนนำพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง เพื่อเป็นการซื้อใจ รวมถึงรับปากจะแต่งตั้งเครือญาติแกนนำพรรคเพื่อไทยบางส่วนให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการส่งนักล็อบบี้ยิสต์มาประสาน เพื่อทำให้ข้อมูลที่จะเกี่ยวพันไปถึงทุนยักษ์ใหญ่ รายหนึ่งมีน้ำหนักเบาลง

“เสรีฯ” รอข้อมูลเช็กบิล “ผู้กองนัส”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีความเคลื่อนไหวพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แจ้งความจำนงจะขออภิปรายมุ่งเน้นคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และกำลังรอหลักฐานชิ้นสำคัญจากต่างประเทศ ที่เกี่ยวพันกับเรื่องของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบได้ยกร่างญัตติในกรอบกว้างๆรอแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ระบุชัดถึงมูลเหตุและรัฐมนตรี หากพรรคเสรีรวมไทยได้รับหลักฐานสำคัญมากมาในเร็ววันนี้ จะบรรจุชื่อ ร.อ.ธรรมนัสเอาไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะไปยื่นในสัปดาห์หน้าเข้าไปด้วย

“เทพไท” ชี้แค่ดิสเครดิตรัฐบาล

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวจากพรรคฝ่ายค้านว่า นายกฯอาจชิงยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า น่าจะเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิตรัฐบาล หรือเป็นเกมโหมโรงก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อสร้างกระแสเรียกร้องความสนใจจากประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ออกมาปฏิเสธแล้ว ต้องเชื่อคำพูดนายกฯ เพราะการยุบสภาต้องมีเหตุผลอธิบายต่อสังคมได้ แม้รัฐธรรมนูญจะให้อำนาจนายกฯในการยุบสภาก็ตาม เช่น รัฐบาลแพ้โหวตกฎหมายสำคัญในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หรือรัฐบาลมีความขัดแย้งกับสภาผู้แทนราษฎรจนไม่สามารถทำงานต่อไปได้ นายกฯจึงสามารถใช้สิทธิ์ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ขณะนี้ยังไม่มีสาเหตุ หรือเหตุผลที่จะทำให้นายกฯต้องยุบสภา การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกลไกการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ

ดักคอบรรดาลิ่วล้อพิทักษ์นาย

นายเทพไทกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เคยประกาศพร้อมให้มีการตรวจสอบเต็มที่ โดยเฉพาะตัวนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต่างออกมายืนยันความบริสุทธิ์พร้อมให้มีการตรวจสอบ เชื่อว่าพี่น้อง 3 ป. จะไม่หนีการอภิปราย และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สังคมมีความคาดหวังจะเห็นการอภิปรายและการตอบคำถามของพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายต้องตอบคำถามตรงไปตรงมาแบบไม่ต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายคอยจ้องประท้วง หรือตีรวนให้เสียบรรยากาศ ตอนนี้สังคมกำลังใจจดใจจ่อรอคอยว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตตินี้เมื่อไหร่ มีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่จะถูกอภิปราย ขออย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง

“วิษณุ” แจงหลักยุบสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านระบุว่า นายกฯอาจชิงยุบสภาเพื่อหนีอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ใครเป็นคนปูดล่ะ หลักกฎหมายกำหนดว่านับตั้งแต่วันที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติจนกระทั่งถึงวันลงมติจะยุบสภาในช่วงนั้นไม่ได้ ต้องถามว่าเหตุผลคืออะไร เหตุผลที่จะใช้ก็สารพัดชนิด โดยทฤษฎีที่มีอยู่คือหลักของความขัดแย้ง เกิดความขัดแย้งระหว่างสภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภา เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับสภาฯ หรือเกิดความขัดแย้งในการเมือง กระทั่งไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ ตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการยุบสภามาหลายครั้ง ถึงทราบว่าบางครั้งยุบเพราะมีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับสภาฯ

ปากยาวพูดเล่นจนเป็นเรื่องจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลนี้มีเหตุผลใดที่จะถึงขั้นต้องยุบสภาหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ฟังนายกฯพูดคนเดียวพอแล้ว ตนไม่พูดต่อแล้ว พูดมากจะกลายเป็นคนปูดเอง และเรื่องนี้เป็นเฟกนิวส์แน่ แต่จะทำให้ตื่นตระหนกตกใจถึงขั้นกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง บางทีมันเป็นเฟกนิวส์แต่ไม่ได้กระทบต่ออะไร ก็สนุกดีกรุณาลือต่อ แต่บางครั้งถ้ากระทบต้องจัดการ และใครก็แจ้งความเอาผิดได้ หรือจะไปบอกนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้จัดการ พร้อมกับย้อนถามสื่อว่าพวกคุณรู้หรือว่าใครเป็นคนปูดข่าว ผู้สื่อข่าวตอบว่าฝ่ายค้านระบุว่าเรื่องนี้ออกมาจากคนในรัฐบาลเอง นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ คนเราบางทีพูดเล่นกันไปได้ ฝ่ายผู้รับสารเอาไปพูดต่อให้ดูจริงจัง ปากคนนั้นยาวกว่าปากกายาวไปจนเรื่องพูดเล่นกลายเป็นเรื่องจริง

ปัดหันจูบปากร่วมรัฐบาล พปชร.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐอาจจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อเติมเสียงให้รัฐบาลแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ว่า กระแสข่าวนี้ไม่มีความจริง ไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ และยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป วันนี้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลอยู่ พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบให้การทำงานเป็นไปตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบความไร้ประสิทธิภาพและความไม่ชอบมาพากลในการบริหาร เขาต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีปัญหาเรื่องทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา เราตรวจสอบการทำงานถ้าเป็นจริงตามนั้นรัฐบาลก็ต้องออกไป ไม่ใช่ชวนใครมาร่วมรัฐบาล ขณะนี้รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการไม่ได้รับความเชื่อมั่น และคนส่วนหนึ่งไม่ไว้วางใจรัฐบาล ฝ่ายค้านวันนี้มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเต็มที่ เราเสาะหาข้อมูลว่าไปถึงใครมีความไม่ชอบมาพากลก็จะตรวจสอบเต็มที่

สูตรพิสดารเกิดได้ต้องวิกฤติหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้เริ่มมีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐอาจจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อมาร่วมรัฐบาลนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศเกิดวิกฤติจนไม่มีทางออก ทำให้พรรคการเมืองต้องร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า แต่ที่สำคัญวิกฤติที่ว่านั้นต้องเป็นวิกฤติที่คนทั้งประเทศรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสามารถตอบประชาชนที่เป็นผู้สนับสนุนได้ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยจะเกิดปัญหากับผู้สนับสนุนของตัวเอง

เริ่มหนาหูเกมดึง พท.หลังซักฟอก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2563 ผ่านสภาฯ ไปเรียบร้อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ฝ่ายค้านเตรียม ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมา ยอมรับว่า ที่ผ่านมาแกนนำเพื่อไทยมีการพูดคุยจิบไวน์ กับแกนนำรัฐบาลเป็นระยะ และก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เคยให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม.ว่า ให้รอดูหลังมี พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 เรียบร้อยแล้ว ทำให้เริ่มมีกระแสข่าว และหลายฝ่ายจับตามองการปรับ ครม. อาจมีการ ดึงพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมรัฐบาลเริ่มหนาหูขึ้น

“วารินทร์” โยนหิน “รบ.แห่งชาติ”

