โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สร้างเงินล้านผ่านกองทุนรวม ใครๆ ก็ทำได้

SET ตลาดหลักทรัพย์ฯ

เผยแพร่ 05 ธ.ค. 2562 เวลา 17.00 น. • SET Education

เรามักจะเคยได้ยินว่าตอนหาเงิน “ยากที่สุด ก็คือ ล้านบาทแรก” ถ้าผ่านได้เมื่อไหร่ ล้านที่สอง ล้านที่สามก็จะง่ายขึ้น หลายคนคงมีคำถามตามมาว่า “แล้ว 1 ล้านบาทแรก จะหามาจากไหน” โดยยังไม่ต้องคิดถึงล้านที่สองและที่สาม

 

หากใครที่ยังไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว คงคิดในใจว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้”

 

แต่เชื่อหรือไม่ว่า เพียงแค่ลงมือทำและมีวินัย ด้วยการเก็บเงินเดือนละเล็กๆ น้อยๆ ก็จะคว้าล้านบาทแรกมาครองได้ไม่ยาก  

 

เมื่อมีรายได้เข้ากระเป๋า สิ่งที่จะต้องทำเป็นอันดับแรก คือ หักเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้เพื่อเก็บออม ที่เหลือค่อยนำไปเป็นค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นจริง คือ มีเงินก็นำไปใช้จ่ายก่อน ผลที่ตามมาเงินจะไม่มีเหลือให้เก็บ

 

ดังนั้นหากต้องการเห็นเงินล้านบาทแรก ควรเริ่มต้นเก็บเงิน แล้วไปหาช่องทางการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งวิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) จะเหมาะสำหรับมือใหม่และถือเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดี 

 

หลายคนอาจรู้สึกว่าการหักเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้ ถือเป็นเงินก้อนที่ค่อนข้างเยอะ อาจเหลือเงินไม่พอสำหรับใช้จ่าย หากรู้สึกแบบนี้ ทางออก คือ ปรับพฤติกรรมลดการใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ซื้อกาแฟและชานมไข่มุก วันละประมาณ 120 บาท หรือ 3,600 บาทต่อเดือน (120 บาท x 30 วัน) แต่ถ้าเปลี่ยนเงินก้อนนี้ไปลงทุน ก็จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปอย่างไม่น่าเชื่อ

 

หลังจากตัดสินใจเก็บออมแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องคิด คือ จะลงทุนอะไรดี เพราะการลงทุนแต่ละอย่างจะได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างกัน และส่งผลต่อการงอกเงยของเงินออม ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้

 

เช่น ทุกๆ เดือน นำเงิน 3,600 บาท ไปไว้ที่บัญชีออมทรัพย์ กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนหุ้น ผ่านไป 15 ปี มาดูกันว่าจะได้ผลตอบแทนต่างกันอย่างไร

จากตัวอย่าง พบว่าแค่หยุดซื้อกาแฟและชานมไข่มุก แล้วนำเงิน 3,600 บาท ไปลงทุนก็สามารถคว้าล้านบาทแรกได้อย่างง่ายๆ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างอยู่ที่การเลือกสินทรัพย์ลงทุน โดยสินทรัพย์แต่ละประเภทที่ลงทุนจะให้อัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกัน และแน่นอนความเสี่ยงก็ต่างกันด้วย

 

ความเสี่ยง คือ การที่ไม่ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ที่ลงทุน รวมถึงความสามารถในการบริหารของผู้จัดการกองทุน เป็นต้น

 

เช่น ลงทุนในกองทุนหุ้นและคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี แต่หากในปีนั้นเศรษฐกิจชะลอตัว เกิดสงครามการค้า ผลตอบแทนที่ได้อาจเหลือเพียง 1% หรือขาดทุน ดังนั้น อัตราผลตอบแทนจึงมาพร้อมกับความเสี่ยง อย่างที่มักได้ยินเสมอว่า ยิ่งอัตราผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงเช่นเดียวกัน (High Risk High Returns)

 

ดังนั้น ทุกครั้งที่ตัดสินใจลงทุน สิ่งที่ควรรู้ คือ รู้จักตัวเองว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน รู้จักสินทรัพย์ที่ลงทุน แล้วเลือกปรับวิธีการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และตัวเอง

 

จะเห็นได้ว่าการมีเงินล้านไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้ลงมือทำแล้วหรือยัง

 

หมายเหตุ: บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

จารุณี พัชรพิมานสกุล, AFPTTM

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

 

ติดตามบทความอื่นๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ คลิก >> https://setga.page.link/ds4rghK8pyNH5ZUZ6

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0