โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สรุปเนื้อเรื่อง Death Stranding

GamingDose

เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2562 เวลา 11.04 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง
สรุปเนื้อเรื่อง Death Stranding

ถือเป็นเกมที่สร้างกระแสในวงการของปี 2019 อย่างมากสำหรับ Death Stranding ด้วยระบบการเล่นที่ไม่เหมือนใคร และเนื้อเรื่องตราตรึง สำหรับคนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก วันนี้ GamingDose จะมาสรุปเนื้อเรื่องของเกมให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากขึ้น

อนึ่ง ในบทความสรุปเนื้อเรื่องชิ้นนี้จะเป็นการสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดเพื่อความกระชับ หากมีการข้ามส่วนใดส่วนหนึ่งหรือถอดความไม่ครบประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

แนะนำตัวละคร

Sam

ตัวเอกของเกม นักส่งพเนจรผู้ชำนาญการขนส่งวัสดุทุกรูปแบบ เขามีพลังที่เรียกว่า DOOMS ในระดับที่สามารถรับรู้ว่าพวก BT ลอยอยู่รอบตัว และเขายังเป็น 'Repatriate' ผู้สามารถฟื้นกลับมาจากความตายได้อีกด้วย

Lou (BB-28)

BB หรือ Bridge Baby เลขที่ 28 ที่ Sam ใช้งาน ทำให้เขาสามารถมองเห็นและรู้สึกได้ว่าพวก BT อยู่ตรงไหน แม้จะถูกคนอื่นมองว่าเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ แต่หลังจากเดินทางด้วยกันมานาน ทำให้ Sam รู้สึกผูกพันมากขึ้น จนตั้งชื่อให้ว่า Lou

Fragile

นักส่งของจากบริษัท Fragile Express เธอมี DOOMS เหมือนกับ Sam แต่เป็นระดับที่สูงกว่า เพราะเธอสามารถมองเห็นพวก BT ได้ด้วยตาเปล่า ในขณะที่ Sam มองไม่เห็น และเธอยังสามารถเดินทางข้ามมิติไปยังที่หมายต่าง ๆ ผ่านทางชายหาด ที่เป็นมิติของคนเป็นและคนตาย

Bridget Strand

ประธานาธิบดีของ UCA หรือ United City of America เธอเป็นแม่บุญธรรมของ Sam ที่ฝากภารกิจให้เขาทำ นั่นก็คือการเชื่อมโยงอเมริกาให้กับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง

Amelie Strand

ลูกสาวของ Bridget ที่หน้าตาเหมือนแม่ไม่มีผิด เธอถูกพวก Homo Demens หรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายทหารที่มีเป้าหมายบางอย่างในตัวเธอ และเธอเป็นกุญแจสำคัญที่กุมความลับเรื่องราวในเกมเอาไว้

Higgs

หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้าย Homo Demens ผู้มีพลัง DOOMS ในระดับสูง แถมยังสามารถควบคุมและเรียก BT ออกมาใช้งานได้ด้วย มีเป้าหมายในการทำให้ Death Stranding ครั้งใหม่เกิดขึ้นอีกครั้งเพื่อกวาดล้างมนุษย์โลก

Die-Hardman

หัวหน้าของบริษัท Bridges อดีตทหารผ่านศึกที่รอดชีวิตมาได้ในหลายสงคราม จนได้รับชื่อฉายาว่าคนตายยาก

Deadman

หัวหน้าทีมแพทย์สนามของ Bridges เขาเป็นคนคอยดูแลสุขภาพและอุปกรณ์ของทีมงานใน Bridges รวมไปถึงให้ข้อมูลสำคัญกับ Sam ในเรื่องต่าง ๆ

Heartman

นักวิจัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Death Stranding เขามีความสามารถในการมีชีวิตอยู่บนโลกได้ 21 นาที ก่อนที่จะตาย แล้วฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจในอีก 3 นาทีข้างหน้า ซึ่งเขาใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ในการเดินทางไปยังชายหาด และค้นหาครอบครัวของเขาที่จากไปแล้วในที่แห่งนั้น

Mama

เธอมีชื่อจริงว่า Malingen เป็นผู้สนับสนุนทางด้านเทคนิคของ Bridges ที่ถูกเชื่อมโยงกับลูกสาวที่เป็น BT เนื่องจากเหตุการณ์บางอย่าง และทำให้เธอไม่สามารถออกไปจากพื้นที่ทำงานได้เพราะจะทำให้เธอต้องตาย

Clifford Ungar

บุรุษลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่ Sam เชื่อมต่อตัวเองเข้ากับ Lou เป็นภาพความทรงจำ และยังปรากฏตัวขึ้นมาในมิติที่ Sam ได้เจอในพายุอีกด้วย ซึ่งเป้าหมายของเขาก็คือ BB ที่ Sam มีอยู่

จุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

ในโลกอนาคตอันใกล้ โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงจากปรากฏการณ์ที่มีชื่อว่า Death Stranding เมื่อคนตายยังคงยึดโยงอยู่กับโลกของคนเป็น ทำให้พวกเขากลับมาในรูปของ 'BT' หรือ 'Beached Things' ที่พวกมันถูกเรียกว่า 'สิ่งที่ถูกซัดมาอยู่บนชายหาด' เพราะในปรากฏการณ์ Death Stranding ทำให้มนุษย์ได้รู้ถึงการมีอยู่ของ 'Beach' หรือ ชายหาด ที่เป็นมิติทับซ้อนในจิตของมนุษย์ทุกคน โดยปกติเมื่อมนุษย์สิ้นลม วิญญาณของเราจะผ่านไปยังจุดกึ่งกลาง หรือ 'Seam' ที่เป็นเหมือนโลกใต้น้ำในมหาสมุทร และผุดขึ้นในชายหาดก่อนที่จะผ่านไปสู่โลกหลังความตาย แต่หลังจากเกิด Death Stranding มันกลับไม่เป็นแบบนั้น วิญญาณที่ผ่านไปถึงชายหาดแล้วกลับยังมีพันธะ ทำให้พวกเขาพยายามกลับมาในโลกคนเป็น จึงเป็นที่มาของชื่อ BT หรือ Beached Things เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่ออกมาจากชายหาดโลกวิญญาณ และถ้าหาก BT ได้สัมผัสกับมนุษย์ที่ยังมีชีวิต การระเบิดอย่างรุนแรงหรือที่เรียกกันว่า 'Voidout' ก็จะเกิดขึ้น การ Voidout เกิดขึ้นไปทั่วโลกสร้างความเสียหายให้แก่มนุษยชาติจนใกล้ถึงกาลสูญพันธุ์

แม้ว่าอเมริกาจะล่มสลาย แต่ก็ยังคงรวมอยู่ได้แบบหลวม ๆ โดยที่แต่ละเมืองไม่ได้เชื่อมโยงต่อกัน และถูกเรียกว่า UCA หรือ United City of America ที่ไม่ใช่การรวมกันของมลรัฐในแบบเดิมอีกต่อไป

การเกิด Death Stranding ก่อให้เกิดปรากฏการณ์หลายอย่างขึ้น เช่นการค้นพบกับแร่ธาตุชนิดใหม่ที่เรียกว่า Chiralium ฝนที่เปลี่ยนแปลงห้วงเวลาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Timefall สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่สัมผัสกับฝนโดยตรงจะถูกเร่งอายุไขให้แก่ลงอย่างรวดเร็ว และมันก็มาพร้อมกับการปรากฏตัวของ BT ที่มักจะโผล่ออกมาในเขตที่เกิด Timefall

เหล่ามนุษย์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดได้รวมกลุ่มกันอยู่ในหลุมหลบภัยที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง และพวกเขาต้องการคนส่งของที่คอยส่งเสบียงและของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิต เกิดเป็นอาชีพใหม่ท่ามกลางหายนะที่เกิดขึ้น โดยมีหลายองค์กรผู้รับผิดชอบในการส่งของทำงานคู่ขนานกันไป

บริการส่งของ ในโลกอันแร้นแค้น

Sam Porter Bridges อดีตนักส่งของจาก Bridges ที่เป็นดั่งตัวแทนของรัฐบาลอเมริกาที่ยังเหลืออยู่ ในตอนนี้เขารับงานอิสระและไม่ขึ้นตรงกับฝ่ายใด เขากำลังเดินทางไปส่งของที่ Central Knot City แต่ด้วยความเร่งรีบเพื่อหนีจาก Timefall ทำให้เกิดอุบัติเหตุและมอเตอร์ไซค์ที่เขาขับมาก็ไถลตกเขาไป ระหว่างทางเขาได้พบกับ Fragile นักขนส่งจากบริษัท Fragile Express และเผชิญหน้ากับ BT โดยบังเอิญ

ซึ่งผู้เล่นจะค้นพบว่าทั้ง Sam และ Fragile ต่างก็มีสัมผัสที่เรียกว่า DOOMS ที่สามารถรับรู้หรือมองเห็นตัวตนของ BT ในบริเวณใกล้เคียงได้ และ DOOMS ของ Fragile ก็มีระดับสูงกว่า Sam อีกด้วย