นายวารินทร์ บัวรัตน์เลิศ เจ้าของฉายาโหร คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล ระบอบประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้ ทุกเรื่องจะผ่านไปได้ ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังคงยืนยันตามที่เคยบอกไว้ว่าภายใน 3-6 เดือนของปี 2563 จะมีการ ปรับ ครม. ให้คอยดูจากนี้ต่อไป มีแน่นอน โดยบางส่วน เมื่อหมดหน้าที่ก็ต้องออกไป แล้วมีบางคนเข้ามาช่วยกัน จะมีหลายกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามหันหน้าเข้ามาช่วยกัน อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ คล้ายๆรัฐบาลแห่งชาติ เพราะทุกคนเริ่มรู้ความจริงคืออะไร

อุบไต๋ดึง “กรณ์” ร่วมแจมทีม ศก.

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับ ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่ทราบ ส่วนตัวเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงและเชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ผู้อภิปรายคืออะไร ตอนนี้ปล่อยข่าวออกมาวุ่นวายกันหมดแล้ว ทั้งเรื่องการยุบสภาฯ การนำคนนั้นคนนี้มาร่วมงาน ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรสักอย่าง และยังไม่เจอใครสักคน เมื่อถามว่าหมายถึงนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า หมายถึงทุกคนนั่นแหละ ทำอย่างไรได้เมื่อรัฐบาลประกอบด้วยหลายพรรค เรื่องสัดส่วนหรือใครจะมาร่วมหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต เป็นกติกาของแต่ละพรรค เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเสริมทีมเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า อยู่ที่กลไกของเรา เป็นสัดส่วนตามประชาธิปไตย ครม.ใหม่ต้องทำงานตามกลไกใหม่ ยังไม่ได้คิดจะดึงคนนอกมาร่วมงาน

ปรับ ครม.ไปตามสถานการณ์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เฉพาะคนในก็ยังไม่พออยู่แล้ว และต้องรอมติพรรคการเมืองนั้นด้วย ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลรวมทั้งหมด 19 พรรค หลายคนก็อยากมีสัดส่วนใน ครม. เมื่อถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน หมายถึงจะมีวาระแห่งชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยอมรับว่า เป็นไปตามนั้น และต้องหารือทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เมื่อถามเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำสูตรคณิตศาสตร์ ส.ส. 7 คน ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ได้มองเช่นนั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลาฝ่ายการเมืองจะไปคุยกันเอง ขณะนี้มีกระบวนการ ตรวจสอบอยู่มากมาย อีกทั้งหลายพื้นที่ต้องเลือกตั้งใหม่ ตอนนี้ยังไม่นิ่ง เดี๋ยวค่อยว่ากัน จะปรับ ครม.เมื่อไหร่ เป็นไปตามสถานการณ์ วันนี้รัฐบาลมีผลงานมากพอสมควร

“ปิยบุตร” ขู่ยุบ อนค.ก่อผลร้าย

วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอลงเฟซบุ๊ก ระบุถึงท่าทีพรรคอนาคตใหม่ต่อคดียุบพรรคการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ม.ค.ว่า คดีอิลลูมินาติ คือข้อกล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ตน และพรรคอนาคตใหม่ จ้องล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหากมีการสั่งยุบพรรคจริง ทั้งตน นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้รับผลร้ายอะไร พวกเรายังคงเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป แต่ผลร้ายจะเกิดขึ้นกับสังคมใน 3 ด้านใหญ่ คือ 1.การทำลายความหวังและความฝันของคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากเห็นการเมืองดีกว่าที่เป็นอยู่ 2.เกิดการแบ่งแยกกันของช่วงวัยของคนในสังคม หรือที่เรียกว่า “Clash of Generations” ที่จะแตกแยกขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นไปอีก และ 3.สำคัญที่สุด นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เรานำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างศัตรูทางการเมือง “คุณกำลังผลักไสกลุ่มคนจำนวนมากในสังคม ให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถาบันอย่างนั้นหรือ นี่คืออันตรายที่คุณไม่รู้ตัว หรืออาจรู้แต่ไม่สนใจก็ไม่ทราบ”

