โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สวน “เสน่ห์-บุญยัง” ที่ตำบลเขาดิน พิสูจน์ความจริง ของเกษตรทฤษฎีใหม่ได้อย่างแท้จริง

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 19 ส.ค. 2562 เวลา 04.10 น. • เผยแพร่ 19 ส.ค. 2562 เวลา 04.10 น.
31 สวน

คุณเสน่ห์ และ คุณบุญยัง ร่มโพธิ์ (ภรรยา) อยู่บ้านเลขที่ 61/3 หมู่ที่ 11 ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ เคยประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมากจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว กระทั่งมาประสบความสำเร็จด้วยการทำไร่นาสวนผสมแบบเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่กับแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้จนสามารถปลดหนี้ได้เป็นอิสระ มีชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข จนได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบไร่นาสวนผสมที่มีความสมบูรณ์อย่างแท้จริง

ทำเกษตรเชิงเดี่ยวขาดทุน

หันมาทำไร่นาสวนผสม

แต่เดิม คุณเสน่ห์ มีอาชีพทำนาในพื้นที่ 14 ไร่ แต่ราคาข้าวไม่ดี จึงปรับมาปลูกมะละกอฮอลแลนด์อย่างเดียว พร้อมกับมีอาชีพรับจ้างรถเกี่ยวข้าว และรถดำนาด้วย ระหว่างทำอาชีพรถดำนารับจ้างเกิดปัญหาลูกค้าติดค้างค่าจ้างเป็นเงินจำนวนมาก จึงต้องนำผลผลิตมะละกอกับต้นกล้าที่เพาะไว้ออกขายเพื่อบรรเทาปัญหาการเงิน แล้วตัดสินใจรื้อแปลงมะละกอออก เพื่อเปลี่ยนเป็นสวนเกษตรผสมผสานแบบเศรษฐกิจพอเพียงแทน

คุณเสน่ห์ ไม่มีความรู้เรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง หรือเกษตรทฤษฎีใหม่เลย แต่ได้แรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่าน รวมทั้งยังแสวงหาความรู้จากนักวิชาการ และผู้มีประสบการณ์จากเอกสาร และทางอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังค่อยๆ ทำทีละน้อย และเป็นไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุมโดยไม่ต้องรีบ

คุณเสน่ห์ ตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำเกษตรแบบอินทรีย์ล้วน แม้ที่ผ่านมาเคยผ่านการใช้เคมีมา แต่เห็นว่าการใช้แนวทางอินทรีย์ช่วยให้เกิดความยั่งยืน และปลอดภัย โดยเริ่มจริงจังในปี 2555 หัดทำปุ๋ยหมัก และน้ำชีวภาพ พร้อมกับการจัดทำผังแบ่งเป็นโซนทำเกษตรกรรมต่างๆ ขุดร่องน้ำปล่อยปลาโดยรอบพื้นที่ 14 ไร่ บนสันร่องน้ำปลูกมะม่วง แซมกล้วย ปลูกข้าวนาอินทรีย์เพื่อไว้ทานในครอบครัว

ความเป็นมือใหม่ชนิดหักดิบจากเคมีมาเป็นอินทรีย์ ทำให้คุณเสน่ห์เกิดความกังวลและเครียดว่า จะสามารถทำได้เป็นผลสำเร็จหรือไม่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากตัวเองยังมีภาระหนี้สินอยู่จำนวนมาก แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวทำให้ชีวิตคุณเสน่ห์และครอบครัวเริ่มดีขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้แนวทางอินทรีย์ทุกชนิดได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคและหน่วยงานต่างๆ มากขึ้น จนกระทั่งสามารถปลดหนี้สิน พร้อมก่อร่างสร้างครอบครัวได้อย่างมั่นคงจนได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคราชการหลายหน่วยงาน เพื่อเป็นต้นแบบการทำสวนเกษตรผสมผสานที่ได้มาตรฐาน

ผังเกษตร…หัวใจสำคัญของเกษตรทฤษฎีใหม่

ในพื้นที่จำนวน 14 ไร่ คุณเสน่ห์ และ คุณบุญยัง ร่วมกันวางผังปลูกพืชไม้ผลชนิดต่างๆ ทั้งปลูกข้าวและเลี้ยงปลา รวมถึงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ ไว้ใช้เอง

“ภายในสวนมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย กล้วย ขนุน  ฝรั่ง มะนาว สับปะรด ข้าว ผักใบและสมุนไพร และปลา จึงทำให้มีรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนและรายปี มีพืชไม้ผลที่ปลูกสลับไป-มาจำนวนกว่า 100 ชนิด ในบ่อเลี้ยงปลามีหลายสายพันธุ์จำนวนกว่า 4 หมื่นตัว เป็นปลากินพืช ได้แก่ ปลานิล ยี่สก ปลาจีน ปลาไน ปลาสวาย ปลานวลจันทร์ ปลาหมอนา ฯลฯ เป็นต้น

