ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวน แต่กลับมาปิดสูงกว่าสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,614.12 จุด เพิ่มขึ้น 0.37% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,882.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.87% จากสัปดาห์ก่อน
โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรก จากแรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนเป็นการชั่วคราว ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงในเวลาต่อมาหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ เพื่อห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ ทำธุรกิจด้วย ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากทิศทางทางการเมืองที่มีความคืบหน้า
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 พ.ค.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,625 และ 1,635 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค. ของจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของยูโรโซน
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี คาดว่า การลงทุนในสัปดาห์หน้า ตลาดหุ้นคงจะแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด