โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สินทรัพย์ดาวเด่นปี 2563

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 15 ธ.ค. 2562 เวลา 07.15 น.

ภาพการลงทุนปี 2562 อาจดูยาก สำหรับนักลงทุนที่วางเงินไว้กับตลาดหุ้นไทยและตราสารหนี้ในประเทศไทยเท่านั้น ท่ามกลางข้อพิพาท ระหว่างมหาอำนาจทางการค้าสหรัฐและจีน และการชะลอตัวในการลงทุนและบริโภค การค้าระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี หากนักลงทุนเริ่มมีการพิจารณาวางเงินลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และกองอินฟาฯ-อสังหาฯ-รีท ด้วยในพอร์ตลงทุน อัตราผลตอบแทนการลงทุนจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะทีเดียว ทั้งนี้เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ให้ผลตอบแทนเท่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเท่านั้น คือ 3% เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ เปลี่ยนแปลงเลยจากต้นปีก่อนในรอบ 12เดือน แต่หากนักลงทุนถือหุ้นเองส่วนใหญ่ ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ขาดทุน

แต่หากเราเพิ่มการถือครองกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาฯ จะได้อัตราผลตอบแทนราว 20% จากส่วนต่างราคารวมเงินปันผล และหากท่านเพิ่มสัดส่วนการลงทุน ในตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป เข้าไปด้วย ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ให้ผลตอบแทนเกิน 20% ทั้งสิ้นในรอบ 12 เดือน

จริงครับ ผมมาพูดตัวเลขเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว และความจริงเกิดขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่เป็นข้อคิดคือ ท่านนักลงทุนไม่ควรวางเงินไว้กับตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว ความจริงคือ เศรษฐกิจไทย และกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไม่ได้ขยายตัวได้สูงเช่นในอดีต 15 ปีก่อน เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงวิธีแนวคิดปฎิบัติสำหรับการค้า แต่เราควรยอมรับว่า อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะน้อยลงจากค่าเฉลี่ยที่ผ่าน มาที่ระดับ 12% ต่อปี

พิจารณาจากผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นโลกจะให้ผลตอบแทน 20% ในปี 2562 ซึ่งถือว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังน่าลงทุน ในปีถัดไป กองอสังหาฯและโครงสร้างพื้นฐานยังให้ผลตอบแทนในอัตรา 20% หากรวม เงินปันผล ก็ถือว่าดีเช่นกัน กองทุนทองคำปีนี้ ไม่ดีเท่าไรนัก แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในสกุลดอลลาร์สรอ. แต่ถูกทอนด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์สรอ. ที่แข็งมากว่า 5.4% ดังนั้น ผลตอบแทนสุทธิจะเหลือ 8.6%

สรุปคือ ตลาดหุ้นปีหน้าน่าจะยังเป็นดาวเด่นด้านการสร้างอัตราผลตอบแทนปี 2563 เพียงแต่ควรกระจายเงินลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่นๆ มากกว่าการลงทุนในตลาด หุ้นไทยเพียงแห่งเดียว เนื่องจากอัตราการขยายตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยมีจำกัด และมูลค่าพีอีไทยคาดการณ์ ปีหน้าเท่ากับตลาดหุ้นสหรัฐที่ 16 เท่าแต่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่นที่ 12.6 เท่า

ถัดไปอันดับสองคือการลงทุนในกองทุนอสังหาฯรีทส์และโครงสร้างพื้นฐานน่า จะยังให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าตราสารหนี้ หุ้นกู้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะ ไม่น่าเกิดขึ้นภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำเช่นกัน

อันดับสามคือ การลงทุน ในกองทุนทองคำซี่งเป็นสัดส่วนจำกัด เพื่อประกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทางการเงินหรือสงครามเท่านั้น อันดับสุดท้ายคือน้ำมันดิบ ซึ่งได้รับผลกระทบจากซัพพลายส่วนเกินสูงกว่าดีมานด์ ส่งผลให้ ราคาน้ำมันขึ้นได้จำกัดรวมถึงความเสี่ยงจากเทคโนโลยีรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0