นักส่งของทั้งสองคนรอดจากการเผชิญหน้า BT มาได้ และ Sam ก็ได้นำของมาส่งถึง Central Knot City แต่หลังจากนั้น Sam ก็ถูกมอบหมายงานต่อทันที ในเมือง Central Knot ได้เกิดเหตุคนฆ่าตัวตาย ถ้าหากไม่รีบนำศพไปเผาที่เตา ศพจะเข้าสู่สถานะ Necrosis ที่จะกลายร่างเป็น BT และถ้ามนุษย์คนไหนถูก BT กลืนกิน การระเบิดขนาดยักษ์หรือ Voidout ก็จะเกิดขึ้น ทีมกำจัดศพจะต้องฝ่าดงของพวก BT ที่นอกเมืองเพื่อจะไปให้ถึงสถานีเผา หนึ่งในทีมได้พก 'BB' หรือ 'Bridge Baby' มาด้วย ที่เป็นตัวกลางในการช่วยให้มองเห็น BT แต่ทีมกำจัดศพทั้ง 2 คน ไม่มีใครที่มี DOOMS เขาเลยต้องการ Sam ไปด้วยเพื่อคอยสัมผัส BT ก่อนที่จะเข้าใกล้ แต่สุดท้าย พวกเขาก็ถูกเหล่า BT โจมตีในพายุ Timefall จนรถบรรทุกคว่ำ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ชายปริศนาสวมหน้ากากได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเรียก BT ขนาดยักษ์ออกมา ในจังหวะนั้น หนึ่งในทีมกำจัดศพได้ปลด BB ออก แล้วโยนให้ Sam พาหนีไป แต่ก่อนที่เขาจะยิงตัวตาย BT ยักษ์ได้จับชายคนนั้นขึ้นไปกลืนกิน และการระเบิด Voidout ก็เกิดขึ้น

แต่ Sam คือ 'Repatriate' มนุษย์ผู้ไม่สามารถตายได้ ทุกครั้งที่เขาตาย วิญญาณของเขาจะสามารถแหวกว่ายผ่านโลกกึ่งกลางเพื่อกลับเข้าร่าง และเพราะอะไรกายหยาบของเขาถึงไม่ถูกทำลายยังเป็นคำถามที่ไม่อาจตอบได้ นี่เป็นความสามารถหายากที่น้อยคนจะมีในโลกอันเหนือธรรมชาตินี้ เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาเจียนน้ำมันดิน กับ Cryptobiote (หนอนประหลาด ที่เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษสามารถอยู่ได้ทั้งในโลกคนเป็นและโลกวิญญาณ) ที่ข้างกายเขาคือ Bridge Baby หรือ BB-28 ที่ถูกส่งต่อมาให้ และ Sam ก็ได้พบว่า Central Knot City ถูกระเบิดเป็นหลุมยักษ์ไปเรียบร้อยแล้ว

เชื่อมอเมริกาเป็นหนึ่งเดียว

เป็นเวลา 2 วัน ที่ Sam สลบไป และถูกนำตัวกลับมาที่พัก เมื่อ Sam ฟื้นขึ้นมา เขาได้รับการต้อนรับโดยชายที่เรียกตนเองว่า 'Deadman' Deadman บอกข่าวร้ายของการสูญเสียเมืองหลวง Central Knot และตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงแห่งใหม่ นั่นคือ Capital Knot City รอยมือที่อยู่ตามตัว Sam ที่ Deadman สังเกตเห็น นั่นคือสัญลักษณ์ของการคืนชีพที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง และรอยจ้ำแดงบนแขนล่าสุดเกิดจากตอนที่ Fragile บีบแขนเขาไว้ขณะเผชิญหน้า BT นี่คืออาการ 'aphenphosmphobia' ที่ Sam เป็นมาตลอดหรืออาการกลัวถูกสัมผัสตัว เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Sam เลือกที่จะพเนจรอยู่ในโลกภายนอกเพื่อที่จะไม่ถูกใครสัมผัส แต่ในตอนนี้ Sam ถูกเรียกตัวให้ไปพบกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน Bridget Strand และเธอยังเป็นแม่บุญธรรมของ Sam ด้วย เธอกำลังจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการคือการได้พบหน้า Sam อีกครั้ง

เมื่อ Sam มาถึงห้องทำงานรูปไข่ ที่ Bridget ใช้เป็นที่รักษาตัว Sam ก็ได้พบกับ Die-Hardman หัวหน้าของ Bridges พวกเขารู้จักกันมาก่อนแล้วเพราะ Sam เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Bridges และเมื่อ Sam เข้าไปหา Bridget เธอก็ได้อ้อนวอนให้ Sam สานต่อภารกิจแห่งการฟื้นฟูประเทศต่อจากเธอ โดยการตามหา Amelie ผู้เป็นพี่สาวของเขา ที่เดินทางไปยังฝั่งตะวันตก แต่ Sam ผู้ไม่เคยแยแสสิ่งใดอยู่แล้ว รวมกับอดีตอันขมขื่นที่ทำให้เขาลาออกจาก Bridges ไปกว่า 10 ปี  ทำให้ Sam ปฏิเสธคำขอนี้อย่างไม่ใยดี แต่ในลมหายใจสุดท้ายของผู้เป็นแม่ก็ยังอ้อนวอนให้ Sam ทำตามที่เธอขอ พร้อมกับบอกเขาว่าเธอจะไปรอเขาที่'ชายหาด' และประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาก็สิ้นลม (และเราก็ได้เห็นว่า ห้องทำงานรูปไข่นั้น แท้ที่จริงเป็นเพียงภาพโฮโลแกรม)

แม้ทีมแพทย์จะพยายามอย่างสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ช่วย Bridget ไม่ได้ และนั่นทำให้ Sam ต้องทำภารกิจใหม่อีกครั้ง คือการนำร่างของเธอไปเผาที่เตาเผาศพก่อนที่เธอจะกลายเป็น BT แต่ Sam เพิ่งจะรู้ว่าของอีกสิ่งที่เขาถูกมอบหมายมาด้วย คือ BB-28 หรือ Bridge Baby ที่ Sam ได้ถูกส่งต่อมาให้ แต่ด้วยความที่ BB-28 ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จึงมีคำสั่งให้กำจัดทิ้งด้วยการเผา

Sam เดินทางไปถึงเตาเผาและทำการฌาปนกิจร่างของ Bridget ได้สำเร็จ ทว่าด้านนอกอาคารก็เกิดเหตุ Timefall ขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ BT มากมาย ถึง Sam จะมี DOOMS แต่ก็ไม่แรงพอจนสามารถมองเห็นพวก BT ทำให้ Sam ต้องเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับ BB เพื่อหนีรอดออกมา ซึ่ง Sam เองก็รู้สึกว่าเขามีการเชื่อมโยงกับ BB ตัวนี้อย่างประหลาด และเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เมื่อเดินทางกลับมาได้ Sam ก็ได้เจอกับ Amelie ผู้เป็นพี่สาวของเขา และลูกสาวแท้ ๆ ของ Bridget เธอได้รับผลกระทบบางอย่างจากโลกชายหาด ทำให้เธอไม่สามารถแก่ชราได้ และในขณะนี้เธอกำลังติดต่อเข้ามาด้วยระบบโฮโลแกรมของ Chiral Network เธอขอร้องให้ Sam ช่วยฟื้นฟูประเทศอีกครั้ง ด้วยการเชื่อมต่อเครือข่าย Chiral Network กับทุกเมืองและทุกที่หลบภัย และช่วยเหลือเธอจาก Homo Demens เหล่าผู้ก่อการร้ายที่จับตัวเธอไว้ในเมือง Edge Knot City ณ สุดขอบทางฝั่งแปซิฟิกของอเมริกา ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับ UCA และต้องการที่จะอยู่เพียงลำพัง โดยมี Amelie เป็นตัวประกันเพื่อไม่ให้ UCA กล้าขัดขืน แต่เพื่อให้อเมริกาได้มีอนาคต เธอขอร้องให้ Sam มาช่วยเธอเพื่อกลับไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งประเทศอเมริกา แม้ Sam จะยังรู้สึกไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยอมรับภารกิจนี้ เพราะในชีวิตวัยเด็กของเขา มีเพียง Amelie ที่อยู่คู่กับเขามาตลอด ทำให้เธอเป็นสิ่งเดียวที่เขารักในโลกที่สิ้นหวังใบนี้

Fragile Express

ในความฝัน Sam ได้เจอกับ Amelie ที่ชายหาดอีกครั้ง ซึ่งเธอได้มาย้ำเตือนเขาถึงภารกิจที่ต้องทำ และชื่อ Strand ที่เขาเป็น แม้เขาจะปฏิเสธมันไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงมีความหวังว่าสักวันเขาจะกลับมาเป็น Sam Strand อีกครั้ง

หลังจากตื่นขึ้นมา Sam ก็เตรียมตัวออกทำภารกิจ แต่ก่อนที่เขาจะไป เขาได้วานให้ Deadman ช่วยตรวจสอบเลือดของเขา เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาสังเกตเห็นว่าพวก BT มีอาการประหลาดเมื่อสัมผัสกับเลือดของเขา จากนั้น Sam ก็เริ่มภารกิจในการเชื่อมโยงเมืองและจุดลี้ภัยต่าง ๆ เข้าสู่ Chiral Network ซึ่งในระหว่างที่เขาเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับ BB เขาก็ได้เห็นภาพของชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นพ่อของ BB และพูดกับเขาอย่างรักใคร่อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าในตอนนี้ Sam ยังไม่รู้ว่าเขาคนนี้คือใครกันแน่

ระหว่างภารกิจส่งของและเชื่อมต่อ Sam ได้พบกับทั้ง BT และกลุ่มพวก Homo Demens คอยขัดขวางเขาอยู่ตลอด และในที่สุดเขาก็ได้พบกับ Higgs ผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย Homo Demens ในเขตเมือง Port Knot City ที่โผล่มาแนะนำตัวและขัดขวางภารกิจของ Sam พร้อมกับเรียก BT ขนาดยักษ์มาจัดการกับเขาและทำลาย Port Knot City ไปด้วยกัน

แต่ด้วยการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาจากเลือดและ DNA ของ Sam ทำให้ทาง Bridges สามารถสร้างอาวุธขึ้นมาต่อกรกับ BT ได้สำเร็จ และ Sam ก็เป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถปราบ BT แม้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่การที่ Sam เป็น Repatriate ก็น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ BT ไม่สามารถทนการถูกสัมผัสกับเลือดของ Sam ได้ หลังจากปราบ BT ลง Sam ก็ได้ขึ้นเรือข้ามทะเลสาบขนาดยักษ์ที่ตัดกลางประเทศอเมริกา เพื่อเดินทางมายัง Lake Knot City (ทะเลสาบนี้ เกิดขึ้นจากการ Voidout อย่างหนัก จนประเทศแยกออกจากกัน)