“ธนาธร” เร้าอาจปราศรัยครั้งสุดท้าย

ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ไม่อาจทราบได้ว่าวันที่ 21 ม.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร หากมีคำวินิจฉัยเป็นโทษต่อเรา ตนอาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และพรรคอนาคตใหม่อาจถูกยุบ ถึงแม้ยังเชื่อในความถูกต้องของเรา และยังเชื่อว่าทั้งหลักฐานและกระบวนการของคดีนี้ มาจากแรงจูงใจในการกำจัดศัตรูทางการเมือง มากกว่าเป็นเรื่องของความผิดชอบชั่วดี แต่หากพรรคถูกยุบ นั่นหมายความว่าการจัดงาน “Future Is Now # อย่ากลัวอนาคต” ในวันที่ 18 ม.ค. ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ รังสิต จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ตนได้พูดคุยกับประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อยากใช้โอกาสนี้เล่าให้ทุกท่านฟังอีกครั้งว่าทำไมเราถึงตั้งพรรคนี้ขึ้นมา อยากเล่าให้ฟังว่าสังคมไทยที่ตนอยากร่วมสร้างกับทุกท่านมีหน้าตาแบบไหน เราจะจัดการกับเศรษฐกิจของเราเช่นใด และเราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร

อนค.รายงาน กกต. 4 งูเห่ายังอยู่

ช่วงเย็นวันเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้รับเอกสารรายงานการเพิ่ม-ลดจำนวนสมาชิกของพรรคอนาคตใหม่ไตรมาสสุดท้ายปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 31 ธ.ค.2562 จัดส่งมาทางไปรษณีย์ ประทับตราลงวันที่ 15 ม.ค. ที่เป็นวันสุดท้ายตามที่กฎหมายกำหนดให้จัดส่งแล้ว พบว่าไม่มีการแจ้งการลดลงของจำนวนสมาชิก โดย ส.ส. ทั้ง 4 คน คือ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี ที่พรรคอนาคตใหม่ระบุว่ามีมติขับพ้นสมาชิกพรรคยังมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคอยู่

“กวินนาถ-จารึก” มีชื่อห้อย พทท.

ขณะที่พรรคพลังท้องถิ่นไทได้มีการแจ้งเอกสารรายงานการเพิ่ม-ลดสมาชิกของพรรคในไตรมาสสุดท้ายของปี 62 มาแล้วเช่นกัน โดยมีสมาชิกเพิ่มขึ้น คือ น.ส.กวินนาถและนายจารึก ทั้งนี้ ทางสำนักงาน กกต. จะรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ และรอรายงานมติขับ 4 ส.ส. ที่ทางพรรคอนาคตใหม่ระบุว่ายังอยู่ระหว่างการตรวจสอบองค์ประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิกพรรค และประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคทั้งหมด เมื่อวันที่ 16-17 ธ.ค. ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ และจะมีการแจ้ง กกต.ในสัปดาห์หน้า

“ศรีนวล-ฐนภัทร” ต้องลุ้นระทึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) กำหนดให้ ส.ส.ที่พรรคมีมติขับพ้นจากสมาชิกพรรค ต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดภายใน 30 วัน กรณีของ 4 ส.ส. ครบกำหนดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. จึงต้องรอดูว่าในสัปดาห์หน้าหากพรรคอนาคตใหม่แจ้ง กกต.ว่าองค์ประชุมถูกต้อง ต้องพิจารณาว่าต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการที่นางศรีนวลและ พ.ต.ท.ฐนภัทร ยังไม่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด จะถือว่าทั้ง 2 คนสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.แล้วหรือไม่ หรือหากพรรคอนาคตใหม่รายงานว่าองค์ประชุมไม่ครบถ้วน ทำให้มติขับ 4 ส.ส. ไม่ถูกต้อง จะทำให้ น.ส.กวินนาถและนายจารึก ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไทแล้ว กลายเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อน 2 พรรค มีผลทำให้ต้องสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.หรือไม่

