โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

สัญญาณอันตรายช่อง 3 “ชมพู่” ย้ายต่อ ไม่รอแล้วนะ

Manager Online

อัพเดต 12 ม.ค. 2562 เวลา 04.46 น. • เผยแพร่ 12 ม.ค. 2562 เวลา 04.46 น. • MGR Online

ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ก็สั่นสะเทือนวงการไปรอบหนึ่ง เมื่อ 2 นางเอกตัวท็อปของช่อง 7 อย่าง “ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” กับ “ขวัญ - อุษามณี ไวทยานนท์” สิ้นสุดสถานะความเป็นนักแสดงสังกัดวิกหมอชิตอย่างเป็นทางการ

ส่วนจะผันตัวเองไปเป็นนักแสดงอิสระตามที่แจ้งในจดหมาย หรือจะตัดสินใจจรดปากกาเป็นนักแสดงช่องไหน ?อย่างไร ?

จะใช่ช่อง PPTV ตามที่มีข่าว หรือจะเป็นช่องอื่นที่หยิบชิ้นปลามัน ก็ต้องติดตามกันต่อไป

ที่แน่ๆ นอกจาก 2 นางเอกที่ช่อง 7 ร่อนจดหมายชี้แจงออกมาแล้ว แว่วว่ายังมีดาราระดับท็อปๆ ของวิกหมอชิตอย่างน้อย 2-3 คน ที่เตรียมจะโบยบินตามออกมาติดๆ

หนึ่งในนั้น ก็คือ “นิว-วงศกร ปรมัตถากร” ที่มีซิรี่ส์คลับฟรายเดย์ของ “เจ๊ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล” รอท่าไว้อยู่แล้ว เรียกว่าสัญญาหมดเมื่อไหร่ ก็เตรียมรับน้องใหม่ได้เลย

ขณะที่วิกพระราม 4 ก็มีข่าวหลุดออกมาว่าพระเอกตัวท็อปอย่าง “เคน - ภูภูมิ” เตรียมจะโบกมือลา ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาให้สัมภาษณืปแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า สัญญายังไม่หมด ยังไม่ย้ายไปไหน แต่ก็ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ถ้าหมดสัญญาแล้ว จะเซ็นต่อหรือไม่ !!??

ส่วนที่ยังไม่มีข่าวแพลมออกมา แต่รับรองว่าเซอร์ไพรซ์กันแน่นอน และอาจจะสะเทือนไปถึงเสถียรภาพของวิก 3พระราม 4 ที่ตอนนี้เรียกว่ายังอยู่ในช่วงวิกฤตอย่างต่อเนื่อง และก็น่าจะส่งผลให้วิกฤตหนักยิ่งกว่าเดิม ถ้าหากปล่อยให้นางเอกตัวแม่ประจำช่องอย่าง “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” หลุดจากสังกัด

เพราะต้องยอมรับว่าขมพู่ ถือเป็นนางเอกระดับบิ๊กเนม เป็นแบรนด์ใหญ่คนหนึ่งของช่องเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้ตัดสายสะดือแจ้งเกิดจากที่นี่ แต่เป็นการตัดสินใจหนีตายจากช่อง 7 ซึ่งตอนนั้นก็นับว่าเป็นข่าวฮือฮาอยู่พอสมควร หลายคนจับตามองว่าจะรอด หรือจะร่วง เพราะยุคนั้น ดาราย้ายช่องน้อยคนนักที่จะไปโด่งดังในช่องใหม่

แต่ชมพู่ก็ก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ และกลายเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นว่า กว่าที่นักแสดงคนหนึ่งคนใด จะฉายแสงขึ้นมาได้นั้น ลำพังความสามารถอย่างเดียวอาจะไม่เพียงพอ ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ต้องอยู่ถูกที่ แล้วก็ถูกเวลาด้วย

