และแล้วก็เวียนมาถึงอีกครั้งกับศึกแห่งศักดิ์ศรีของ 2 ทีมฟุตบอล ที่ว่ากันว่ามีฐานแฟนบอลมากที่สุดในโลก “เกมแดงเดือด” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรกประจำศึกพรีเมียร์ลีก ฤดู กาล 2019/20 ซึ่งจะฟาดแข้งกันในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม นี้ เวลา 22.30 น. ที่โรงละครแห่งความฝัน สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของ “ปีศาจแดง”
โดยสาวก “เรดอาร์มี” ได้รับข่าวร้าย เมื่อทีมจะไม่มี “ปอล ป็อกบา” และ “ดาบิด เด เคอา” 2 แข้งคนสำคัญลงสนามช่วยทีม ในเกมแดงเดือด เนื่องจากนัดกันบาดเจ็บ โดย “เด เคอา” บาดเจ็บต้นขาจากการเดินทางไปรับใช้ชาติ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในเกมที่ สเปน เสมอกับ สวีเดน 1-1 ส่วน “ป็อกบา” รวมทั้ง “เจสซี่ ลินการ์ด” ก็ได้รับบาดเจ็บไม่พร้อมลงเล่นเกมนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม “ปีศาจแดง” จะได้ “อองโตนี มาร์กซิยาล -ลุค ชอว์ และ อารอน วาน-บิสซากา” หายเจ็บกลับสู่ทีมอีกครั้ง
ฝั่งทีมเยือน“เจอร์เก้น คล็อปป์”ผู้จัดการทีม“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ได้รับข่าวดีก่อนเกมส์ที่จะออกไปเยือน“ปีศาจแดง” โยในนัดนี้“ลิเวอร์พูล”จะได้นักเตะสำคัญที่หายจากอาการบาทเจ็บมาถึง 3 คน ทั้ง“อลิสสัน เบ็คเกอร์,โจเอล มาติป” และโมฮาเหม็ด ซาลาห์” ทำให้ในเกมส์นี้ ทีม “หงส์แดง” มีโอกาสทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมอันดับ2 ไปอีกสักระยะ
และถ้าทุกอย่างของ “ลิเวอร์พูล” เป็นไปด้วยดีก็เป็นไปได้ว่า 11 ตัวจริง ที่เจอกับ “ปีศาจแดง”ในศึกแดงเดือด น่าจะประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู:อลีสซง เบ็คเกอร์ กองหลัง 4 คน:เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กองกลาง 3 คน:ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองหน้า 3 คน:โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
ถ้าดูจาก 11 รายชื่อ นับเป็นชุดใหญ่ เต็มสูบ เพื่อคว้า 3 แต้มสำคัญกลับบ้าน คงต้องรอดู 11 ตัวจริงของฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่นักเตะหลักได้รับอาการบาทเจ็บเยอะและยิ่งจากเกมส์ทีมชาติ ล่าสุดที่ “แดเนียล เจมส์” ได้รับบาดเจ็บสลบคาสนามอีก และถ้า “เจมส์” ลงไม่ไหวจะยิ่งทำให้เกมส์รุกของ “ปีศาจแดง”ไร้ประสิทธิภาพเข้าไปใหญ่
จะเห็นได้ว่าฟอร์มของทั้งสองทีมค่อนข้างสวนทางกัน โดย 8 นัดแรก “หงส์แดง”ชนะรวดเก็บ 24 เเต้มเต็ม ฉีกหนีอันดับสองอย่าง “เรือใบสีฟ้า”ไป 8 แต้ม ในขณะที่ 5 นัดหลังของ “ปีศาจแดง” พวกเขาชนะเเค่นัดเดียว และเเพ้ไปถึง 2 นัด
อย่างไรก็ตาม “ศึกแดงเดือด” มักจะมีอะไรที่แตกต่างออกไปเสมอ “ปีศาจแดง”อาจจะใช้เกมนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลก็เป็นไปได้ ซึ่ง “หงส์แดง” จะประมาทไม่ได้ เเม้ด้วยประการทั้งปวง แต่เชื่อว่า ไม่มีวิธีหรือหนทางใด ที่ “ปีศาจแดง”จะนำมาต่อกรกับ “จ่าฝูง” ได้สักประการเดียว
ทั้งนี้ ทั้งนั้นขึ้นชื่อว่า “ศึกแดงเดือด” ทุกคนจะต้องนึกถึงเกมที่สนุก ดุเดือด เข้มข้น และที่ขาดไม่ได้ คือ “ใบแดง” แน่นอนว่าคู่รักคู่แค้นอย่าง “แมนยูฯ และ “ลิเวอร์พูล” ที่ต้องโคจรมาเจอกัน ในแต่ละครั้งต้องดุเดือดแน่นอน โดยเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเตะ และส่งผลกระทบไปถึงทีม เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์แรก