“ชวน” กรีด ส.ส.ต้องมีวุฒิภาวะ

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี กมธ.ป.ป.ช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพลักษณ์และพฤติกรรมการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมตอบโต้กันว่า ภาพที่ออกมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยหลักใน กมธ.ต้องดูแลกันเองเพื่อให้ปฏิบัติตามหลักการอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ภาพที่ออกมาถือว่าไม่ค่อยเป็นบวกนัก กรณี กมธ.ป.ป.ช.จะมีปัญหาบางเรื่อง เช่น กมธ.ลาออก แต่มีปัญหาว่าประธาน กมธ.ป.ป.ช. ไม่ได้ส่งเรื่องมาที่ประธานสภาฯ กระทั่งต้องมาลาออกในที่ประชุมสภาฯ จนเกิดเป็นปัญหาว่าเรื่องนี้ทำได้ในสภาฯหรือไม่ สุดท้ายให้ กมธ.ดูแลกันเอง ทุกคนเป็น ส.ส.ที่มีวุฒิภาวะเหมือนกันเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ชี้ปลด กมธ. ต้องเข้าข้อบังคับสภาฯ

เมื่อถามว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ป.ป.ช. เตรียมเสนอญัตติให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากประธาน กมธ.ป.ป.ช. ในสภาฯ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำได้หรือไม่ นายชวนตอบว่า เรื่องดังกล่าวมีระเบียบข้อบังคับอยู่แล้วว่าประธาน กมธ.จะพ้นตำแหน่งได้อย่างไร การจะปลดต้องเข้าเกณฑ์ข้อบังคับ ตนไม่อยากจะพูดอะไรไปก่อนล่วงหน้า เพราะเรื่องยังมาไม่ถึงและต้องดูด้วยว่ายื่นเหตุผลมาว่าอย่างไร ส่วนสัดส่วนหรือโควตา เป็นเรื่องภายใน กมธ.ที่ต้องตกลงกันเองไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เมื่อถามว่า ต้องถึงขั้นเชิญ กมธ.ทั้งสองฝ่ายเข้ามาทำความเข้าใจกันหรือไม่ นายชวนตอบว่า ถ้าเขาต้องการก็ยินดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเข้ามา

“ไพบูลย์” ฉะ “เสรีพิศุทธ์” ลุอำนาจ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งใน กมธ.ป.ป.ช. ว่า ทำงานร่วมกันยากมาตั้งแต่ต้น เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ใช้อำนาจบริหารงานตามอำเภอใจ หลายเรื่องไม่คำนึงถึงข้อบังคับ ใช้ กมธ.และฐานะประธานเป็นเครื่องมือทางการเมือง เล่นงานรัฐมนตรี ส.ส.พรรคอื่น เห็นชัดจากกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พยายามตรวจสอบเข้มข้นเพื่อเอาผิด ขณะที่เรื่องตรวจสอบตัวเองที่มีเข้ามากลับไม่มีการบรรจุเข้าวาระประชุมให้ตรวจสอบ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่า มอบหมายงานให้ น.ส.ปารีณาและนายสิระแต่ไม่ยอมทำ นายไพบูลย์ตอบว่า ประธานรับมาเป็นงานจั๊ง (JUNK : ขยะ) เต็มไปหมด ลุแก่อำนาจ ทำเกินขอบเขตหน้าที่ ไม่รับฟังเสียงข้างมาก

สวนโซเชียลไม่ได้ตั้ง “เอ๋” นั่ง กมธ.