ทว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงที่พีคที่สุดในชีวิตการแสดงจากละคร “ดอกส้มสีทอง” แล้ว ผลงานละครเรื่องถัดๆ มาของชมพู่ในช่อง 3 นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา และเป็นที่จดจำอีกเลย แต่ที่ยังคงยืนหนึ่งเป็นนางเอกในระดับหัวแถวได้ ก็มาจากผลงานแขนงอื่นๆ เสียมากกว่า โดยเฉพาะการที่ได้ไปเฉิดฉายบนพรมแดงระดับโลกในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ที่ทั้งส่ง และเสริมให้ชมพู่ เจิดจรัสจนถึงทุกวันนี้

ประกอบกับพิจารณาแล้วว่าในระยะหลังมานี่ ละครของช่อง 3 เอง ก็แผ่วลงกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด นานทีถึงจะมีปรากฏการณ์ระดับประเทศอย่าง “นาคี” หรือ “บุพเพสันนิวาส” เกิดขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง

ชมพู่เอง ก็คงมองรูปเกมแล้วว่าโอกาสที่ตัวเองจะมีงานละครแบบมาสเตอร์พีซเหมือน “ดอกส้มสีทอง” คงเป็นไปได้ยากเต็มทน หากยังคงดันทุรังอยู่ในช่อง 3 เหมือนเดิม

แหละ….ช่องใหม่ที่หมายตาไว้ ก็คงไม่มีช่องไหนที่จะมีภาษีเหนือไปกว่าช่อง One เพราะต้องยอมรับว่า เป็นช่องที่กระแสของละครดีที่สุดในบรรดาทีวีดิจิทัลตอนนี้

การตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับช่อง 3 ของชมพู่ สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธกันไม่ได้

นั่นคือนักแสดงที่มีอำนาจต่อรองสูงอย่างชมพู่ หรือคนหนึ่งคนใดก็ตาม ไม่ได้ยึดติดกับเรตติ้งของช่อง หรือแม้เรตติ้งของละคร ที่วัดเฉพาะปริมาณคนดูผ่านทีวีอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าช่อง One จะมีค่าเฉลี่ยเรตติ้งของช่องอยู่ประมาณอันดับที่ 4-5 ขณะที่เรตติ้งละครอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นรองช่อง 3 อยู่ (ยกเว้นบางเรื่อง ที่พีคจัดๆ อย่าง “พิษสวาท” หรือ “เมีย 2018” ที่พอจะสูสีกันบ้าง) แต่สิ่งหนึ่งที่ช่อง One เหนือกว่าช่อง 3 ก็คือการสร้างกระแสในสื่อโซเชียล ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกปัจจุบัน ที่จำนวนคนที่ดูละครสดผ่านทีวีนั้นน้อยลง เพราะถูกหารแบ่งไปตามช่องทางต่างๆ ทั้งการดูย้อนหลัง หรือการดูผ่านแอ

การที่ละครมีกระแส (ซึ่งอาจจะสวนทางกับตัวเลขเรตติ้ง) สำคัญอย่างไรกับอาชีพนักแสดง !!??

สำคัญตรงที่ว่า สามารถนำไปต่อยอดกับการรับงานอื่นๆ ได้ เช่นงานอีเวนต์ งานพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่า มูลค่าเม็ดเงินในส่วนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ดาราไม่มองเรื่องเรตติ้ง แต่สนใจเรื่องของกระแส หรือการถูกพูดถึง ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่สอดรับกับความเป็นจริงมากกว่าตัวเลขของเรตติ้งที่แทบจะไร้ความหมายแล้วโดยสิ้นเชิง ยกเว้นในสายตาของเอเยนซี่ที่จะจ่ายเงินซื้อโฆษณา ที่ยังคงใช้มาตรวัดเดิมๆ ในการตัดสินใจ

เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม ? ไม่ว่าจะเป็นช่อง 7 หรือช่อง 3 ถึงรั้งนักแสดงให้อยู่ต่อไม่ได้ ทั้งที่เรตติ้งช่องเหนือกว่าตั้งหลายอันดับ

จะเรียกว่าเป็นสัญญาณอันตรายของช่องใหญ่ๆ ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด !!!???

นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 477 12-18 มกราคม 2562

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0