เมื่อ Sam เดินทางมาถึง Lake Knot City เขาก็สานต่อภารกิจส่งของและเชื่อมโยง Chiral Network โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Fragile ผู้มีความสามารถในการเดินทางผ่านชายหาดเพื่อไปโผล่ ณ จุดที่ต้องการ (หรือก็คือการ Teleport นั่นเอง) แต่ผู้คนในเขตนั้นต่างพากันสงสัยว่า Fragile คือผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ก่อการร้ายหรือไม่ เพราะเมื่อ 1 ปีก่อน Middle Knot City และบางส่วนของ South Knot City ได้ถูกผู้ก่อการร้ายใช้นิวเคลียร์ระเบิดจนพินาศสิ้น เพื่อให้ Sam เลิกสงสัยในตัวเธอ Fragile จึงยอมเปิดใจเล่าความจริงให้ฟัง เธอเล่าว่าเมื่อก่อน Higgs เคยทำงานร่วมกับ Fragile Express แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาเปลี่ยนไปและหักหลังเธอ พัสดุที่เธอขนส่งถูกปลอมแปลง เปลี่ยนให้เป็นอาวุธยุธโธปกรณ์ แทนที่จะเป็นเวชภัณฑ์ ทำให้ชื่อเสียงของ Fragile Express ถูกทำลายย่อยยับ และที่เลวร้ายที่สุด เธอได้ส่งหัวรบนิวเคลียร์เข้าไปกลาง Middle Knot City และเมืองทั้งเมืองก็ถูกระเบิดเป็นจุล

แต่ Fragile รู้ตัวก่อนที่ระเบิดลูกที่สองจะเข้าไปถึงใจกลาง South Knot City เธอชิงมันออกมาจากรถบรรทุกที่อยู่หน้าประตูเมืองและแบกมันออกไปยังจุดปลอดภัย แต่ Higgs คอยจับตาดู Fragile มานานแล้ว และเพื่อเป็นการลงโทษ Higgs ได้สั่งให้ Fragile เปลื้องผ้าจนเหลือแต่ชุดชั้นใน แล้วสั่งให้ Fragile เลือกว่าจะกระโดดข้ามมิติหนีไป หรือจะยอมวิ่งฝ่า Timefall เพื่อเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปโยนลงในหลุม แม้มันอาจจะยังทำให้บางส่วนของ South Knot City ต้องถูกทำลาย แต่ก็ยังดีกว่าระเบิดถูกจุดที่ใจกลางเมือง ซึ่ง Fragile เลือกอย่างหลัง แต่ Higgs ยังเล่นเกมซาดิสท์สุดท้าย นั่นคือการสวมหมวกให้เธอเพื่อรักษาใบหน้าเอาไว้เป็นหลักฐานให้คนทั่วไปรู้ว่านี่คือหน้าของคนที่ระเบิด Middle Knot City เหตุการณ์นี้ทำให้ร่างของ Fragile เสื่อมโทรมลงตั้งแต่ช่วงคอลงไปถึงปลายเท้า แต่เธอก็รอดมาได้ และสัญญาว่าจะเค้นความจริงหาสาเหตุที่ Higgs ทรยศเธอให้จงได้

“แม้จะฉันจะเปราะบาง แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ”

เมื่อ Sam ได้ฟังความจริงดังกล่าว ก็ทำให้เขาเชื่อใจ Fragile แต่ถึงพวกเขาจะระวังตัวมากแค่ไหน Higgs ก็ยังนำพวก Sam ไปก้าวหนึ่งเสมอ Higgs ลอบวางระเบิดเอาไว้ในลังสินค้าที่ Sam เตรียมขนส่งให้กับเมืองต่าง ๆ เพื่อสร้างหายนะให้กับเมือง South Knot City แต่โชคดีที่ Sam เจอมันได้ทันเวลาและกอบกู้เมืองไว้ได้อีกครั้ง

แต่เมื่อ Sam เชื่อมต่อ South Knot City เข้ากับ Chiral Network พายุ Supercell ขนาดยักษ์ก็ได้ก่อตัวขึ้นในบริเวณรอบ ๆ และ Sam ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติประหลาด ที่เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้พบกับ Clifford ชายคนเดียวกับที่ Sam ได้เจอผ่านทางความทรงจำของ BB และมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงเขาทั้งสามไว้ด้วยกัน Clifford ออกตามล่า Sam อย่างไม่ลดละด้วยกองกำลังผีดิบของเขา โดยมีเป้าหมายในการแย่งชิง BB จาก Sam

ท้ายที่สุดหลังการเผชิญหน้าอย่างยาวนาน Sam ก็สามารถกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้อีกครั้ง โดยที่เวลาในโลกจริงผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง…

แม่จ๋ากลับบ้านแล้ว

เป้าหมายต่อไปของ Sam ก็คือไปเจอกับ Mama หญิงสาวที่มีความเชื่อมโยงกับร่างของลูกน้อยที่ตายไปแล้ว และล่องลอยอยู่รอบตัวของเธอเหมือนกับพวก BT ซึ่งเบื้องหลังความสามารถนี้มาจากเรื่องราวอันแสนเศร้าของเธอ กลุ่มผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามายังโรงพยาบาลที่เธอให้กำเนิดลูกน้อย ลูกของเธอตายแต่เธอรอดมาได้ในระหว่างที่ติดอยู่ในซากตึกโรงพยาบาลที่พังถล่มลงมา

ซึ่งเธอเอาตัวรอดมาได้จากการดื่มน้ำฝนของ Timefall และเกิดการเชื่อมโยงระหว่างเธอกับลูกที่เป็น BT นั่นเอง ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คือเธอไม่สามารถเดินทางออกจากบริเวณโรงพยาบาลแห่งนี้ไปได้ เพราะถ้าเธอออกไปจากที่นี่ก็หมายถึงชีวิตของเธอได้เลย

Mama ได้บอก Sam ว่าพายุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะค่า Chiralium ในพื้นที่มีความเข้มข้นมากกว่าที่เธอคาดเอาไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเชื่อมโยงเมืองต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านทาง Chiral Network นี่คือผลลัพธ์ที่ทาง UCA ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เธอได้เตือน Sam ว่า ถ้าหากยังมีการเชื่อมโยงอเมริกาด้วย Chiral Network ต่อไป โอกาสที่จะเกิดพายุ Supercell อีกครั้งก็ยิ่งสูง ที่แย่กว่านั้น มันอาจจะนำมาซึ่ง Death Stranding ระลอกใหม่เลยก็เป็นได้ แต่เธอก็ยังมองว่า การเชื่อมโยงอเมริกาให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ดี

เพื่อการนี้ Mama จึงมอบ Q-Pid ตัวใหม่ให้กับ Sam ที่จะทำหน้าที่ในการควบคุมระดับ Chiralium ให้เหมาะสมในการเชื่อมต่อแต่ละจุด แต่การที่จะทำให้มันเปิดใช้งานได้ พวกเขาต้องทำให้ซอฟท์แวร์เก่าของระบบรองรับกับ Q-Pid ตัวใหม่ก่อน และคนเดียวที่สามารถทำได้ก็คือหญิงสาวที่มีชื่อว่า Lockne ผู้อาศัยอยู่ที่เมือง Mountain Knot City และเธอยังเป็นน้องสาวฝาแฝดของ Mama อีกด้วย

แม้ Sam จะได้เจอกับ Lockne แล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือเขา Mama จึงเปิดเผยความจริงให้ Sam ฟังอีกเรื่อง นั่นคือลูกของ Mama ที่เป็น BT แท้จริงแล้วคือลูกของ Lockne เพราะ Lockne อยากจะมีบุตร แต่มดลูกของเธอไม่พร้อมกับการตั้งครรถ์ Mama จึงเสนอเป็นตัวแทนในการตั้งครรถ์ให้ แต่แล้วเหตุก่อการร้ายก็ได้พลัดพรากทั้งสอง ทำให้ Lockne หลงคิดไปว่า Mama คลอดลูกแล้วพาลูกของเธอหนีไป แท้จริงแล้วเธอไม่สามารถออกจากซากโรงพยาบาล และเมื่อไม่มี Chiral Network ก็ทำให้เธอทั้งสองไม่สามารถติดต่อกันได้ และสิ่งที่ Sam ต้องทำคือการพาตัว Mama ไปหาน้องสาวของเธอ ด้วยการตัดการเชื่อมต่อกับลูกน้อยที่เป็น BT นั่นเอง เพื่อกล่อมให้ Lockne ยอมช่วยเหลือพวกเขา

ทว่าการเดินทางก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น Higgs เจอพวกเขาและส่ง BT ขนาดใหญ่มาขัดขวาง แต่ด้วยไหวพริบและความสามารถ ทำให้ Sam สามารถเอาชนะ BT และปกป้อง Mama ไว้ได้ ในที่สุดพี่น้องฝาแฝดทั้งสองก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้การเดินทางจะจบลงด้วยความตายของ Mama หรือ Malingen ที่สูญเสียพลังชีวิตไปจากการตัดการเชื่อมต่อกับลูกของเธอ แต่ในที่สุดสองพี่น้องก็ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากกันมานาน ความจริงถูกเผยในตอนนี้ว่าแท้จริงแล้ว Mama ตายไปตั้งแต่ตอนที่ถูกขังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่เพราะร่างกายของเธอยังเชื่อมต่อกับวิญญาณของลูกน้อย ทำให้กายหยาบของเธอยังสามารถขยับต่อได้ นี่คือเหตุผลที่เธอไม่เคยใส่ Cufflink ทั้งสองด้าน เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นว่าเธอไม่มีชีพจรอีกแล้ว

