โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สาวนนทบุรี ปลูกบัวมากกว่า 4 ทศวรรษ

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 27 ก.พ. 2563 เวลา 07.37 น. • เผยแพร่ 27 ก.พ. 2563 เวลา 07.37 น.
บัว

บัว เป็นพืชประเภทล้มลุกมีหัวอยู่ในดิน การเจริญเติบโตชูใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ดอกเป็นกลีบที่เรียงซ้อนกันหลายชั้น แต่ละสายพันธุ์มีขนาดและสีสันของดอกเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน มีความสวยงดงาม สมดังที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีแห่งไม้น้ำ”

บัว นับว่ามีความสำคัญกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน จะเห็นได้จากศิลปะแขนงต่างๆ ก็จะนำบัวเข้ามาร่วมกับวิถีชีวิตประจำวัน เช่น พิธีกรรมทางศาสนา การนำใบบัวมาห่ออาหาร ตลอดจนเป็นอาหารและสมุนไพรเพื่อเป็นยา

นักพฤกษศาสตร์จำแนกบัวเป็น 2 วงศ์ (Family) ได้แก่

1.วงศ์ไม้น้ำก้านแข็ง (Nelumbonaceae) มีชื่อที่เรียกสามัญในภาษาอังกฤษว่า Lotus มีลักษณะก้านแข็ง บัวในวงศ์นี้มีเพียงสกุล (Genus) เดียว คือ สกุล Nelumbo (ปทุมชาติ) เช่น บัวหลวง บัวฉัตร และบัวแหลม

  • วงศ์ไม้น้ำก้านอ่อน (Nymphaeaceae) มีชื่อสามัญที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Waterlily ที่รู้จักกันเป็นบัวสาย ก้านมีลักษณะที่อ่อน มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและเขตอบอุ่นหนาว บัวในวงศ์นี้มีด้วยกัน 6 สกุล (Genus) คือ สกุล Barclaya, สกุล Euryale, สกุล Nuphar, สกุล Nymphaea, สกุล Ondinea และ สกุล Victoria

จาก 6 สกุล (Genus) ข้างต้น สกุลที่น่าสนใจและมีนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องจากมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์และมีความสวยงาม ได้แก่ สกุล Nymphaea สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 สกุลย่อย (Subgenus) คือ

  • สกุลย่อย Anecphya เป็นพวกบัวยักษ์ออสเตรเลีย
  • สกุลย่อย Brachyceras เป็นพวกบัวผัน บัวเผื่อน บัวจงกลนี
  • สกุลย่อย Confluentes เป็นบัวยักษ์ออสเตรเลียอีกจำพวกหนึ่ง
  • สกุลย่อย Hydrocallis เป็นพวกบัวเขตอบอุ่น ดอกจะบานในช่วงเวลากลางคืน
  • 5. สกุลย่อย Lotos เป็นบัวที่อยู่ในเขตร้อน ดอกจะบานในช่วงเวลากลางวัน หรือที่ทุกคนรู้จัก คือ บัวกินสายที่มีอยู่ในประเทศไทย
  • Nymphaea เป็นบัวเขตอบอุ่น ดอกจะบานในช่วงเวลากลางวัน คนไทยรู้จักในชื่อ “บัวฝรั่ง” มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Hardy Waterlily สามารถนำมาพัฒนาพันธุ์ได้ดี

จากความสวยน่าหลงใหลชวนมองแบบไม่ชวนเบื่อ บัวจึงถือเป็นไม้ประดับที่นำมาปลูกลงในอ่างน้ำเพื่อตกแต่งบ้านเรือน เป็นสิ่งที่สวยงามไม่แพ้ไม้ดอกไม้ประดับชนิดอื่นๆ เหมือนเช่น สวนบัวปางอุบล อยู่บ้านเลขที่ 25 ติวานนท์ 46 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โดยมี น.ต. ปริมลาภ ชูเกียรติมั่น หรือ คุณพราว เป็นเจ้าของ

