วอชิงตัน, 5 มิ.ย. (ซินหัว) -- นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า หลังเผชิญลัทธิปฏิบัติการฝ่ายเดียว (unilateralism) ของสหรัฐฯ มานานหลายปี บรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปก็ไม่เชื่อในตัว โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ว่าจะเสนอความช่วยเหลือพอควรให้แก่พวกเขาอีกต่อไป
บทความของนิวยอร์กไทมส์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (2 มิ.ย.) ระบุว่า การตัดสินใจของ แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อต้นสัปดาห์ในการปฏิเสธเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มจี 7 (G7) ที่ถูกวางกำหนดแรกเริ่มไว้ช่วงปลายเดือนนี้ในทำเนียบขาว ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด
แมร์เคิลกล่าวอ้างถึงการระบาดใหญ่ที่ยังไม่ชะลอลงว่าเป็นเหตุผล ทว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของเยอรมนีกล่าวว่าสาเหตุไม่ใช่เพราะเรื่องนี้
"เธอเชื่อว่ายังไม่มีการเตรียมการทางการทูตที่เหมาะสม เธอไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านจีน เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของทรัมป์ที่เชิญ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และเธอไม่ต้องการถูกมองว่าเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในสหรัฐฯ" สื่อรายงานถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ดังนี้ ซึ่งเสริมว่าแมร์เคิลเองก็ตกตะลึงกับการรตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของทรัมป์ที่จะถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก
ในทำนองเดียวกัน บทความระบุว่า เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเชื่อว่าทรัมป์ได้ทำลายความมั่นคงของยุโรป ด้วยการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเกือบทุกข้อตกลงที่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธกับรัสเซียเพียงฝ่ายเดียว
"บ่อยครั้งในอดีต มีเหตุการณ์หลากหลาย เช่นการที่สหรัฐฯ ถอนตัวเพียงฝ่ายเดียวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน หรือข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือสนธิสัญญาว่าด้วยการเปิดน่านฟ้า (Treaty on Open Skies) หรือการที่สหรัฐฯ สั่งห้ามการเดินทางจากน่านฟ้ายุโรปไปยังสหรัฐฯ อย่างกะทันหัน ทรัมป์ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของพันธมิตร หรือปรึกษาหารือกับพวกเขาเลย" บทความระบุ
การต่อต้านของทรัมป์ต่อสถาบันระหว่างประเทศและข้อตกลงเหล่านี้ถือเป็น "ความอุกอาจสำหรับชาวยุโรปอย่างแมร์เคิลและมาครง ผู้ภักดีต่อลัทธิพหุภาคี (multilateralism)" บทความอ้างอิงถ้อยคำของ วิลเลียม โดรอซเดียก (William Drozdiak) นักวิชาการอาวุโสของสถาบันบรูกกิงส์ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไว้เช่นนี้