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ไม่คาดหวังให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ปรับปรุงบทบาท เคยเตือนเคยบอกแล้วแต่ไม่ฟัง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับ ต้องใช้เสียงในสภาฯถอดถอน หากที่ประชุมสภาฯมีมติถอดถอน วิปทั้งสองฝ่ายอาจต้องคุยกันว่าโควตาประธาน กมธ.จะเป็นของฝ่ายใด ยังคงเป็นของฝ่ายค้านหรือพรรคเสรีรวมไทยหรือไม่ เมื่อถามถึงกระแสโซเชียลมีเดียโจมตี น.ส.ปารีณาและนายสิระ ว่าไม่ควรเข้ามาเป็น กมธ.ป.ป.ช. เพราะมีคดีความค้างคาอยู่ นายไพบูลย์ตอบว่า ทั้ง 2 คนมีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบ ถ้าเอากระแสที่ไม่พอใจมาดูแล้วไปเรียกร้องกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์บ้างได้หรือไม่ เพราะมีเสียงด่ามากมาย ต้องแยกให้ออก การเป็น กมธ.ไม่ได้มาจากการเลือกจากโซเชียล หากอิงตามโซเชียลคงไม่ต้องมีการเลือกตั้ง

พท.จี้ พปชร.ทบทวนตั้ง “เอ๋”

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสต่อต้านหลังมีประกาศลงราชกิจจานุเบกษา แต่งตั้ง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ทั้งที่มีคดีความครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. และบุกรุกที่ป่าสงวนติดตัว ว่า พรรคพลังประชารัฐต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าเหมาะสมหรือไม่ ความจริงเรื่องกรรมาธิการไม่ใช่เรื่องพรรคการเมือง เป็นเรื่องของสภาฯ ถ้าทุกคนไม่ยึดติดกับพรรคการเมืองจะทำให้การทำงานในคณะกรรมาธิการราบรื่นบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้รับมอบหมาย ที่สำคัญการทำงานในกรรมาธิการยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์ ส.ส.ด้วย อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าหารือกันจะได้ทำงานไปด้วยดี ไม่ใช่กระทำไม่เหมาะสมเหมือนภาพที่ออกมา

“ชัยชนะ” ชี้เป็นโอกาสเลือดใหม่

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทยอยลาออกจากพรรค ว่า ยอมรับว่ารู้สึกเสียดายและเสียใจ สมาชิกระดับแกนนำที่ลาออกไปถือว่ามีประสบการณ์การเมือง สามารถประคับ-ประคองรุ่นน้องๆได้ แต่เมื่อตัดสินใจลาออกไปแล้ว ตนและสมาชิกพรรคที่ยังอยู่ต้องเดินหน้าทำงาน และแก้ไขปัญหาภายในพรรคที่มีอยู่ คงต้องทำงานหนัก ยังมองว่าในวิกฤติยังมีโอกาส อยากให้คนรุ่นใหม่ในพรรคและคนรุ่นใหม่ที่กำลังตัดสินใจจะมาทำงานการเมืองกับพรรค ขอให้มารวมพลังช่วยผลักดันพรรคประชาธิปัตย์ไปข้างหน้าด้วยกัน เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะมีบทบาทสำคัญทั้งในระดับพรรคและระดับประเทศ ตนพร้อมจะถ่ายทอดความรู้และเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน

“บิ๊กตู่” ลั่นห้ามใช้ชื่อ-สกุลตั้งสะพาน

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรม ราชูปถัมภ์ (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสภาทหารผ่านศึกครั้งที่ 1/2563 ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามความรู้สึกหลังนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เสนอสร้างชื่อสะพานข้ามจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไป อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยใช้ชื่อ “จันทร์โอชา” เพื่อเป็นเกียรติ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนตอบว่า “ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น ผมได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่เคยให้ใครเอาชื่อของผม หรือตระกูลไปตั้ง ทำไมถึงไม่เชื่อ สมัยเป็น ผบ.ทบ.ก็ไม่เคยให้ใครเอาชื่อไปตั้ง และไม่ใช่เงินของผม ถามว่าจะเอาชื่อไปตั้งทำไม คนเราถ้าจะคิดถึงกันขอให้คิดถึงความดีที่ทำไว้ ไม่ต้องไปตั้งชื่ออะไร คิดถึงคุณงามความดี จะรักเราชอบเราวันหน้าเป็นเกียรติยศและชื่อเสียงของเราเท่านั้น อย่าให้เป็นเรื่องมาก พูดกันไป 3 รอบแล้ว จะสัมภาษณ์กันทำไมอีก”