และจากการเชื่อมโยง Chiral Network ของเมือง Mountain Knot City ทำให้วิญญาณของ Mama รวมกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับน้องสาวของเธอ และอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เหมือนกับครั้งที่อยู่ในครรภ์ของแม่ในสมัยที่ทั้งสองกำลังจะถือกำเนิดนั่นเอง

Lou ที่รัก

Sam ตื่นขึ้นมาในห้องพัก แต่ก็พบว่า BB ที่อยู่กับเขามานานและตั้งชื่อให้ว่า Lou หายไป แต่แล้ว Deadman ก็ปรากฏตัวขึ้นผ่านการข้ามมิติของ Fragile พร้อมกับ BB ในมือ ซึ่งเขามาเตือนว่า BB ของ Sam กำลังเกิดปัญหาเพราะ BB หรือ Lou ที่ควรจะเป็นตัวกลางระหว่างโลกคนเป็นและคนตาย ได้เริ่มเอนเอียงมาทางโลกคนเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของ Lou เริ่มเติบโตขึ้น ปฏิกิริยาทางสมองเริ่มสูงขึ้น แม้ว่า Sam จะไม่มองว่าเป็นเรื่องแย่ แต่นี่คือปัญหาอย่างใหญ่หลวง เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป Lou จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน

Deadman เริ่มเห็นว่า Sam ผูกพันธ์กับ BB-28 อย่างมาก เขาเลยย้ำว่า Lou หรือ BB-28 เป็นเพียง “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “มนุษย์” แบบเขาหรือ Deadman สิ่งที่มันเป็นคือการเป็น “สะพาน” เชื่อมโยงโลกระหว่างคนเป็นและคนตายเท่านั้น

Sam ไม่มีทางเลือก เขาต้องยอมมอบ Lou ให้กับ Deadman นำไปตั้งค่าใหม่ เพื่อให้ Lou กลับมาเป็นทารกในครรถ์ที่อยู่ระหว่างโลกคนเป็นและคนตายเหมือนเดิม แต่ในการทำแบบนั้น Deadman ได้เตือน Sam ไว้ว่าความทรงจำของ Lou อาจจะถูกลบเลือนไปด้วย ซึ่ง Sam ก็ต้องจำใจยอม และทำภารกิจส่งของกับเชื่อมต่อเมืองต่าง ๆ ต่อไปโดยที่ไม่มีคู่หูคอยตรวจจับ BT ชั่วคราว

ก่อนไป Deadman ได้เตือน Sam ถึงเรื่องบางอย่าง และไม่ต้องการให้ Die-Hardman รู้ว่าในตอนนี้เขากำลังขุดค้นข้อมูลเก่าจาก Chiral Network ที่ได้รับการขยายโดย Sam ในตอนนี้เขาล้วงลึกถึงการทดลอง BB ครั้งแรกในสมัยของประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ที่ทำให้เกิด Voidout ล้างเกาะ แมนฮัตตัน ออกไปจากผิวโลกรวมถึงจบชีวิตของ ปธน. คนก่อนด้วย หลังจากนั้นโครงการ BB ก็ได้ถูกล้มเลิกไป แต่แล้วก็มีคำสั่งให้รื้อฟื้นโครงการนี้อีกครั้งภายใต้อำนาจของ ปธน. Bridget Strand นั่นเอง และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจให้ BB เป็นเพียงเครื่องตรวจจับ BT เท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายในการฝัง BB เข้ากับ Chiral Network เพื่อเป็นสะพานในการเดินทางไปยังชายหาดโลกวิญญาณ แถมในตอนนี้ เทคโนโลยี BB ยังถูกผู้ก่อการร้ายนำไปใช้ได้อีก จึงทำให้ Deadman สงสัยอย่างมากว่า ทั้ง Bridges และ Die-Hardman กำลังมีการสมคบคิดอะไรหรือเปล่า ซึ่ง Deadman จะพยายามสืบหาต่อไป พร้อมกับการรักษา Lou ให้กลับมาสภาพเดิม

หลังจากแยกจากกันพักหนึ่ง ในที่สุด Sam ก็ไปรับตัว Lou คืนจาก Deadman ทว่าก็ถูกขัดขวางจากพายุ Supercell ที่กระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง พาตัวเขากับ Deadman เข้าไปสู่ชายหาดที่เป็นดั่งสมรภูมิ แต่คราวนี้มันคือสมรภูมิแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2  Sam ได้เผชิญหน้ากับ Clifford ชายคนเดิมที่เคยพบมาก่อนหน้าในโลกแห่งนี้

หลังจากหลบการโจมตีจากกองกำลังลึกลับของ Clifford ที่ตามล่าเขา ในที่สุด Sam ก็ได้เจอกับ Deadman และรับตัว Lou กลับมา Sam ตัดสินใจออกไปเผชิญหน้า Clifford  เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตอนที่เกิด Supercell ครั้งแรก เขากลับมาในโลกปัจจุบันได้ด้วยการล้ม Clifford ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะทำแบบนั้นอีกครั้ง หลังจาก Sam เอาชนะ Clifford ได้ Clifford พยายามที่จะคลานเข้ามาหา Sam พร้อมกับเรียกหา BB ในจังหวะนั้น Clifford ทำทีเหมือนจะจู่โจม Sam อีกครั้ง ในระหว่างการดิ้นรน Sam เผลอกระชาก Dog Tag จาก Clifford และเขาก็ถูกส่งกลับมาที่โลกปัจจุบันอีกครั้ง พร้อมกับความทรงจำจาก Lou ที่เกี่ยวข้องกับ Clifford พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขาด้วยเช่นกัน.. เห็นได้ชัดว่าการรีเซ็ทที่ Deadman ทำกับ Lou ไม่ได้ทำให้ความทรงจำของ Lou หายไปอย่างที่เคยเตือนเอาไว้

ในช่วงเวลาที่ Sam หลับไป Deadman ยังได้พบความลับมากมาย เขารู้แล้วว่าทำไม Sam ถึงตั้งชื่อ BB-28 ว่า Lou เพราะแท้จริงแล้ว Lou คือชื่อที่ Sam และภรรยาของเขา Lucy ตั้งใจจะตั้งให้กับลูกชายของพวกเขา เมื่อ 10 ปีก่อน (หญิงสาวตั้งครรถ์ที่อยู่ในภาพถ่ายของ Sam กับ Bridget) แต่หลังจากที่ Lucy ตั้งครรถ์ได้ 7 เดือน เธอก็เสียชีวิตในบ้านของพวกเขา ส่วน Sam ที่ขาดการติดต่อกับภรรยา ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงรีบกลับมาที่บ้าน แต่สายไป ศพของ Lucy ได้เข้าสู่สภาวะ Necrosis และก่อให้เกิด Voidout ที่ทำลายทั้งเมือง เหลือเพียง Sam เท่านั้นที่เป็น Repatriate จึงรอดมาได้

ประชาชนต่างพุ่งเป้าไปยัง Sam ที่น่าสงสัย ว่าเขาเป็นคนซ่อนศพของภรรยาเอาไว้หรือเปล่า หลังจากทนแรงกดดันไม่ไหว Sam จึงหนีออกจาก Bridges และมาใช้ชีวิตตามลำพัง แต่ Deadman ก็พยายามเกลี้ยกล่อม Sam ให้เลิกยึดติดกับการตัดขาดกับคนอื่น ๆ Deadman เล่าถึงที่มาว่าทำไมเขาถึงมีฉายา 'Deadman' เพราะเขามีชีวิตเหมือน 'คนตาย' มาตลอด เป็นมนุษย์ประดิษฐ์ที่เติบโตจากห้องเพาะเลี้ยง Stem Cell และเชื่อมอวัยวะจากศพในส่วนที่ขาดหายไป เขาไม่มีชายหาด ไม่มีโลกหลังความตาย แต่เขาก็ยังถูกโอบรับโดย Bridges และคนอื่น ๆ ดังนั้น Sam จึงไม่ควรจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้

แต่ Sam ก็ตัดบทไป แล้วหันไปสนใจ Dog Tag ที่เขาดึงออกมาจาก Clifford แทน 'Clifford Ungar' คือชื่อเต็ม ๆ ของชายลึกลับคนนี้ เขาคือหัวหน้าหน่วยรบพิเศษของอเมริกา ผู้ร่วมรบมาแล้วหลายสมรภูมิบนโลก และ Deadman ก็ตั้งใจจะสืบหาข้อมูลเพิ่มอีก

หลังจากที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ Sam ฟังแล้ว Deadman ก็จากไป พร้อมกับแนะนำให้ Sam อาบน้ำและพักผ่อนให้เรียบร้อย

21 นาทีแห่งการไขความจริง

Sam ได้เดินทางมาพบกับชายที่ชื่อว่า Heartman ตามคำแนะนำของ Die-Hardman ซึ่งเขากำลังลงลึกกับการศึกษาพื้นที่ของ ชายหาด อยู่ว่ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับ Death Stranding จากความสามารถของเขา

เขาได้อธิบายถึงสิ่งที่เขาค้นพบว่า ชายหาด คือพื้นที่แห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิญญาณหนึ่งดวง แม้จะเรียกว่าชายหาด แต่มันก็ไม่ได้มีรูปร่างเป็นชายหาดเสมอไป มันถูกหล่อหลอมและปั้นแต่งไปตามความเชื่อของเจ้าของแต่ละคน เช่นปรัชญา ศาสนา หรือสิ่งยึดเหนี่ยวอื่น ๆ เมื่อคน ๆ นั้นตาย ชายหาดก็จะเป็นเหมือนทางเชื่อมโยงพวกเขาไปสู่ปรโลกนั่นเอง

