หลายท่านนอกจากจะลงทุนในสินทรัพย์กันแล้วไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุน ตราสารอนุพันธ์ แต่หลายท่านยังคงไม่ลืมว่าคนเราอายุก็มากขึ้นทุก ๆ วันเวลาก็เดินไปเรื่อย ๆ สุขภาพของคนเราก็ไม่มีวันแน่นอนจะเจ็บจะป่วยตอนไหนบ้าง ก็ไม่สามารถที่จะตาดเดาได้ การเจ็บป่วยแต่ละครั้ง หรือประสบอุบัติเหตุ เชื่อว่าหลายท่านพอถึงเวลานั้นต้องหาเงินกันให้เป็นว่าเล่น หรือบางท่านอาจจะมีประกันสุขภาพอยู่แล้วแต่เมื่อเข้ารับการรักษาจริงยิ่ง โรงพยาบาลเอกชนด้วยแล้วบางท่านถึงขนาด…..เลยสะด้วยซ้ำ ค่าใช้จ่ายอาจไม่พอประกันสุขภาพที่ตัวเองทำไว้อาจครอบคลุมไม่หมดทำให้ต้องควักเงินตัวเองจ่าย
“วันนี้ผมจะแนะนำประกันสังคมเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาพยาบาลและเป็นทางเลือกในการออมด้วยครับหลายท่านอาจจะละเลยไม่สนใจแต่ผมบอกได้เลยว่ามันคุ้มมากครับ”
นับเป็นก้าวแรกของการประกันสังคมไทย ที่ให้หลักประกันแก่ลูกจ้างกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอันเนื่องมาจากการทำงาน ทั้งนี้กองทุนเงินทดแทน เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2515 ภายใต้การบริหารของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน กรมแรงงาน ประเทศไทยจึงมีการประกันสังคมอย่างเต็มรูปแบบ โดยลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครอง ทั้งในเรื่องการประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยทุพพลภาพ และตาย ทั้งนี้เนื่องและไม่เนื่องจากการทำงาน รวมไปถึงการคลอดบุตรสงเคราะห์บุตร ชราภาพ และการว่างงาน เฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ
*ประกันสังคม มี 3 แบบครับ *
การปรับขึ้นของค่าประกันสังคมที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มประกาศใช้เมื่อไหร่โดยเงินที่เราจ่ายสมทบเข้าไป ทำให้เราได้รับสวัสดิการถึง 7 อย่างข้างต้น เรามาดูกันว่า 750 บาทของเรา ไปอยู่ในสวัสดิการด้านไหนเท่าไหร่บ้าง
1. ลูกจ้างประจำพนักงานเอกชน มาตรา 33 (บังคับ)
กรณีเจ็บป่วย
เงื่อนไข : ต้องจ่ายสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน
- ในกรณีเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
- ในกรณีที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอื่นโดยที่ได้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน สามารถเบิกคืนได้
- สถานพยาบาลของรัฐ สามารถเข้ารับการรักษาได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ในกรณีเป็นผู้ป่วยนอก เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น และในกรณีเป็นผู้ป่วยใน เบิกได้ตามที่จ่ายจริง ยกเว้น ค่าห้องและค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท
- สถานพยาบาลเอกชน กรณีผู้ป่วยนอกเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 1,000 บาท กรณีผู้ป่วยใน ค่ารักษาพยาบาลกรณีไม่ได้รักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท ค่าห้องค่าอาหารไม่เกินวันละ 700 บาท ค่าห้องกรณีรักษาในห้อง ICU เบิกได้ไม่เกินวันละ 4,500 บาท กรณีต้องผ่าตัดใหญ่เบิกได้ไม่เกินครั้งละ 8,000 – 16,000 บาท
- กรณีทันตกรรม เข้ารับบริการ ณ สถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคม ไม่เกิน 900 บาทต่อปี
กรณีคลอดบุตร
เงื่อนไข: ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
- สามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ 13,000 บาทต่อการคลอดบุตร 1 ครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
- ผู้ประกันตนหญิงได้รับเงินสงเคราะห์จากการลาคลอดเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 90 วัน (ใช้สิทธิได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และ 2 เท่านั้น)
- กรณีสามีและภรรยาสามารถเลือกใช้สิทธิได้เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
กรณีทุพพลภาพ
เงื่อนไข : ต้องจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน
- รับเงินทดแทนขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิตในกรณีทุพพลภาพร้ายแรง
- ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเมื่อมีมติให้เป็นผู้ทุพพลภาพ
- ได้รับเงินสงเคราะห์เสียชีวิต
- หากผู้ทุพพลภาพจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 3 ปีแต่ไม่ถึง 10 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้าง 2 เดือน แต่หากจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้าง 6 เดือน
กรณีเสียชีวิต
เงื่อนไข : สาเหตุการเสียชีวิตต้องไม่เกิดจากการทำงาน และจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือนขึ้นไป
-ค่าทำศพ 40,000 บาท และ ทายาทสามารถขอรับคืนเงินกรณีชราภาพได้ภายใน 2 ปี
กรณีสงเคราะห์บุตร
เงื่อนไข: จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
-เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรม หรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
-ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาท ตั้งแต่บุตรอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ สามารถขอใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 3 คน
กรณีชราภาพ
เงื่อนไข: ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน (ไม่จำเป็นต้องจ่าย 180 เดือนติดต่อกัน)
-มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
สิทธิประโยชน์
-ถ้าจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือน ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
-ถ้าจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะได้รับการปรับเพิ่มบำนาญชราภาพอีกร้อยละ 1.5 สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือนทุกๆ 12 เดือนที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือนนั้น
กรณีบำเหน็จชราภาพ
เงื่อนไข: จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
-มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย
-ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
สิทธิประโยชน์
-ถ้าจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ
-ถ้าจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบ พร้อมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
-กรณีผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับตั้งแต่ได้สิทธิบำนาญชราภาพ จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต
กรณีว่างงาน
เงื่อนไข: จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนขึ้นไป
-มีระยะเวลาว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป
-ในกรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามระยะเวลา จะได้รับเงินทดแทนระหว่างว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย ซึ่งค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
2. ผู้ที่เคยเป็นพนักงานแต่ลาออกมาแล้ว ประกันสังคมมาตรา 39
"สำหรับคนที่ออกจากงานประจำ ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำอาชีพอิสระ แต่ยังต้องการรักษาสิทธิ์ตรงนี้อยู่"
-จากที่สมทบเดือนละ 750 บาทจะเหลือเดือนละ 432 บาท โดยนายจ้างไม่ได้ช่วยเราสมทบแล้ว แต่รัฐบาลยังสมทบให้เราเดือนละ 120 บาท
-สวัสดิการตรงนี้เราจะยังได้เหมือนมาตรา 33 แต่สวัสดิการที่หายไปเลย คือการว่างงาน อีกส่วนหนึ่งที่กระทบจะเป็นกรณีชราภาพ บำเหน็จ/บำนาญเราอาจจะได้น้อยลง โดยต้องดูเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
3. ฟรีแลนซ์ แรงงานนอกระบบ ประกันสังคมมาตรา 40 (สมัครใจ)
"ฉบับ Freelance เข้าร่วมโดยสมัครใจ"
- คุณสมบัติของผู้ประกันตน อายุ 15-60 ปี และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39
มี 3 แพคเกจเลือกได้ตามนี้เลยครับ
แพคเกจที่ 1 : 70 บาทต่อเดือน
• กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยรับค่าทดแทนขาดรายได้ รับสิทธิ ผู้ป่วยในและนอกรวมกันไม่เกิน 30 วัน/ปี
- ผู้ป่วยใน วันละ 300 บาท
- ผู้ป่วยนอก หยุดเกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 200 บาท / หยุดไม่เกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 50 บาท
• กรณีทุพพลภาพ รับค่าทดแทนขาดรายได้ เป็นระยะเวลา 15 ปี
- ได้รับค่าทดแทนรายเดือน 500-1,000 บาท (ขึ้นกับระยะเวลาส่งเงินสมทบ)
- เสียชีวิตระหว่างทุพพลภาพ ได้รับค่าทำศพ 20,000 บาท
• กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 20,000 บาท ถ้าจ่ายเงินสมทบครบ 60 เดือนก่อนเสียชีวิตได้รับเงินเพิ่ม 3,000 บาท
แพคเกจที่ 2 : 100 บาทต่อเดือน
• กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยรับค่าทดแทนขาดรายได้ รับสิทธิ ผู้ป่วยในและนอกรวมกันไม่เกิน 30 วัน/ปี
- ผู้ป่วยใน วันละ 300 บาท
- ผู้ป่วยนอก หยุดเกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 200 บาท / หยุดไม่เกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 50 บาท
• กรณีทุพพลภาพ รับค่าทดแทนขาดรายได้ เป็นระยะเวลา 15 ปี
- ได้รับค่าทดแทนรายเดือน 500-1,000 บาท (ขึ้นกับระยะเวลาส่งเงินสมทบ)
- เสียชีวิตระหว่างทุพพลภาพ ได้รับค่าทำศพ 20,000 บาท
• กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 20,000 บาท ถ้าจ่ายเงินสมทบครบ 60 เดือนก่อนเสียชีวิตได้รับเงินเพิ่ม 3,000 บาท
• กรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล 50 บาท x จำนวนเดือนที่ส่ง x ดอกเบี้ยรายปี (ต้องรอติดตามประกาศนะครับ)
แพคเกจที่ 3 : 300 บาทต่อเดือน
• กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยรับค่าทดแทนขาดรายได้ รับสิทธิ ผู้ป่วยในและนอกรวมกันไม่เกิน 30 วัน/ปี
- ผู้ป่วยใน วันละ 300 บาท
- ผู้ป่วยนอก หยุดเกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 200 บาท / หยุดไม่เกิน 3 วัน ชดเชยวันละ 50 บาท
• กรณีทุพพลภาพ รับค่าทดแทนขาดรายได้ตลอดชีวิต
- ได้รับค่าทดแทนรายเดือน 500-1,000 บาท (ขึ้นกับระยะเวลาส่งเงินสมทบ)
- เสียชีวิตระหว่างทุพพลภาพ ได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท
• กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท
• กรณีชราภาพ ได้รับเงินก้อนพร้อมดอกผล 150 บาท x จำนวนเดือนที่ส่ง x ดอกเบี้ยรายปี (ต้องรอติดตามประกาศนะครับ)
• กรณีสงเคราะห์บุตร ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร โดยรับเงินรายเดือนตั้งแต่เด็กแรกเกิด ถึง 6 ปีบริบูรณ์ คนละ 200 บาท ได้ครั้งละไม่เกิน 2 คน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :สำนักงานประกันสังคม, Page FacebookFriendnancial
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่