“สายัณห์” ยันนายกฯไม่เคยสั่ง

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า ยืนยันว่านายกฯไม่เคยสั่งการ ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ที่เสนอเพราะต้องการจุดประเด็นให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับฝ่ายการเมืองเท่านั้น หลังหารือในที่ประชุมสภาฯ แล้วมีผู้ใหญ่ติดต่อมาสอบถาม และแจ้งว่านายกฯ ขอบคุณที่มีเจตนาดี แต่ต้องให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบเส้นทางเพื่อประเมินเรื่องการสร้างสะพาน ส่วนเรื่องชื่อนายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญ ขอให้พักไว้ก่อนอย่าเพิ่งพูดถึงชื่อสะพานตอนนี้

“ศรี” จวกพวกหวังดีประสงค์ร้าย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า การเสนอสร้างสะพานโดยให้ใช้ชื่อสะพาน “จันทร์โอชา” เพื่อเป็นเกียรติกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นั้น การสร้างสะพานแล้วใช้ชื่อสกุลนายกรัฐมนตรีมาตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแบบในอดีตนั้น สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ปัจจุบันรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ บัญญัติห้ามไว้ในมาตรา 186 ห้ามใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อประโยชน์ตนเอง อันขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 10 ดังนั้นหากใครหวังดีแต่อาจประสงค์ร้าย จงเร่งใช้ชื่อหรือชื่อสกุลนายกฯไปตั้งชื่อสะพานหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินโดยเร็ว ก็จะได้มีนายกฯคนใหม่เร็วขึ้น

จี้ “อุตตม” เร่งเบิกงบฯลงทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และนายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมข้อมูลในการลงพื้นที่และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.นราธิวาส ระหว่างวันที่ 20-21 ม.ค. โดยเฉพาะเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การจัดหาแหล่งน้ำที่นายกฯเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน และนโยบายด้านเศรษฐกิจในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนและการพัฒนาให้เป็นไปตามเป้าหมาย

โต้เฟกนิวส์ขุด 500 บ่อบาดาล

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลที่รัฐบาลนำงบฯ 3,079 ล้านบาท ขุดเจาะบ่อบาดาลเพียง 500 บ่อ บ่อละ 6 ล้านบาท ว่าเป็นข่าวเท็จ เป็นข้อมูลปลอม เพราะงบฯ 3,079 ล้านบาท ครอบคลุมโครงการทั้งสิ้น 2,041 โครงการ จะขุดเจาะบ่อบาดาล 1,103 บ่อ แบ่งเป็นของสถานพยาบาล 3 บ่อ และอีก 1,100 บ่อ อยู่นอกเขตการประปา โดยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง 1,270 หมู่บ้าน 577 บ่อ พื้นที่เสี่ยงภัยปานกลาง 526 บ่อ นอกจากนี้ยังมีโครงการหาแหล่งน้ำผิวดินอีก 230 โครงการ ซ่อมโครงสร้างระบบประปา 650 กว่าโครงการ ไม่ได้มีแค่ 500 บ่อ และไม่ใช่บ่อละ 6 ล้านบาท เพราะตามมาตรฐานราคากลางอยู่ที่บ่อละ 1 ล้านบาทเศษ ดังนั้นขอให้หยุดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นัดคน “วิ่งไล่ลุง” ขึ้น สน.บางซื่อ

นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แกนนำคณะกรรมการแนวร่วมสมาพันธ์ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย โพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมโชว์หมายเรียกของตำรวจให้ไปพบ พ.ต.ท.ฉัฐธนาภัฏ แต้มทอง พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายธนวัฒน์ระบุว่า “ได้รับหมายเรียกให้ไปรายงานตัว กรณีจัดงาน #วิ่งไล่ลุง โดยไม่แจ้งการชุมนุมก่อน ขอยืนยันว่างานวิ่งได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้งการชุมนุม นี่คือการใช้ #กฎหมายแบบตู่ๆ กลั่นแกล้งคนเห็นต่าง อย่ายอมให้เขาใช้อำนาจตามอำเภอใจอีกต่อไป พบกันที่ สน.บางซื่อ วันที่ 20 ม.ค.นี้เวลา 13.00 น.”

“เหรียญทอง” จัดเดิน-วิ่งราชพลี

ขณะที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และเลขาธิการองค์กรเก็บขยะแห่งดิน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “เดินๆวิ่งๆชีวิตนี้เป็นราชพลี สืบเนื่องจากเมื่อคืนก่อนได้โพสต์ว่า ถ้าผมเป็นผู้นำประชาชนเพื่อการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะมีใครร่วมเป็นร่วมตายกับผมไหม ปรากฏว่ามีเพื่อนๆจำนวนมากพร้อมและยังเข้ามาเรื่อยๆ จนมีเพื่อนท่านหนึ่งเสนอให้จัดรายการวิ่งเพื่อสถาบัน คิดว่าน่าจะจัดให้เหมาะสมกับทุกสภาพร่างกาย คนที่วิ่งไม่ไหวก็เดินคนที่แข็งแรงก็วิ่ง คนที่นั่งรถเข็นก็เข็น ไม่ต้องมีเส้นชัย ไม่กำหนดระยะทางกี่ กม.ไม่ต้องทำเสื้อ ไม่กำหนดสีเสื้อ ไม่รับบริจาคเงินสิ่งของ ไม่ต้องเสียเงินฟรีทั้งงาน ไม่ถือป้ายเชียร์ ไม่ถือป้ายด่า…มีป้ายเดียวเท่านั้น “ชีวิตนี้เป็นราชพลี”…รายการ Walking & Running for Saving the king…ใครเอากับผมบ้าง แต่ขอไปฟิตร่างกายลดพุงก่อน…เราไม่รีบจัด เพราะไม่อยากให้ถูกนำไปสร้างสถานการณ์ทางเมืองเกิดความวุ่นวาย เราจะทำให้เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์เตรียมพลังแผ่นดินเท่านั้น”

กมธ.แก้ รธน.ผุดไอเดียไลฟ์สด

ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแนวทางการรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเนื้อหารัฐธรรมนูญ โดยทีมโฆษก กมธ.เสนอที่ประชุมให้กำหนดช่องทางการเผยแพร่ และรับฟังความคิดเห็นผ่าน 3 รูปแบบ คือ รูปแบบออนไลน์ เช่น การไลฟ์สดเป็นรายครั้ง รูปแบบ On Ground เช่น การจัดเวทีเสวนา และรูปแบบ On Air เช่น เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านรายการโทรทัศน์รัฐสภา และรายการโทรทัศน์ที่เป็นที่นิยม

ตั้ง “ไพบูลย์-วัฒนา” คุม 2 ชุดเล็ก

ต่อมานายพีระพันธุ์แถลงภายหลังการประชุมว่า การรับฟังความคิดเห็นต้องระวังไม่ให้เป็นชนวนสร้างความขัดแย้ง ต้องเป็นกลาง ห้ามชี้นำไปซ้ายหรือขวา ควรมองเรื่องหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่น่าจะทำให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ ถ้าเรามีโอกาสนำเสนอด้านอื่นๆเข้าไปบ้างประชาชนจะเห็นความแตกต่างและให้ความสนใจ ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุ กมธ. 2 ชุด ได้แก่ คณะอนุ กมธ.วิเคราะห์ศึกษาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน และคณะอนุ กมธ. ประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็นประธาน

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0