จากช่วยคุณพ่อดูแล

กลับกลายเป็นสิ่งล้ำค่าในชีวิต

คุณพราว เล่าให้ฟังว่า ผู้ที่เริ่มปลูกบัวคนแรกของครอบครัว คือ ดร. เสริมลาภ วสุวัต ซึ่งเป็นคุณพ่อของเธอ

“ประมาณ 2512 คุณพ่อเริ่มสนใจเรื่องบัว ด้วยเหตุผลที่ว่าในสายงานของคุณพ่อ คือถูกส่งไปดูงานเกี่ยวกับยางพาราที่ภาคใต้ ไม่มีเวลาอยู่บ้านมากนัก เพราะต้องเดินทางบ่อย แต่พอกลับมาอยู่บ้าน สิ่งที่คุณพ่อชอบมากที่สุดคือไปดูตลาดดอกไม้ สมัยก่อนตลาดดูต้นไม้นี่จะอยู่ที่สนามหลวงเป็นตลาดที่ใหญ่ ก็จะเห็นบัวหน้าตาประหลาดๆ ที่นำเข้ามาจากเมืองนอก ท่านก็เลยสนใจ เพราะสมัยที่ท่านเรียนที่เมืองนอก ท่านก็เคยเห็นว่าที่เมืองนอกมีบัวพวกนี้ ก็เลยคิดที่จะปลูกเพื่อเป็นกิจกรรมของท่าน การที่เอามาปลูกที่บ้านท่านคิดว่าไม่ต้องดูแลอะไรมาก แค่เติมน้ำเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน ทำให้คุณแม่ก็ไม่ต้องมาดูแลอะไรมาก ก็จึงเริ่มปลูกบัวตั้งแต่นั้นมา ท่านก็เรียนรู้ศึกษาไปกับสิ่งที่ทำตั้งแต่นั้นเลย” คุณพราว เล่าถึงความเป็นมา

บัวที่นำมาปลูกภายในบ้าน คุณพราว บอกว่า มีลักษณะที่แตกต่างไปจากบัวที่มีอยู่ไทย บัวที่นำเข้ามาสมัยนั้น คุณพ่อของเธอเรียกเป็นบัวฝรั่ง (Hardy Waterlily) เพราะบัวเหล่านั้นมาจากเขตอบอุ่นหนาวที่อยู่เมืองนอก คุณพ่อของเธอจึงศึกษาอย่างจริงจังในสิ่งที่ชื่นชอบ

จากสิ่งที่คุณพ่อของคุณพราวสนใจ จึงถูกถ่ายทอดแทรกซึมมาภายในชีวิตของเธอ ทำให้เธอหลงรักมนต์เสน่ห์ในการปลูกเลี้ยงดูแลบัวด้วยเช่นกัน

“รู้สึกภูมิใจว่าคุณพ่อท่านเข้าใจคิด เวลาที่ท่านทำการปลูกหรือทำอะไร ก็จะให้เรามาอยู่ด้วยตลอด เราก็จะเกาะหลังท่านเสมอสมัยเด็ก พอโตมาหน่อย เวลาที่ท่านต้องจดข้อมูล เราก็จะต้องจดทำให้ท่าน ทำให้สิ่งต่างๆ โดนปลูกฝั่งมาในชีวิตเรา เราจึงได้เรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกับคุณพ่อ บัวจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเลย” คุณพราว กล่าวด้วยสีหน้าแววตาที่แสดงให้เห็นถึงความสุขของเธอในสมัยนั้น

บัว ทรงจะดี ดอกจะงามสีสดสวย

เพียงปลูกบัวแบบเข้าใจ ไม่มีอะไรยุ่งยาก

คุณพราว บอกว่า การจะปลูกบัวให้ดี ให้สวย ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าลักษณะนิสัยของบัวนั้นเป็นอย่างไร เจริญเติบโตแบบไหน เพราะบัวมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ และแต่ละพันธุ์มีการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน

“บัวที่เน้นมาเพื่อเป็นบัวประดับ จะอยู่สกุล Nymphaea ซึ่งในสกุลนี้ยังแบ่งเป็นอีก 6 สกุลย่อย โดยทั้ง 6 สกุลย่อย จะแบ่งตามขอบเขตของต้นกำเนิด ขอบเขตของลักษณะประจำพันธุ์ที่มีแตกต่างกัน เช่น เวลาของการบานของดอก รูปทรงดอก ลักษณะของใบ ซึ่งใน 6 สกุลย่อยนี้ ที่คนไทยรู้จักดีก็คือ สกุลย่อยพวกบัวผัน บัวเผื่อน ดอกบานเวลากลางวัน สกุลย่อยพวกบัวกินสายที่ดอกจะบานตอนกลางคืน และส่วนอีกสกุลย่อยที่คนไทยรู้จักดีคือบัวฝรั่งดอกสวยแปลกตา อันนี้คือคร่าวๆ นะ ซึ่งทั้ง 6 สกุลย่อยนี้สามารถนำมาผสมกันได้ เพื่อเป็นการพัฒนาพันธุ์” คุณพราว อธิบาย

บัวจะเจริญเติบโตได้ดีต้องปลูกในพื้นที่ที่บัวอยู่แล้วสบาย เช่น บัวที่อยู่ในกระถางที่ประดับหน้าบ้านไม่สามารถหาอาหารได้เอง เพราะมีเนื้อที่จำกัด เมื่อเทียบกับบัวที่ปลูกภายในสระน้ำจะมีอาหารที่สมบูรณ์กว่า

“บัวที่ปลูกต้องดูว่าหาอาหารได้ไหม อย่างบัวในสระน้ำ เราไม่ต้องเสริมอะไรมาก เราต้องดูแลบัวที่อยู่ในกระถางให้ดี ด้วยการใส่ปุ๋ยให้เขาบ้าง ให้เขาได้มีอาหารที่สมบูรณ์ ส่วนใครที่ซื้อมาจากร้านที่จำหน่ายในกระถางเลย ตรวจดูสิว่าดินน้อยไปไหม ดินหมดสภาพเหรอยัง เราก็อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนดินให้บัวใหม่” คุณพราว กล่าว

กระถางที่เหมาะสมสำหรับปลูกบัว คุณพราว บอกว่า มีความแตกต่างกันควรเลือกกระถางให้เหมาะสมกับแต่ละชนิด

“กระถางควรเลือกให้เหมาะกับชนิดของบัว เช่น ปลูกบัวหลวงกับบัวฝรั่งพวกนี้เจริญเติบโตแนวนอน ควรเลือกกระถางที่แบนกว้าง แต่ถ้าเป็นบัวที่เป็นพวกบัวสาย บัวผันบัวเผื่อน บัวยักษ์ออสเตรเลีย และก็บัววิคตอเรีย กระถางที่ปลูกควรเป็นแบบสูงลึก เพราะการเจริญเติบโตเป็นแบบแนวดิ่ง” คุณพราว กล่าวถึงการเลือกกระถางปลูกบัวที่ถูกวิธี

การดูแลรักษา คุณพราว บอกวิธีง่ายๆ ว่า อย่าปล่อยให้น้ำภายในกระถางเน่า มีการให้ปุ๋ยบ้างเพื่อบำรุง ปุ๋ยที่ใช้เป็นสูตรเสมอ คือ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ก็ได้ ใส่ปุ๋ยประมาณ 1 ช้อนชา โดยนำปุ๋ยมาห่อด้วยดินให้เป็นก้อน แล้วฝังลงไปในดินบริเวณที่ปลูกบัว ใส่ปุ๋ยทุก 15 วัน การทำด้วยวิธีนี้จะทำให้บัวได้รับปุ๋ยได้โดยตรงดีกว่าการหว่านลงไปในน้ำ