แม้ชายหาดจะมีความแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล แต่ถ้าหากในตอนนั้นมีคนตายพร้อมกันมากกว่าหนึ่งคน ชายหาดของพวกเขาอาจจะผูกเข้าหากัน กลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่เรียกว่า 'Strand field' ซึ่งพื้นที่สงครามที่ Sam ได้เจอกับ Clifford นั้นก็คือพื้นที่ Strand Field รูปแบบหนึ่ง ที่เกิดจากเหล่าผู้เสียชีวิตในสงคราม จากที่ชายหาดควรจะเป็นแค่ทางผ่าน แต่หากเหล่าผู้เสียชีวิตมีความรู้สึกด้านลบต่อกันอย่างรุนแรง เช่นความเกลียดชัง ความเศร้า หรือสิ้นหวัง มันจะกลับกลายเป็นนรกชั่วกัลป์ชั่วกัลย์ โดยมันถูกเรียกว่า Cliff Beach และ Fragile เองก็สามารถใช้พื้นที่ Beach ในการเคลื่อนที่ไปมาระหว่างเมืองต่าง ๆ ได้ ส่วนพื้นที่ Beach ที่ Sam และ Amelie พูดคุยกันได้นั้นจะเรียกว่า Beachy Beach

แต่ Sam ไม่ได้มาตัวเปล่า เขามาพร้อมกับร่างของ Mama ที่ไม่เน่าเปื่อย ไม่แสดงอาการ Necrosis และ Sam ก็พบว่า Heartman มีความสามารถในการมีชีวิตอยู่บนโลกได้ 21 นาที ก่อนที่จะตายและฟื้นขึ้นมาใหม่ใน 3 นาทีจากเครื่องปั้มหัวใจที่ติดตัวเขาอยู่ ซึ่งเป็นความสามารถที่เขาต้องการเพื่อใช้ในการค้นหาลูกและภรรยาของเขาที่ตายจากไป เปิดโอกาสให้เขาเข้าไปในชายหาด วันละ 60 ครั้ง จนถึงตอนนี้เขาเข้าไปในชายหาดมาแล้วกว่า 218,549 ครั้ง ก่อนที่ Sam จะมาพบกับเขา

แน่นอนว่า Heartman มีภารกิจส่งของให้ Sam ทำเหมือนเช่นเคย ซึ่งเกี่ยวพันกับการเชื่อมโยงอเมริกาด้วย Chiral Network แต่เรื่องราวเริ่มไม่ชอบมาพากล เมื่อทั้ง Deadman และ Heartman เริ่มไม่ไว้ใจ Die-Hardman มากขึ้นเรื่อย ๆ และลอบส่งข้อมูลบางอย่างให้ Sam ลับหลังเขา นั่นก็คือ Umbilical Cord หรือสายสะดือที่ Deadman ตัดมามอบให้กับ Sam นั้น แท้ที่จริงเป็นของ Bridget Strand อดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งเสียชีวิตไปนี่เอง

และดูเหมือนว่าสายสะดือชิ้นนี้จะกุมความลับบางอย่างเอาไว้ และอาจเป็นกุญแจที่นำไปสู่การไขความลับของ Death Stranding ในอนาคตต่อไปอีกด้วย และนอกจากนั้น Heartman ยังพบว่าสายสะดือนี้มีความพิเศษก็คือเต็มไปด้วย Chiralium ระดับเข้มข้น เช่นเดียวกับร่างของ Mama ที่มีการเชื่อมโยงกับชายหาด และมีความพิเศษอยู่เหนือกระแสของเวลาอีกด้วย

ผู้นำพาการสิ้นเผ่าพันธุ์

เมื่อล่วงรู้ความลับจากสายรกของ Bridget แล้ว Heartman ก็ได้อธิบายว่า ในตอนนี้เขากำลังศึกษาการสิ้นเผ่าพันธุ์ของสัตว์ชนิดต่าง ๆ บนโลกที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ และค้นพบว่าสายสะดือแบบที่พบจากตัว Bridget มีมาตั้งยุคไดโนเสาร์ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เนื่องจากไดโนเสาร์เกือบทุกชนิดออกลูกเป็นไข่ และไม่มีสายสะดืออยู่กับตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

ในการสูญพันธุ์ทั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมา พวกเขาได้ค้นพบซากของสิ่งมีชีวิตที่ถูกแช่แข็งจากยุคนั้นโดยมีสายสะดือเหมือนกันทุกตัว และร่างกายของพวกมันก็ไม่เปื่อยเน่าเลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วซากของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ได้ถูกแช่แข็ง แต่มันไม่มีผลกับกาลเวลา เช่นเดียวกับร่างของ Mama หรือสายสะดือของ Bridget และสายสะดือนี้เองที่เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างโลกของสิ่งมีชีวิตกับโลกชายหาด Heartman ตั้งข้อสันนิษฐานว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือ 'ผู้นำพาการสิ้นเผ่าพันธุ์' หรือ Extinction Entity ทุกยุคของการสูญพันธุ์ น่าจะเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก่อให้เกิด Death Stranding ในยุคของตัวเอง และ Bridget ก็อาจจะเป็น Extinction Entity ตนที่ 6 หรือจะเป็นสิ่งที่นำพาไปสู่การสิ้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ แต่ Sam ได้ทำการเผาศพของ Bridget ไปแล้ว เราเลยไม่อาจรู้ได้ แต่ทว่า ตัวของ Amelie ผู้เป็นลูกสาวของเธอเองก็น่าจะเป็น Extinction Entity ในแบบเดียวกัน ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า Higgs ต้องการพลังของ Amelie เพื่อก่อให้เกิดการสูญพันธุ์

แม้ข้อมูลนี้จะสร้างความงุนงงและสับสนขึ้นในใจ Sam แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง การพาตัว Amelie กลับมาก็ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีกหลายเท่า ทว่าเมื่อไปถึงเมือง Edge Knot City เขาก็ได้ค้นพบความจริงและแผนการที่ Higgs แอบปิดบังมานานด้วยเช่นกัน

Higgs ต้องการให้ Sam เดินทางมายัง Egde Knot City ตั้งแต่ต้นแล้ว เพื่อให้ Sam ทำภารกิจให้เขา นั่นคือการแพร่กระจายเครือข่าย Chiral Network แล้วเพิ่มค่าความเข้มข้นของ Chiralium ให้สูงขึ้นไปทั่วประเทศ และใช้พลังของ Amelie ในการรวมชายหาดของมนุษย์ทุกคนเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นจะเป็นการเปิดช่องทางระหว่างชายหาดกับโลกคนเป็นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จน BT ทะลักเข้ามาในโลกคนเป็นมากมายมหาศาล และนั่นหมายถึงการ Voidout ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกวาดล้างทุกชีวิตบนโลก นี่คือ 'Last Stranding'… จุดสิ้นสุดของทุกชีวิตอย่างแท้จริง

แต่ถึง Higgs จะเรียก BT ขนาดยักษ์มาจัดการกับ Sam อีกครั้ง แต่ Sam ก็ยังไม่ยอมแพ้และเอาชนะได้สำเร็จ ทำให้ Higgs ต้องพา Amelie หนีไปที่ชายหาด แต่ด้วยความร่วมมือของ Fragile ทำให้ Sam สามารถตามไปยังชายหาดที่ว่าได้ Sam สัญญากับ Fragile ว่า เขาจะไม่ฆ่า Higgs เพื่อให้ Fragile ได้เค้นคำตอบจาก Higgs เอง ว่าทำไมถึงต้องทรยศเธอ Sam ต่อสู้กับ Higgs ด้วยมือเปล่า แต่ก็สามารถจัดการกับ Higgs และช่วย Amelie ได้สำเร็จ ซึ่ง Sam ก็ทำตามสัญญาปล่อยให้ Fragile คิดบัญชีแค้นกับ Higgs ตามใจชอบ

คำถามอันมากมาย คำตอบที่พรั่งพรู

หลังจากที่จัดการกับ Higgs ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ทว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อ Sam ได้เจอกับ Amelie อีกครั้ง พร้อมกับเค้นความจริงจากปากของเธอ

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมีต้นเหตุจากการที่ Amelie หลอกใช้ Sam มาตลอด เพื่อให้ Sam ทำภารกิจฟื้นฟูประเทศ และยังไม่ทันที่จะได้รู้เรื่องอะไรต่อ พวกเขาก็พบว่า Bridget และ Die-Hardman ได้มาที่ Beach แห่งนี้ด้วย ซึ่ง Die-Hardman ได้จ่อปืนไปที่ Bridget และได้พูดอะไรบางอย่างที่เหมือนกับว่า Bridget คือตัวการเรื่องเลวร้ายทั้งหมด แล้ว Bridget ก็ท้าให้เขายิงได้เลย Die-Hardman เหนี่ยวไกปืนเพื่อปลิดชีพเธอ.. แต่นั่นไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น

และทันใดนั้น Clifford ก็ปรากฏตัวขึ้นจากทะเล ที่ทำให้ Die-Hardman เกิดความรู้สึกผิดบางอย่างจนยืนไม่อยู่ ดูจากท่าทางแล้ว Clifford กับ Die-Hardman น่าจะรู้จักกันมาก่อน และ Die-Hardman ก็ได้แต่ขอโทษ Clifford จากอะไรบางอย่างที่เขาเคยทำไว้ แต่ Clifford ไม่สนใจ พุ่งเป้าไปยัง Bridget ทันที พร้อมกับขู่ให้เธอคืน BB ของเขามา ซึ่ง Bridget ก็ได้ชี้ไปยังจุดที่ Sam และ Amelie ยืนอยู่

