ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า การเจรจาระดับรมช. ของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และยืนยันว่าการประชุมระดับรัฐมนตรีจะจัดขึ้นในเดือนต.ค. ตามกำหนดการเดิม ซึ่งทิศทางดังกล่าวช่วยคลายความกังวลในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาลงบางส่วน นอกจากนี้ ตลาดน่าจะรอติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ประเด็น BREXIT รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของสหรัฐฯและยูโรโซน
*เงินบาทตลาดในประเทศ แข็งค่าขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ก.ย.) * ขณะที่แรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ (ที่ขยับขึ้นหลังการประชุมเฟด) เริ่มจำกัดลง และนักลงทุนรอจับตาสถานการณ์ของข้อพิพาททางการค้าสหรัฐฯ-จีน
ส่วนเช้าวันนี้ (23 ก.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.46-30.48 *บาทต่อดอลลาร์ฯ * โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศสัปดาห์นี้ น่าจะอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. ช่วงกลางสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ โดยมีแรงฉุดจากการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนส.ค.ซึ่งหดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในเดือนหน้า ส่วนตลาดหุ้นจีนปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่จีนยกเลิกแผนการเดินทางไปรัฐมอนทานาและรัฐเนบราสกาเพื่อพบปะกับเกษตรกรสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลกับสัญญาณน่าผิดหวังของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.