โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สุดระทมครอบครัว ตร.เลย ต้องเก็บของเก่าจ่ายหนี้ หาเงินประทังชีวิต

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

เผยแพร่ 17 ส.ค. 2561 เวลา 13.39 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ครอบครัว ตร.เลย 1 ใน 192 รายผู้เสียหายโครงการกู้ร่วมหนี้กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ชีวิตลำบากหนักต้องเก็บของเก่าขายหาเงินมาประทังชีวิต เงินเดือนหักจ่ายหนี้ไม่เหลือ ความหวังได้เงินคืนริบหรี่…

สืบเนื่องจากตำรวจ ภ.จว.เลย 192 นาย ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สกพ. อดีต ผบก.ภ.จ.เลย พ.ต.อ.เฉลิมพล ยอดปทุม ผกก.อก. ภ.จว.หนองบัวลำภู นายตำรวจติดตาม (คณะทำงาน) พ.ต.อ.อุดร ชูก้าน ผจก.สหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย ชักชวนเข้าร่วมโครงการกู้ร่วมหนี้กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ตร.ภ.จว. ไปปิดหนี้ธนาคาร แต่นำเงินไปลงทุน สูญเงินกว่า 229 ล้านบาท จนต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 สั่งตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง จนคณะการสอบสวนภาค 4 ได้ แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สกพ. อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ฉ้อโกงประชาชน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของครอบครัว ตร.เลย ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ ตร.ภ.จว.เลย พบว่ามีครอบครัวตำรวจตั้งแต่ชั้นประทวนจนถึงนายร้อย ซึ่งส่วนใหญ่ใกล้เกษียณแล้ว ต้องหารายได้พิเศษมาจุนเจือครอบครับ หลังเงินเดือนถูกหักจนติดลบ ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ธนาคารที่เตรียมฟ้องจะยึดบ้าน รถ จ่ายเงินกู้สหกรณ์ฯ โครงการบริหารหนี้ฯ จ่ายเงินกู้ฉุกเฉินรายละ 50,000 บาท และยังมีเงินกู้นอกระบบอีก ส่วนทางผู้บังคับบัญชาเพียงให้กำลังใจ บอกแต่ว่าอยู่ระหว่างหาทางช่วยเหลือมานานนับเดือนก็ไร้วี่แวว จนบางครอบครัวต้องมาหารับซื้อของเก่าขาย

ดาบตำรวจชัยรัตน์ แสนโคตร อายุ 45 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เอราวัณ จ.เลย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนที่จะมาเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ฯ มีหนี้ต้องจ่ายค่าบ้านและรถกับธนาคารเป็นเงิน 2,500,000 บาท เมื่อ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ชักชวนเข้าโครงการบริหารหนี้ฯ เป็นหนี้เพิ่มอีก 2,100,000 บาท และเงินกู้ฉุกเฉินอีก 50,000 บาท มีจ่ายไปบ้าง เหลือหนี้ทั้งหมด 4,500,000 บาท ซึ่งแต่ก่อนรับราชการและรับซื้อของเก่าเป็นอาชีพเสริมว่างก็ไปรับซื้อตามหมู่บ้าน แต่เป็นหนี้มากขึ้นในโครงการบริหารหนี้ฯ ตนเองและแฟนหันมารับซื้อของเก่าเป็นอาชีพ เพื่อความอยู่รอด เพราะเงินเดือนร่วม 30,000 บาท ถูกหักเหลือ 1,000 บาท และลูกสาว 2 คนต้องเรียน ครอบครัวต้องใช้ รายได้ตรงนี้ก็มาจุนเจือได้เดือนละ 2,000-3,000 บาท ก็ดีกว่าไม่ได้ ส่วนคดีก็ไม่คืบหน้าไม่รู้ไปถึงไหน เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาบอกว่าสิ้นเดือนส่งฟ้อง เมื่อฟ้องแล้วจะได้เงินคืนหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยมีความหวังว่าจะได้คืนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ 

"ส่วนท่านสุทิพย์ ก็ไม่รู้จะฝากบอกอะไร ก็ขอแค่นำเงินมาคืน เพราะครอบครัวตำรวจเดือดร้อนมาก และเห็นความลำบากของลูกน้อง เพราะอย่างน้อยก็คนเหมือนกัน มาทำกันแบบนี้มันเกินไป ถามกลับไปถ้าท่านสุทิพย์โดนแบบนี้จะมีความรู้สึกอย่างไร ต้องมีคุณธรรม อย่างน้อยท่านก็เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ต้องเห็นใจลูกน้องบ้าง แบบนี้เห็นแก่ตัวมากเลย ก็ขอฝากไปถึงตำรวจระดับผู้ใหญ่ ให้ช่วยเหลือเร่งรัดคดี และเงินสหกรณ์ฯ ที่หักเงินจนแทบไม่มีเหลือ ขอให้ท่านช่วยเหลือหักน้อยหน่อยได้ไหม เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวตำรวจ" ตำรวจ สภ.เอราวัณ จ.เลย กล่าว

นางนราภรณ์ แสนโคตร อายุ 44 ปี ภรรยาดาบชัยรัตน์ เล่าว่า ตอนนี้ครอบครัวลำบากมากแบบสุดตัวจนไม่รู้จะพูดอย่างไร จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แต่ก่อนเป็นหนี้ทางเดียวก็ไม่พอกิน ต้องใช้เวลาว่างออกมารับซื้อของเก่าเพิ่มรายได้ก็ยังถูไถไปมาได้ แต่ตอนนี้เป็นหนี้กว่า 4,000,000 บาท ตนเองและสามีต้องหันมายึดอาชีพรับซื้อของเก่าที่เป็นอาชีพเสริมมาเป็นอาชีพหลักแล้ว ไม่อย่างงั้นอดตายแน่ เรื่องคิดฆ่าตัวตายยังไม่เคยคิด คิดอย่างเดียวทำอย่างไรให้รอด ต้องสู้แบบไหนถึงจะได้เงินคืนมาจ่ายหนี้ให้เร็วที่สุดเพื่ออนาคตของลูกสาว ส่วนเงินที่สามีไปเข้าร่วมโครงการฯ มีความหวังได้คืนเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาจะช่วยหรือเปล่า เพื่อมาปิดหนี้ 

ส่วนในวันพรุ่งนี้ทีมทนายความของตำรวจเลย ที่ว่าจ้างให้มาฟ้องอดีต ผบก.ภ.จว.เลย และสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ จะเดินทางมารับเอกสารและคำร้องกับตำรวจที่ได้รับผลกระทบที่ จ.เลย เพื่อนำไปตรวจสอบและดำเนินการฟ้องทันที .

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0