ก่อนที่ Sam จะได้ทำอะไร Amelie ก็ผลักเขาตกจากผาและร่วงลงทะเล ส่งให้เขากลับไปยังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง เมื่อ Sam ตื่นขึ้นมา เขาก็ถามหา Amelie ทันที แต่ Deadman บอกว่าหลังจากที่ Amelie พบกับ Sam เธอก็ติดต่อไปหา HQ ของ Bridges พร้อมกับทิ้งข้อความไว้ว่า "เธอจะสานต่อสิ่งที่ Bridget ทำเอาไว้" แล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นมิตรสหายของเขาก็ได้มาแจ้งให้รู้ว่า ระบบ Chiral Network กำลังจะล่ม โดยน่าจะมีต้นเหตุจากการที่ระบบเชื่อมต่อทั่วประเทศ ทำให้ระดับ Chiralium สูงขึ้นจนพายุ Supercell อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา

Fragile ได้ทำการพาทุกคนข้ามมิติกลับไปยัง Capital Knot City ทางฝั่งตะวันออก แต่หลังจากการพาคนหลายคนข้ามมิติ ทำให้เธอไม่มีแรงพอในการพา Sam กลับมาด้วย อีกทั้งการเข้าสู่ชายหาดในเวลานี้ก็เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะอาจจะมีอะไรอย่างอื่นตามออกมาด้วย ทำให้ Sam ต้องเดินทางกลับไปยังฝั่งตะวันออกด้วยตัวเอง และเขาต้องรีบอย่างที่สุด เพราะเป็นไปได้ว่า ขณะนี้ Clifford ได้จับตัว Amelie กับ Die-Hardman เป็นตัวประกัน ในเมื่อ Higgs ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว แต่ Clifford ยังเป็นภัยกับทุกคน นั่นแปลว่า Clifford อาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง และเขาอาจจะใช้ Amelie ในการสร้าง Last Stranding ก็เป็นได้

แต่เมื่อ Sam เดินทางไปถึง Lake Knot City พายุ Supercell ก็ได้ดูดเขาเข้าไปยัง Strand Field อีกครั้ง ที่คราวนี้เป็นสมรภูมิของสงครามเวียดนาม และในการจะออกจาก Strand Field ก็ยังเป็นวิธีการเดิม ซึ่งนั่นคือการเอาชนะ Clifford

หลังจาก Sam สามารถพิชิต Clifford ในเวลานั้น Sam สงสัยมาตลอดว่า Clifford คือพ่อแท้ ๆ ของ Lou หรือเปล่า แต่ในจังหวะที่ Clifford พยายามจะผิวปากเพลงที่เขาเคยใช้กล่อม BB Sam ก็ผิวปากเพลงนั้นตาม เพราะเขาเองก็รู้จักเพลงนั้นเหมือนกัน ในจังหวะนั้น Clifford เบนความสนใจมาที่ Sam ทันที พร้อมกับมอบ Dog Tag ของเขาให้ Sam "พวกเขาบอกฉันว่านายชื่อ Sam Porter.. แต่จริง ๆ นายคือ Sam Bridges… สะพานสู่อนาคตของฉัน" Clifford ได้กล่าวประโยคนั้นกับ Sam แม้ว่า Sam จะยื่น Lou ให้กับ Clifford แต่เขาก็ส่งคืนด้วยความเชื่อใจ พร้อมกับเข้าสวมกอด Sam.. และเสียงปืนก็ดังขึ้น Clifford หายไป และ Sam ก็หลุดออกจาก Field Strand

หลังจาก Sam ตื่นขึ้นมา เขาพบว่าเขาอยู่ใน Port Knot City ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนที่ Sam หลุดจาก Supercell เขามาเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดของเมือง Port Knot นี่เอง Sam คิดว่า Clifford คือพ่อของ Lou แน่ ๆ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดคือการเอา BB ของเขาคืน แต่ Deadman ไม่คิดแบบนั้น เพราะวันเดือนปีเกิดของ Clifford ไม่น่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นพ่อของ Lou ได้ และ Sam ก็ยังรู้สึกว่า Clifford ไม่ใช่คนเลวอย่างที่เราเข้าใจ เพราะ Sam รู้สึกได้ว่า Clifford แค่ต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา เกี่ยวกับกรรมวิธีในการสร้าง BB ขึ้นมา และเขาคงจะมีอดีตบางอย่างกับ Die-Hardman และ Bridget ที่ทำให้เขาแค้นเคือง ซึ่งนั่นก็นำมาสู่ปมปริศนาใหม่

Deadman เปิดบันทึกโฮโลแกรมของ Die-Hardman ให้ Sam ดู ที่มีชื่อไฟล์ว่า "หากฉันไม่กลับมา" ในบันทึก Die-Hardman กล่าวว่า เขารู้สึกสงสัย Amelie มาตลอดว่าเธอมีจริงหรือเปล่า นอกจากทางโฮโลแกรม มีใครไหมที่เคยเจอตัวเธอจริง ๆ เคยจับมือบ้างหรือไม่ ซึ่งนั่นทำให้ Sam สับสนอย่างมาก เพราะ Sam ยืนยันว่าเธอมีตัวตน เขาเคยเจอเธอบ่อยตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาที่ Sam อยู่บนชายหาดเท่านั้น และเมื่อฟังสิ่งที่ Die-Hardman พูดต่อ เขาบอกว่าหลังจาก Chiral Network ทำงานเต็มกำลัง เขาอดไม่ได้ที่จะลองสืบข้อมูลด้วยสิทธิ์ในตำแหน่งของเขาเอง และเขาพบว่า Bridget Strand ป่วยเป็นมะเร็งมดลูกตั้งแต่อายุ 20 ซึ่งนั่นแปลว่าเธอไม่มีทางจะมีลูกได้เลย ถ้าอย่างนั้นใครคือ Amelie ?  ในตอนนี้ Die-Hardman ได้โชว์ให้ดูว่าเขาได้รับตุ๊กตามาจาก Amelie ที่จะนำเขาไปสู่หาดของเธอ เขารู้อยู่แล้วว่าคงเป็นกับดัก แต่เขาพกปืนลูกโม่ที่บรรจุกระสุนเลือดของ Sam ไปด้วย ถ้าหากว่า Amelie คือผู้นำพาการสิ้นเผ่าพันธ์ุ ต้นเหตุของ Death Stranding เขาก็จะหยุดยั้งเธอไว้ให้ได้… และนั่นก็คือเหตุการณ์ที่ Samได้เห็นหลังจากช่วย Amelie เอาไว้

Fragile ได้เข้ามาช่วยอธิบายอีกแรงว่าตอนที่ Sam ทิ้งให้เธอจัดการกับ Higgs คนเดียว Higgs บอกกับเธอว่า Amelie เป็นคนที่ควบคุมเขา กลุ่ม Homo Demens คือกลุ่มที่ Amelie ตั้งขึ้นมาเอง และพลังที่ Higgs ได้ ก็เป็นพลังที่มาจาก Amelie ล้วน ๆ ยิ่งเมื่อลองดูใน Pod BB ของ Higgs ก็ยิ่งได้พบความจริงที่น่าตกใจ นั่นคือ Higgs ไม่มี Bridge Baby ใน Pod นั้นเป็นเพียงตุ๊กตาเหมือนกับของ Die-Hardman ในขณะที่ BB จะเป็นสะพานระหว่างโลกคนเป็นและคนตาย ตุ๊กตา เป็นตัวเชื่อมต่อไปสู่ชายหาดของ Amelie เท่านั้น ซึ่ง Deadman เองก็จำได้ว่า Clifford ก็มีตุ๊กตาตัวนี้เช่นกัน ในตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับ Clifford ใน Field Strand

สรุปแล้วทั้ง Die-Hardman, Higgs และ Clifford ต่างถูกควบคุมโดยผู้นำพาการสูญเผ่าพันธุ์ ที่มีเป้าหมายในการก่อให้เกิด Last Stranding แต่ตัวตนที่ว่านั้นคือใครกันแน่ ? Amelie หรือ Bridget ? ทางเดียวที่จะรู้คือ Sam ต้องไปให้ถึงหาดของ Amelie

Sam ตีฝ่าดง BT ที่พร้อมจะขย้ำเขามาตลอดทางจนกลับมาถึง Capital Knot City ในตอนนี้ Fragile อยู่ในสภาพร่อแร่ แม้จะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่เธอก็ต้องการการพักผ่อนอย่างมาก ส่วน Die-Hardman ก็เพิ่งกลับมาจากชายหาดของ Amelie ได้ไม่นาน โดยเขาถูกพาไปรักษาตัวอยู่ในอีกห้อง แต่แผนการก็ยังไม่เปลี่ยน ทางเดียวที่จะหยุด Last Stranding คือการที่ Sam ต้องไปที่ชายหาดของ Amelie และหาทางทำให้เธอเปลี่ยนใจ แต่ Heartman ได้เตือน Sam ว่า ชายหาดของ Amelie เป็นมิติที่อยู่เหนือชายหาดของคนทั่วไป ถ้าหาก Sam เข้าไป และ Amelie ไม่อยากให้เขาได้กลับออกมา เขาก็จะติดอยู่ในนั้นตลอดกาล ในกรณีที่ Fragile หรือ Die-Hardman กลับมาสู่โลกมนุษย์ได้ไม่ใช่ความต้องการของพวกเขา แต่พวกเขาถูก Amelie ส่งกลับออกมา ซึ่งถ้าหาก Sam ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ Amelie หยุด Last Stranding ได้ เขาก็จำเป็นต้องฆ่าเธอ แต่ Sam จะติดอยู่ในชายหาดของ Amelie ไปชั่วนิรันดร์

Sam ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ถ้าเขาไม่ทำอะไรก็เท่ากับรอวันสิ้นโลกไปเฉย ๆ ถ้าเขาจะไม่ได้กลับมาก็ชั่งมัน Sam ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อให้ Fragile ส่งเขาข้ามมิติ ตรงไปยังชายหาดของ Amelie