โรคที่เกิดกับบัวจะเป็นพวกเชื้อรา จะเกิดในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยน อีกโรคที่คุณพราวบอกว่าเป็นตัวปัญหาอยู่เหมือนกัน คือ โรคใบจุด ป้องกันด้วยการปลิดใบทิ้ง ส่วนสัตว์น้ำที่ต้องระวัง ได้แก่ หอย เพราะจะกัดกินใบจนทะลุ ป้องกันด้วยการใช้ยาได้ แต่คุณพราว บอกว่า ถ้าปลูกในจำนวนที่น้อยไม่ใช้เลยจะดีที่สุด เพราะคนที่ปลูกสามารถดูแลได้ทั่วถึงอยู่แล้ว

บัวที่ลงปลูกใหม่ หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็จะออกดอกสวยๆ ให้ได้เชยชมสมกับที่รอคอย

 จำหน่ายแบบเน้นคุณภาพ

ที่เป็นสายพันธุ์แท้ และสายพันธุ์ใหม่ๆ

คุณพราว บอกว่า บัวที่อยู่ภายในสวนของเธอก็มีการจำหน่าย แต่ต้องดูก่อนว่ามีปริมาณมากเพียงใด

“ที่นี่ก็มีจำหน่ายบัว เพียงแต่ว่าต้องดูก่อนว่าจำหน่ายได้หรือเปล่า เพราะถ้ามีเพียงต้นเดียวไม่มีการแตกหน่อ ก็คงจะไม่จำหน่าย อย่างถ้าจะจำหน่ายอย่างน้อยที่สวนต้องมีบัวต้นนั้นสามต้นขึ้นไป” คุณพราว กล่าว

คุณพราว บอกว่า คนที่เป็นลูกค้าซื้อบัวของเธอส่วนใหญ่จะเป็นนักสะสม หรือผู้ที่ต้องการสายพันธุ์แท้ และสายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งราคาจำหน่ายอยู่ที่ 200 บาท จนถึงหลักพัน ราคาขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการพัฒนาพันธุ์ หรือเป็นสายพันธุ์ที่หายาก

อยากปลูกสร้างรายได้

ควรหาตลาดเพื่อรองรับ

สำหรับใครที่สนใจอยากปลูกบัวเพื่อสร้างรายได้ คุณพราว แนะนำว่า

“คนที่อยากทำเป็นอาชีพ ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ จะบอกว่าของพวกนี้มันเรื่องของการลงทุนทั้งนั้น ไม่ว่าจะปุ๋ย ยา น้ำ อยากให้ลองศึกษาให้มากๆ เสียก่อน คือเรียกง่ายๆ ว่าคนที่จะจำหน่ายบัวได้ต้องมีตลาดเสียก่อน อย่าไปมองว่าเห็นคนอื่นจำหน่ายได้ดี รวย แล้วไปทำตาม โดยที่ตัวเองไม่มีตลาดยังไงก็แพ้ อยากให้ดูเรื่องตลาดให้มากๆ” คุณพราว กล่าวแนะนำ

บัว อาจดูเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงดูแลไม่ยาก เพราะไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวันเหมือนพืชชนิดอื่นๆ แต่การที่จะให้ออกดอกสวยงดงาม ต้นมีความสมบูรณ์ บางทีจึงจำเป็นต้องศึกษาอุปนิสัยของบัวให้ดีเสียก่อน เหมือนเช่นคุณพราวที่ได้ศึกษาเรียนรู้จากคุณพ่อมามากกว่า 40 ปี จนเรียกง่ายๆ ว่า บัว คือ ส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ และเธอก็คือส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงานออกมา เพราะบัวหากจะให้ดีและสวยต้องมีเรื่องการพัฒนาพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง คุณพราว ทำให้ได้เห็นว่า บัวที่ดูเหมือนไม่มีอะไรที่พิเศษ กลับเป็นสิ่งที่พิเศษทรงคุณค่า งดงาม เกินกว่าที่เราจะจินตนาการ

ท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ น.ต. ปริมลาภ ชูเกียรติมั่น หรือ คุณพราว ที่หมายเลขโทรศัพท์ (091) 295-6545

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0