โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ส.ว.สมชาย ขอ อนาคตใหม่อย่าทำตัวแตกแยก

ข่าวช่องวัน 31

อัพเดต 20 ต.ค. 2562 เวลา 05.51 น. • เผยแพร่ 20 ต.ค. 2562 เวลา 05.20 น. • one31.net
ส.ว.สมชาย ขอ อนาคตใหม่อย่าทำตัวแตกแยก

วุฒิสภา ผ่านพระราชกำหนดโอนอัตรากาลังพลฯ ด้าน สมชาย ขอพรรคอนาคตใหม่อย่าทำตัวแตกแยกเป็นแอนตี้รอยัลลิสต์ หรือปฎิกษัตริย์นิยม ชี้ การออก พ.ร.ก.โอนอัตรากาลังพลฯ มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นเรื่องความมั่นคง…

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 เป็นพิเศษ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดโอนอัตรากาลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า เนื่องจากต้องมีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะการจัดอัตรากำลังพลที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และเกิดความปลอดภัยสูงสุด อันเป็นความปลอดภัยของประเทศ

จึงสมควรโอนอัตรกำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบ ที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในพระองค์ เพื่อสนับสนุนภารกิจของส่วนราชการในพระองค์ในการปฏิบัติหน้าที่ เกี่ยวกับการถวายอารักขา การถวายพระเกียรติ และ การรักษาความปลอดภัย แก่พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์และพระราชอาคันตุกะ รวมทั้งให้การปฏิบัติภารกิจทั้งปวงตามพระราชประเพณีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเกิดความปลอดภัยสูงสุด จึงเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่จำเป็นเร่งด่วนอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และเป็นการรักษาความปลอดภัยของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้

หลังจากนั้น ประธานวุฒิสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปราย โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้อภิปรายว่า เป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การถวายการอารักขา ถือว่าเป็นความมั่นคงของชาติ ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมใจของชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้จึงเป็นกรณีฉุกเฉิน จึงเห็นชอบพระราชกำหนดดังกล่าว ตามที่ ครม.เสนอ

ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายเห็นชอบและอนุมัติ พ.ร.ก.โอนอัตรากาลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการ ในพระองค์ พ.ศ. 2562 ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอภิปราย นายสมชาย ได้ระบุถึงการประกาศโหวตมติสวนของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และเลขาธิการพรรค ว่า เป็นอันตราย สร้างความหน่ายแหนงต่อประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หาก ส.ส.บางส่วนไม่มาสภา 5 ท่านก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมพรรคอนาคตใหม่ต้องสร้างความแตกแยกให้ประเทศไปสู่ความขัดแย้งอีก เพราะไม่อยากให้ประเทศย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมอีกและฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสภาผู้แทนราษฎรเตือน พรรคอนาคตใหม่ อย่าทำตัวเป็นกลุ่มแอนตี้รอยัลลิสต์ หรือปฏิกษัตริย์นิยม อย่าทำตัวแตกแยก และยังขอไปฝากประชาชนทั่วประเทศว่าการออกพระราชกำหนดดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ และทุกอย่างทำตามกฎหมายถูกต้อง ทั้งในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนและความมั่นคง ซึ่งขออย่าแสดงสัญลักษณ์แบบนี้ อย่าให้เกิดวิกฤตประเทศอีกเลย

ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายประธานวุฒิสภาได้ให้สมาชิกโหวตลงมติ ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 226 คน โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติเห็นชอบให้ผ่าน พ.ร.ก. ฉบับนี้ด้วยคะแนน 223 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่มีสมาชิก ส.ว.คนใดโหวตไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ดังกล่าว ซึ่งแสดงว่าที่ประชุมไม่มีใครคัดค้าน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มีการส่ง พ.ร.ก.ดังกล่าวกลับไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0