แต่เมื่อเขามาถึง คนที่รอเขาอยู่กลับเป็น Bridget ที่จากโลกนี้ไปแล้ว และพบว่าแท้ที่จริง Amelie และ Bridget คือคนเดียวกัน นั่นคือ Exticntion Entity หรือ ผู้นำพาการสิ้นเผ่าพันธุ์ ในตอนที่ Bridget อายุ 20 ปี เธอเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งมดลูกครั้งแรก ในตอนนั้นอีกร่างของเธอลืมตาตื่นขึ้นบนชายหาด  Amelie คือดวงวิญญาณที่แยกออกจากตัวของ Bridget นั่นเอง

และด้วยการที่กายหยาบของ Bridget ยังคงยึดโยงอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้ร่างกายของเธอแก่ลงตามกาลเวลา แต่ Amelie ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพ

“Amelie และ Bridget เป็นส่วนหนึ่งของฉันทั้งคู่…”

เพื่อไม่ให้ผู้อื่นระแคะระคาย Bridget จึงโกหกว่า Amelie คือลูกสาวของเธอ หลังจากที่เธอรู้ว่าชายหาด คือทางผ่านไปสู่ปรโลก Bridget ก็คิดว่าความรู้ที่สังสมมาหลายล้านปีก็ต้องผสมรวมอยู่ในนั้นด้วย การสร้าง Chiral Network จึงเกิดขึ้นเพราะการพยายามหาประโยชน์จากสิ่งที่เธอเป็น แต่หลังจากการวิจัยไม่นาน โลกของเราก็ได้เจอกับ Voidout ครั้งแรก นั่นทำให้เธอยิ่งพยายามเร่งให้ Chiral Network สำเร็จเร็วที่สุด ด้วยโครงการ Bridge Baby ที่จะถูกฝังลงในแต่ละจุดของเครือข่าย เพื่อทำให้เป็นระบบที่เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ Bridget เชื่อว่ามันจะช่วยให้เธอได้คำตอบในการหยุด Death Stranding

แต่ในเหตุการณ์หนึ่ง Sam ที่ยังเป็นทารกได้เสียชีวิตและวิญญาณของเขาก็ปรากฏอยู่บนชายหาด Amelie ดวงวิญญาณของ Bridget ตามหาชายหาดของ Sam จนพบ และทำการส่งเขากลับมายังโลกคนเป็น นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้ Sam กลายเป็น Repatriate ผู้หวนคืนความตายเพียงหนึ่งเดียว ในเวลานั้น Bridget บิดเบือนสัจจะธรรมของสิ่งมีชีวิต เพียงเพราะเธอต้องการจะช่วย Sam เท่านั้น… แต่ในเมื่อ Death Stranding คือการสูญพันธุ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง การเร่งให้ทุกอย่างจบลงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ซึ่งมันคือวันนี้ Last Stranding กำลังจะเริ่มต้นขึ้น Sam จะต้องเลือกว่า จะปล่อยให้มันเกิดและอยู่กับเธอตลอดไปที่ชายหาดแห่งนี้ หรือหยุดยั้งเธอด้วยการตัดขาดจาก Bridget ตัดวามสัมพันธุ์ที่เธอมีอยู่กับชายหาดของทุกคน ปล่อยให้การสูญพันธุ์เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วย Death Stranding จากนั้น Bridget ก็มอบปืนให้ Sam พร้อมกับเดินลงไปที่ชายหาด เพื่อบังคับให้เขาเลือก

แต่ Sam ก็ยิงเธอไม่ลง พร้อมกับเดินเข้าไปกอดเธอ นั่นทำให้ Bridget ยอมบอกความจริงอีกอย่างหนึ่งแก่เขา ว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการให้การสิ้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เกิดขึ้นเลย แต่การที่ตัวเธอเป็น Extinction Entity ทำให้เธอมองเห็นแต่หนทางสู่จุดจบของโลกอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นนรกที่เธอทนไม่ได้อีกต่อไป เธอเลยก่อ Last Stranding เพื่อยุติความทรมานของตนเอง

การมีอยู่ขององค์กร Bridges ก็เพื่อหยุดยั้งตัวเธอเองและให้โลกอยู่ต่อไป รวมไปถึงเชื่อว่า Sam จะสามารถหยุดยั้งเธอได้ การกอดของ Sam ทำให้ Bridget คิดได้ ว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นมีความหมายต่อ Sam มากแค่ไหน และท้ายที่สุดเธอก็ยอมรับชะตากรรม เธอจะยอมกล้ำกลืนความทรมานนี้ไว้ ตัดขาดตัวเองออกจากโลกคนเป็น ปล่อยให้การสูญพันธุ์เกิดขึ้นต่อไปตามธรรมชาติ แม้จะต้องใช้เวลาอีกสิบปีหรือแสนปี เธอก็จะรออยู่ที่หาดแห่งนี้เพียงลำพัง

“แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็จะยังเชื่อมโยงถึงกันตลอดไป”

นี่เป็นความรักอันบริสุทธิ์ ที่แม่คนหนึ่งจะสามารถมอบให้กับลูกของเธอได้ แม้เธอจะเป็นถึงผู้นำพาการสิ้นเผ่าพันธุ์อันทรงอำนาจ แต่ความรักที่แม่มีให้ต่อ Sam ไม่เคยจางหาย และจะยังคงอยู่ตลอดไป…

หลังจาก Bridget จากไป Sam ก็ได้ตื่นขึ้นมาบนชายหาดของตัวเอง และติดอยู่ในนั้นไม่สามารถหาทางออกมาได้  แต่ในที่สุด เขาก็ได้ยินเสียงเพื่อน ๆ จากโลกคนเป็นเรียกร้องหาเขา ทั้ง Heartman, Fragile, Lockne/Malingen และ Deadman ที่พยายามพาเขากลับมา Deadman ปรากฏตัวขึ้นมาดึงตัว Sam กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ในที่สุด

Deadman เผยสาเหตุที่สามารถพา Sam กลับมาได้หลังจากตามหาตัวเขาอยู่หลายเดือน Die-Hardman นึกขึ้นได้ถึงปืนลูกโม่ที่เขาเอาไปด้วยตอนที่เขาเข้าไปสู่ชายหาดของ Bridget ซึ่งก็คือปืนที่ Bridget มอบให้กับ Sam นั่นเอง พวกเขาใช้มันเป็นตัวกลางในการค้นหา Sam จนเจอ ณ ขอบสุดของชายหาดเขาเอง นั่นหมายความว่า Bridget ต้องการให้พวกเขาตามหา Sam จนเจอและพาเขากลับสู่โลกคนเป็น

สายสัมพันธ์ของชีวิต และการเดินทางที่ไม่สิ้นสุด

หลังจากนั้นไม่นาน Die-Hardman ก็ได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของ UCA ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ของ Sam ก็ยังคงดำรงตำแหน่งใน Bridges อยู่เหมือนเดิม และ Fragile ยังคงดำเนินกิจการของ Fragile Express แถมยังเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกที่ได้รับการรับรองจาก UCA อย่างเป็นทางการ ซึ่งเธอก็ชักชวนให้ Sam มาทำงานกับเธอ แต่สุดท้าย Sam ก็ยังไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องกับใครอีกแล้ว เมื่อ Bridget จากไป ก็เท่ากับว่าเขาไม่เหลือใครอีก Fragile พยายามเปลี่ยนใจเขา เพราะ Sam ในตอนนี้เป็นคนสำคัญของทุกคน แถมอาการ Aphenphosmphobia ที่เขากลัวการถูกสัมผัสก็ได้หายไปแล้วด้วย แต่ Sam ก็ให้เหตุผลว่า "ทุกสิ่งที่ฉันจับ.. ฉันสูญเสียมันเสมอ"

Die-Hardman ได้มาสารภาพความจริงบางอย่างกับ Sam ว่าแท้จริงแล้ว Clifford คือกัปตันของเขาเอง ในตอนที่เขายังเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ที่ทุกคนตั้งฉายาเขาว่า Die-Hardman เพราะทุกสมรภูมิที่เขาไปรบ เขารอดกลับมาทุกครั้ง หรือถ้าพูดให้ถูก เขาได้ Clifford ช่วยไว้ไม่ให้ตายอยู่เสมอ Die-Hardman รักทั้ง Bridget และ Clifford ผู้เป็น ผบ. ของเขา แต่ Die-Hardman เป็นคนที่ฆ่า Clifford ตามคำสั่งของ Bridget

และในเหตุการณ์นั้นที่ Die-Hardman พบกับ Clifford อีกครั้งบนชายหาดของ Amelie เขาเตรียมใจไว้แล้วว่า Clifford จะต้องเอาชีวิตเขาเพื่อความยุติธรรม แต่สุดท้าย Clifford ก็ยังอภัยให้เขา แต่ Die-Hardman รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขายังเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเขาไม่สมควรได้รับการให้อภัย แต่สุดท้าย เขาคิดว่าที่ Clifford พาเขากลับมาจากชายหาด ก็เพื่อให้เขาเป็น Die-Hardman ต่อไป Sam ปฏิเสธทันที เขาบอกว่าไม่มีประชาชนที่ไหนอยากได้ ประธานาธิบดีที่คิดว่าตัวเองเป็นอมตะ เพราะคนไม่กลัวตายจะรู้ค่าของชีวิตได้อย่างไร Sam คืนปืนลูกโม่ของ Die-Hardman พร้อมกับบอกว่า "ที่นี่ ปืนไม่ช่วยอะไรหรอก… นี่คือคำพูดเธอ ไม่ใช่ของผม"

 