แนวทางอินทรีย์ สร้างคุณภาพพืชไม้ผลชนิดต่างๆ

สมบูรณ์ ปลอดภัย

คุณเสน่ห์ เผยถึงวิธีผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากที่ไม่เคยมีความรู้หรือทำมาก่อน จึงเริ่มจากไปซื้อปลามาจากโรงงานเพื่อนำมาหมัก แต่พบว่ามีกลิ่นแรง เพราะไม่ได้ผสมกากน้ำตาล จึงได้ปรับสูตรแล้วหมักปลาทิ้งไว้หลายปี เมื่อครบกำหนดจึงนำมาใส่ในพืชชนิดต่างๆ ทุกอย่างล้วนมีความสมบูรณ์มาก ต้นพืชแข็งแรง มีสีเขียว

ภายหลังจากพบข้อดีของน้ำหมักปลา จึงขยายผลด้วยการใช้สารพด.จากกรมพัฒนาที่ดินมาใช้หมักอีกหลายชนิด โดยใช้มูลวัว กากน้ำตาล และรำเป็นส่วนประกอบ การทำปุ๋ยหมักจำนวนกว่า 100 ตัน ไว้ใช้ ขณะเดียวกันยังนำพืชผักใบที่ไม่เกิดประโยชน์แล้วนำมาผลิตเป็นฮอร์โมน อย่าง ต้นกล้วย หัวปลี สาบเสือ รวมถึงใช้เศษผัก ใบไม้ที่เน่าเสียนำมาหมักเป็นปุ๋ย ทั้งนี้ บางอย่างโดยจะไม่หมักไว้นาน เมื่อต้องการใช้จึงค่อยผลิต

ปลูกมะม่วงพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เขียวสามรส น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ มันหมูสี อกร่อง เป็นต้น ผลผลิตมะม่วงบางพันธุ์ออกตามฤดู บางพันธุ์มีผลผลิตเรื่อยๆ ที่เป็นเช่นนั้นเกิดจากการดูแลบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ใช้น้ำหมักแล้วพ่นสารชีวพันธ์เพื่อป้องกันศัตรู

ส่วนสับปะรดปลูกพันธุ์บ้านไร่ ปลูกตามความเหมาะสม ตรงไหนเหมาะก็ปลูก พอหน้าแล้งต้องปล่อยหญ้าให้ปกคลุมหรือตัดใบกล้วยมาปิดหัวสับปะรดเพื่อป้องกันแดดเผาที่เปลือกทำให้เสียหาย สับปะรดให้ผลผลิตได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องทำอะไรแล้วปล่อยไปตามธรรมชาติ ได้ผลผลิตที่หัวใหญ่มาก เฉลี่ย 3 กิโลกรัม มีรสหวาน กรอบ ขายราคาหัวละ 40 บาท

คุณเสน่ห์ ปลูกกล้วยน้ำว้าพื้นเมือง ไว้ 6 ไร่ ที่ปลูกพันธุ์นี้เพราะมีความทนทาน แข็งแรง รสอร่อย ผลผลิตกล้วยพันธุ์น้ำว้าพื้นเมืองตัดขายทุกวัน มีรายได้จากการขายกล้วย จำนวน 10 หวี เฉลี่ยวันละ 150 บาท เป็นอย่างต่ำ ซึ่งตั้งใจนำไปขายจำนวนเท่านี้เพราะเกรงใจพ่อค้าในพื้นที่เดียวกันที่ต้องรับซื้อกล้วยมาขาย นอกจากนั้นยังปลูกพืชผักอายุสั้นที่เก็บผลผลิตขายได้ตลอดทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นชะอม พริก มะนาว มะเขือ ถั่วฝักขาว และผักสวนครัวอีกหลายชนิดรวมถึงพืชสมุนไพรด้วย

ส่วนนาข้าว ปลูกพันธุ์ กข 41 ปลูกแบบอินทรีย์ ปลูกไว้ทานในครอบครัว ผลของการใส่ปลาหมักในนาข้าวทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม ได้ผลผลิตสมบูรณ์ โดยบางแปลงคุณเสน่ห์จะหยุดปลูกเพื่อจะเปลี่ยนมาปลูกผักบุ้งยอดแก้ว หรือผักบุ้งยอดสีขาว ที่กำลังได้รับความนิยม ทั้งนี้เพื่อจะได้มีรายได้ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องลงทุนมาก เนื่องจากต้องวางเป็นระบบน้ำเพราะต้องวางท่อทั่วพื้นที่ 14 ไร่ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าเพราะไม่ต้องจ้างแรงงาน หรือสิ้นเปลืองเวลาในการลากสายยางไปรดต้นไม้ตามจุดต่างๆ เพียงแค่เปิดสวิตช์เมื่อต้องการใช้งานเท่านั้น

เมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์ ทำกันเอง ไม่ต้องซื้อ ประหยัดได้อีก

แนวทางเศรษฐกิจพอพียงสอนให้รู้จักการประหยัดและพึ่งพาตนเอง คุณเสน่ห์ จึงใช้หลักคิดนี้สำหรับการจัดหาเมล็ดพันธุ์และขยายพันธุ์พืชโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ อย่าง ถั่วฝักยาว และผักหลายชนิดจะเก็บพันธุ์ไว้ใช้เอง หรืออาจเป็นลักษณะการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน

“ดังนั้นการทำเกษตรแนวนี้จึงแทบจะไม่มีต้นทุน รวมถึงยังสามารถบริหารจัดการปริมาณและจำนวนผลผลิตทางการเกษตรให้เพียงพอและเหมาะสมเพื่อควบคุมคุณภาพ ปริมาณ”

คุณเสน่ห์ บอกว่า ปัญหาโรค/แมลง จะพบน้อยมากเป็นเพราะการพัฒนาพื้นที่ปลูกด้วยการยึดแนวทางอินทรีย์เป็นหลัก นำสารพด.ของกรมพัฒนาที่ดิน มาผลิตปุ๋ยอินทรีย์สูตรต่างๆ ไว้ใช้ในสวน โดยปล่อยไปตามระบบน้ำ ทำให้สารอินทรีย์ซึมซับลงใต้ผิวดินส่งผลต่อต้นไม้และพืชต่างๆ ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และทั่วถึง ช่วยทำให้ดินทั้ง 14 ไร่ มีคุณภาพ อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุต่างๆ แล้วเมื่อปลูกอะไร ตรงไหนก็เจริญงอกงามมีความสมบูรณ์ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายที่เกิดกับพืชหรือมนุษย์ ดังนั้น ความสมดุลทางธรรมชาติจึงเกิดขึ้น แมลงตามธรรมชาติจะจัดการกันเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมี

ทุกวันนี้ครอบครัวร่มโพธิ์ มีความสุขและสนุกกับกิจกรรมเกษตรที่ปลูกแบบอินทรีย์ ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 300 บาท เป็นอย่างต่ำ อีกทั้งยังนำออกไปขายตามตลาดที่จัดงานเป็นสัปดาห์อีก ครั้งละ 2-3 พันบาท ซึ่งเวลานำสินค้าทางการเกษตรไปขาย คุณบุญยัง เล่าว่า ยังไม่ทันจะนำออกวางขายก็มีผู้จับจองเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะลูกค้ารู้ว่าเป็นของอินทรีย์อย่างแท้จริง ราคาถูก อย่าง ฝรั่ง กิโลกรัมละ 20 บาท มะม่วงเขียวสามรส ขาย 3 กิโลกรัม 100 บาท เพราะต้องการให้ลูกค้าได้ชิมผลผลิตทางการเกษตรที่มีความอร่อย ปลอดภัย ในราคาไม่แพง

แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้กับไร่นาสวนผสมของคุณเสน่ห์และคุณบุญยัง ช่วยให้สามารถปลดภาระหนี้สินหลักล้านบาทได้สำเร็จจนหมดสิ้น ทำให้หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวนี้พบแต่ความสุข ใช้เวลาสำหรับการถ่ายทอดความรู้ แนวคิด เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้สนใจ พร้อมเปิดสวนผสมให้ทุกท่านเข้าไปศึกษาดูงาน

“ทำช่วงแรกๆ อย่าไปเครียด อดทนต่อสู้ต่อไป อีกไม่นานเริ่มมีความชำนาญมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น ถามว่าเหนื่อยหรือท้อแท้ไหม ก็มีบ้าง แต่พอมาถึงจุดที่ทำสำเร็จแล้วสิ่งเหล่านั้นหายไปทันที แล้วความสุขเข้ามาแทนที่ ดังนั้นการทำเกษตรผสมผสานแนวเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงวางรากฐานไว้ สามารถทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขได้อย่างแท้จริง” คุณเสน่ห์ กล่าว

ไร่นาสวนผสมของ คุณเสน่ห์/บุญยัง ได้รางวัลชนะเลิศครัวเรือนต้นแบบของจังหวัด ได้รางวัลไร่นาสวนผสมระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ จึงการันตีความเชี่ยวชาญและการประสบความสำเร็จของการทำไร่นาสวนผสมแนวเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างแท้จริง จึงนับเป็นตัวอย่างไร่นาสวนผสมที่ พิสูจน์ความจริงของเกษตรทฤษฎีใหม่ได้อย่างแท้จริง

สนใจประสงค์จะติดต่อเข้าศึกษาดูงานที่สวนผสม คุณเสน่ห์ และ คุณบุญยัง ร่มโพธิ์ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ (081) 973-8243

 

 

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0