ท่ามกลางการประกาศผลประกอบการไตรมาศ 3 ปี 2018 ของบริษัทจดทะเบียน จากที่กลุ่มธนาคารซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประกาศผลประกอบการไปเรียบร้อยแล้ว บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอื่นๆ ก็ได้ทะยอยประกาศอย่างต่อเนื่อง ไปดูกันว่าผลประกอบการของแต่ละบริษัทเป็นอย่างไร ทั้ง THAI, BCP, MINT, PTG และ LPN
เริ่มต้นที่บริษัทสายการบินระดับชาติอย่างการการบินไทย หรือ THAI ที่รายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2561 ที่ 3.7 พันล้านบาท จากที่เคยขาดทุน 3.1 พันล้านบาทเมื่อไตรมาศที่ผ่านมา (2Q2561) ด้วยผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กว่า 41% YoY ขณะที่บัตรโดยสารปรับตัวสูงขึ้นเพียง 0.5% YoY โดยที่ราคาหุ้นปิดที่ 13.40 บาท/หุ้น (10 พ.ย. 61)
ตามมาด้วยหุ้นโรงกลั่นอย่างบางจาก หรือ BCP สามารถทำกำไรในไตรมาศปัจจุบันเป็นไปตามที่ตลาดคาด ได้ที่ 1.86 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41% YoY และ 84% QoQ ซึ่งบทวิเคราะห์จากหลักทรัพย์กสิกรไทย ได้กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทอาจจะชะลอตัวต่อไปอีกในไตรมาศ 4/2561 อันเนื่องมาจากผลของการขาดทุนสำรองน้ำมันและสัญญาอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หลักทรัพย์กสิกรยังแนะนำให้ “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นยังมีราคาถูกที่สุดในกลุ่มของโรงกลั่น
มาต่อกันที่หุ้นอาหารและโรงแรมอย่าง MINT ที่อยู่ระหว่างการซื้อกิจการโรงแรมในเครือ NH Hotel Group (NHM) ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาได้ปรับตัวลดลงมาบ้างแล้ว เนื่องจากความกังวลเรื่องภาระหนี้สินที่จะสูงขึ้นหลังการควบกิจการในเครือ NHM และอาจจะต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อชำระในการซื้อกิจการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความกังวลดังกล่าวได้คลี่คลาดลง เนื่องจากบริษัทได้ประกาศอยู่ระหว่างการเสาะแสวงหาพันธมิตรทางการเงินเพื่อถือครองหุ้น NHM ในสัดสัดส่วน 5-10% เพื่อออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) ทั้งนี้ จะการดำเนินการดังกล่าว อาจส่งผลให้ ROE ของบริษัท ลดน้อยลงได้
จากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ PTG ที่มีเพียง 2 ล้านบาท ในไตรมาศ 3Q2561 หรือลดลง 99% ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการได้รับผลกระทบการแทรกแซงน้ำมันของรัฐบาล ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันค้าปลีกปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมียอดขายที่แข็งแกร่งจากการขยายปั๊มอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำมันปลีก เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจาก PTT นอกจากนั้น บริษัทยังมีธุรกิจ Non-oil และโรงกลั่นน้ำมันปาล์มที่จะสามารถสร้างกำไรได้ในปีหน้า
กลับมาที่กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กันบ้าง LPN รายงานกำไรที่ 292 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.2% YoY และ 17.4% QoQ ถึงแม้จะโดนสินค้าคงคลังที่ระบายออกช้าจะฉุดรายได้อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาศถัดไป บริษัทได้ตัดสินใจเลื่อน 3 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 3.0 พันล้านบาท จากไตรมาศ 4/2561 เป็นปีหน้า (2562) ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงกับผลประกอบการในไตรมาศหน้า นอกจากนั้น การออกนโยบาย LTV ที่เข้มงวดของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเชิงจิตวิทยาได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับบริษัทในกลุ่มนี้ที่ต้องหากลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าต่อไป
--------------------------
stock2morrow นำ 5 หุ้นที่เพื่อนๆ น่าจะรู้จักกันดี มาส่องงบในไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง เพื่ออัทเดทข้อมูลข่าวสาวกาลงทุน ไว้ใช้ทำการบ้านกันต่อ
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