และข่าวร้ายก็มาเยือน Sam อย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อ Deadman นำร่างของ Lou มาให้เขา พร้อมกับบอกว่า Lou จากไปแล้ว วันคืนที่อยู่ใน Pod ภายใต้สถานะ Bridge Baby จบลงเช่นเดียวกับ BB ตนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการ Necrosis คำสั่งทำลายได้ถูกยื่นลงมาจากเบื้องบน แต่ Deadman ก็ทำไม่ลง Sam จึงยอมรับหน้าที่ในการนำร่างของ Lou ไปเผาที่เตาแห่งเดิม แต่ก่อนที่จะไป Deadman ได้ปลดให้ Cufflink ของ Sam อยู่ในสถานะ Offline เพื่อที่ UCA จะได้ไม่สามารถตามตัว Sam ได้ เผื่อว่า Sam อยากจะลองเปิดโหลของ Lou ออกแล้วรอดูว่า "จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่" ซึ่งนั่นจะเป็นการฝ่าฝืนมาตรการขั้นร้ายแรงและมีบทลงโทษอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตอนนี้ที่อเมริกาได้กลับมาเป็นประเทศอีกครั้ง จากนั้น Sam ก็จำใจพา Lou ออกเดินทางครั้งสุดท้าย

แต่ก่อนที่จะถึงปลายทาง Sam ได้ลองเชื่อมต่อกับ Lou และความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมา เขามองเห็นมุมมองของ Lou ผู้อยู่ใน Pod โดยมี Clifford อยู่ข้าง ๆ อย่างที่เขาเคยเห็นมาตลอด แต่คราวนี้เขาได้เห็นเรื่องราวที่ชัดเจนมากขึ้น Clifford นำภรรยาของเขามารักษาตัวที่ศูนย์วิจัยของ Bridges เธอได้ให้กำเนิดบุตรทั้งที่ยังอยู่ในสภาพโคม่า ซึ่งบุตรของเธอถูกนำมาใส่ Pod ที่จะทำหน้าที่เป็น BB ในอนาคต Bridget Strand ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สัญญากับ Clifford ว่าเธอจะพยายามปกป้อง BB เอาไว้ แต่ตามแผนการแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ว่ายังไง Clifford ก็ต้องสูญเสียทั้งบุตรและภรรยาของเขา

ด้วยความรักที่ Die-Hardman มีต่อ Clifford เขาคิดว่าครอบครัวของ Clifford ไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้เลย เขาจึงเสนอแผนในการให้ Clifford พา BB หนีออกไปจากศูนย์วิจัย แต่ Clifford จะต้องเริ่มจากการสังหารภรรยาของเขาก่อน เขาถึงจะปลด BB ออกมาได้ ซึ่งเธอมีนามว่า 'Lisa Bridges'

Sam ถอดสายเชื่อมต่อก่อนจะเดินเข้าไปในสถานีเผาศพ เมื่อเขาวาง Lou กับแท่นที่จะส่งลงไปยังเตาไฟ Sam ก็ไม่อาจทำใจได้ คว้า Lou ขึ้นมาแล้วลองเสียบสายเชื่อมต่อเข้าหา Lou อีกครั้ง

เช่นเดียวกับการคืนชีพ Sam มองเห็นภาพห้องพักฟื้นในความทรงจำเหมือนกับโลกกึ่งกลางที่เขาแหวกว่ายกลับเข้าร่าง แต่'ร่าง'ของเขาในคราวนี้กลับเป็น BB ใน Pod ที่ Clifford กำลังอุ้มเพื่อหนีออกจากศูนย์วิจัย หลังจากที่ Clifford จบชีวิตภรรยาของเขาด้วยปืนลูกโม่จาก Die-Hardman เขาก็สามารถพา BB ออกมาได้ แต่ในจังหวะที่เขากำลังหาทางหนี เขาถูกทหารยามพบตัวเสียก่อน Clifford ถูกยิงบาดเจ็บ แล้วอุ้ม BB หนีกลับมาที่ห้องพักฟื้นอีกครั้ง โดยมี Die-Hardman พยายามห้ามปรามทหารของเขาอย่างสุดกำลัง

 

Clifford ขอโทษ Lisa ที่เขาไม่สามารถพาลูกของพวกเขาหนีออกไปได้ ระหว่างนั่งรอความตายที่กำลังจะพังประตูเข้ามา Clifford ก็ร้องเพลงกล่อม BB ของเขา ซึ่งเป็นเพลงที่ Sam คุ้นเคยดี ในตอนนี้ Sam ได้เข้ามาเดินอยู่ในภาพอดีตเหมือนกับเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และเมื่อทหารพังประตูเข้ามา Sam ก็พยายามหันไปหยุดทหารเหล่านั้น แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร Clifford ถูกยิงซ้ำอีกครั้งจนจมกองเลือด Clifford กระซิบกับ BB ด้วยลมหายใจสุดท้าย "ตอนที่ฉันได้รู้ว่าฉันกำลังจะเป็นพ่อ ฉันกลัวมาก ๆ… กลัวว่ามันหมายถึงอะไร.. ฉันจะต้องอยู่กับพวกเธอเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะไปเสี่ยงตายเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว… แต่ฉันคิดผิด การเป็นพ่อไม่ได้ทำให้ฉันกลัว.. มันทำให้ฉันกล้าหาญ.. พ่อขอโทษนะ"

Die-Hardman รีบเข้ามาพยุง Clifford ขึ้นนั่ง หนึ่งในทหารหยิบ Pod BB ส่งให้กับ Bridget ที่ตามมาจากข้างหลัง แต่ก็พบว่าใน Pod ว่างเปล่า และในอ้อมแขนของ Clifford คือทารกตัวน้อย

 

"กัปตัน ส่งมันมาให้ผม.. ขอร้อง" Die-Hardman ร้องสั่งอย่างกระอักกระอวน พร้อมกับจ่อปืนลูกโม่ของเขาไปที่ Clifford โดยที่ Bridget สั่งให้ Die-Hardman ยิงเขาไปเลย แม้จะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ แต่ Sam ก็ยังเอาตัวเข้ามาบังระหว่าง Clifford กับปากกระบอกปืน

"พวกเขาบอกฉันว่านายชื่อ Sam Porter.. แต่จริง ๆ นายคือ Sam Bridges… ลูกชายของฉัน… สะพานสู่อนาคตของฉัน" Clifford เอ่ยคำพูดขึ้น ทุกอย่างรอบตัวหยุดลงมีเพียง Sam, Clifford และ BB ที่ยังดำเนินต่อ "ถ้าพ่อไม่มีลูก พ่อก็ไม่ต่างกับหน้าผา เป็นแค่สิ่งกีดขวาง เป็นทางตัน ทำได้แค่เพียงแหงนมองดูโลกที่คนอย่างลูกพยายามสร้าง.. การกีดกันผู้คน คือสิ่งเดียวที่พ่อทำได้ดี.. แต่ลูกคือสะพาน สะพานสู่อนาคต สะพานของพวกเขา.. และของพ่อ"

Clifford ยืนหยัดลุกขึ้น พร้อมกับส่งทารกในเมือให้กับ Sam สุดท้ายเขาก็ได้เข้าใจว่าภาพที่เขาเห็นมาตลอด ไม่ใช่ความทรงจำของ Lou แต่เป็นความทรงจำของเขาเอง Clifford Unger คือพ่อแท้ ๆ ของ Sam การที่เขาพยายามตามหา BB ผ่านโลกความตายมาตลอด เขากำลังตามหาตัว Sam ผู้เป็นลูกชายของเขานี่เอง

Clifford ได้มอบ Dog Tag ให้กับ Sam พร้อมกับสวมกอดลูกของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น

Bridget กดไกปืนในมือของ Die-Hardman ทว่ากระสุนที่คร่าชีวิต Clifford กลับถูกตัว Sam ที่เป็นทารก BB ด้วย ช่องท้องของ Sam กลายเป็นรูโบ๋พร้อมกับสายสะดือที่ขาดกระจาย Sam สิ้นใจลงไปพร้อมกับพ่อของเขา แต่ด้วยอำนาจของ Amelie ที่อยู่อีกฟาก ก็ได้ทำการหวนคืนวิญญาณของ Sam กลับสู่ร่าง ที่ทำให้เขากลายเป็น Repatriate ผลจากการคืนชีพนี้ทำให้ Sam มีแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องน้อยมาจนถึงตอนนี้ แม้ Sam จะกลับมา แต่สายสะดือที่ขาดไปทำให้เขาไม่สามารถเป็น BB ได้อีกแล้ว Bridget จึงเอาเขาออกจาก Pod และเลี้ยงดูเขาเหมือนดั่งเป็นเลือดเนื้อของตัวเอง…

…เฉกเช่นเดียวกับขณะนี้ ที่ Sam ได้เปิด Pod ของ Lou ออกมา สิ่งที่ลงไปในเตาไฟมีเพียง Cufflink ของเขาเท่านั้น เขาพยายามอย่างที่สุดเพื่อยื้อให้ Lou กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้จะต้องเสี่ยงกับการฝืนกฏ หรือที่เลวร้ายยิ่งกว่า นั่นคือการ Voidout แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ Lou ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว Sam จึงทำได้เพียงโอบกอดเขาไว้ในนาทีสุดท้าย

แต่ปาฎิหารย์ก็เกิดขึ้น Lou ส่งเสียงร้องและขยับตัวในอ้อมกอดของ Sam เมื่อเขายกขึ้นมาดู Lou ก็ได้ถือเครื่องราง 'Quipu' ที่ Sam เคยให้ไว้กับ Amelie เมื่อตอนที่เขายังเด็ก ดูแล้วปาฎิหารย์ครั้งนี้ไม่ใช่พระเจ้าที่ไหนบันดาลให้ แต่เป็นใครอีกคนที่อยู่อีกฟากและยังคงเชื่อมโยงกับเขาเสมอ..

ไม่มี Cufflink ไม่มี UCA และไม่มีพันธะกับใคร Sam และ Lou สามารถใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัวได้อย่างอิสระ ไม่มีพันธนาการใด ๆ มารังควานพวกเขาอีกต่อไป

ก็หวังว่าบทสรุปเนื้อเรื่องนี้ จะช่วยคลายความสงสัยให้กับท่านผู้อ่านที่ได้สัมผัส Death Stranding ไม่มากก็น้อยนะครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0