“พอล สโคลส์”ปี 2006/2007
เหตุการณ์ใบแดงครั้งนี้เกิดขึ้นในฤดูกาล 2006/2007 จากจังหวะที่ “ชาบี อลอนโซ่” พยายามดึงแขนซ้ายของ “พอล สโคลส์” ด้วยความหงุดหงิด “พอล สโคลส์” ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือการหันกลับไปเหวี่ยงหมัดขวาใส่ “ชาบี อลอนโซ่” แม้ว่าจะไม่โดน แต่จากเจตนาแล้วผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะแจกใบแดงให้กับ “พอล สโคลส์” ออกจากสนามไปในนาทีที่ 86 แต่สุดท้ายเกมนี้ “แมนยูฯ ที่เหลือ 10 กลับเอาชนะไปได้ 0-1 จากประตูของ “จอห์น โอเช” นาทีที่ 90
“ฮาเวียร์ มาสเคราโน่” ปี 2007/08
ใบแดงของ “มาสเคราโน่” เกิดขึ้นในฤดูกาล 2007/08 ในเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เกมนี้ “มาสเคราโน่” โดนใบเหลือตั้งแต่ต้นเกมในนาทีที่ 11 จากจังหวะเสียบอันตรายใส่ “พอล สโคลส์” หลังจากนั้น “มาสเคราโน่” ได้รับใบเหลือที่ 2 เป็นใบแดง ในช่วงก่อนจบครึ่งแรก จากจังหวะที่เข้าไปประท้วงผู้ตัดสิน “สตีฟ เบ็นเน็ตต์” ที่แจกใบเหลืองให้กับ “เฟอร์นานโด ตอร์เรส” ใบแดงนี้อาจจะไม่มีความรุนแรงสักเท่าไหร่แต่เป็นการเสียค่าโง่อย่างหนักของ “มาสเคราโน่” ทำให้สุดท้าย “หงส์แดง” แพ้ไป 3-0 โดย “ปีศาจแดง” ได้ประตูจาก “เวส บราวน์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ นานี่”
“จอนโจ้ เชลวี่ย์” ปี 2012/13
เกมนี้ “หงส์แดง” แพ้คาบ้านให้กับ “ปีศาจแดง” ไป 1-2 แม้ว่าจะขึ้นนำก่อนจาก “เจอร์ราร์ด” แต่ แมนยู ฯ ก็มาได้ 2 ประตูจาก “ราฟาเอล” และ จุดโทษของ “ฟาน เพอร์ซี่” ในช่วงท้ายเกม แน่นอนว่าจุดเปลี่ยนของเกมก็คือจังหวะที่ “จอนโจ้ เชลวี่ย์” โดนใบแดงในนาทีที่ 39 ของการแข่งขัน หลัง “จอนโจ้ เชลวี่ย์” สติแตกพุ่งเข้าเสียบสองเท้าใส่ “จอนนี่ อีแวนส์” จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป
“เนมานย่า วิดิช”ปี 2013/14
ทีม แมนยูฯ ภายใต้การคุมทีมของ “เดวิด มอยส์” เปิดโรงละครแห่งความฝัน สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป 0-3 โดย “หงส์แดง” ได้ประตูจาก “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” 2 ประตูและ “หลุยส์ ซัวเรซ” โดยใบแดงในเกมนี้ เกิดในจังหวะที่ “เนมานย่า วิดิช” เข้าไปเสียบสกัดใส่ “ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์” ทำให้ได้รับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป
“สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ปี 2014/15
เกมนี้แฟนบอล “หงส์แดง” น่าจะจำได้ไม่ลืมเนื่องจากเป็นเกมแดงเดือดนัดสุดท้ายของ “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ตำนานกองกลางของลิเวอร์พูล ที่สุดจะขมขื่น โดย “เจอร์ราร์ด” ถูกเปลี่ยนลงสนามเป็นตัวสำรองแทน “อดัม ลัลลาน่า” เพียง 38 วินาทีเท่านั้น ก็ต้องออกจากสนาม หลังพุ่งย่ำใส่ขาของ “อันเดร์ เอร์เรร่า” กองกลางของ แมนยูฯ จนถูกใบแดงไล่ออกจากสนามไป สุดท้ายเกมนี้ แพ้คาบ้านให้กับ “ปีศาจแดง”ไป 1-2 โดย แมนยู ฯ ได้ 2 ประตูจาก “ฆวน มาต้า” ส่วน “ลิเวอร์พูล” ได้จาก “ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์”
