โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สธ.ชี้แม้ยอดผู้ป่วยโควิดชะลอลง แต่ไม่ประมาทแนะปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด

อินโฟเควสท์

อัพเดต 10 เม.ย. 2563 เวลา 09.19 น. • เผยแพร่ 10 เม.ย. 2563 เวลา 08.35 น. • สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธาณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในขณะนี้ถึงแม้จะมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นไม่มาก แต่ยังไม่เป็นที่พอใจและยังไม่น่าไว้วางใจที่จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ

ในทางทฤษฎีจะต้องพบว่าช่วงเวลาสองเท่าของการระยะฟักตัวแล้วไม่เจอผู้ป่วยรายใหม่ หรือ 14 วันหลังจากเจอผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายสุดท้ายจึงจะมั่นใจว่าในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเชื้อโรคแล้ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาว่ามาตรการระยะต่อไปจะสามารถจะผ่อนคลายอะไรได้บ้างหากสถานการณ์ดีขึ้น

"ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะดีใจ ตีปีก ผ่อนคลายมาตรการใดๆ มาตรการที่ทำอยู่แค่ชะลอจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ แค่นี้ยังไม่น่าพอใจ ต้องลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาตรการหลายๆ อย่างที่ขอให้พื้นที่สาธารณะลดความแออัดยังมีความสำคัญและจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป…อย่าเพิ่งประมาท อย่าเพิ่งวางใจ โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วแค่พลาดเพียง 1-2 ครั้ง อย่าลืมเหตุการณ์ในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ อย่าลืมเหตุการณ์ในสนามมวย เหตุการณ์พวกนี้ที่มีการแพร่ระบาด 40-50 คนในเวลาสั้นๆ"

นพ.ธนรักษ์ กล่าว

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้จำกัดการเดินทาง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการนัดรวมตัวกัน เพราะหากมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ด้วยจะเกิดการแพร่เชื้อเป็นกลุ่มก้อน

ส่วนกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นหญิงป่วยเป็นโรคเอสแอลอีเสียชีวิตนั้น เนื่องจากขณะเข้ารับการรักษาตัวมีอาการค่อนข้างหนัก คงต้องดูว่ามีหลายปัจจัยประกอบกันที่ทำให้เสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ติดเชื้อโควิด-19 เพียงอย่างเดียว

สำหรับผู้ที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยจึงไม่เกิดประโยชน์หรือไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ หากปกติใส่หน้ากากอนามัยถึงจะติดเชื้อแต่ก็จะไม่แพร่เชื้อให้ใคร เพราะในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ 80% จะมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลยและจะหายป่วยได้เองโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่แพร่เชื้ออยู่แล้ว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยอมรับว่า ยังมีความกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตลอดเวลา แม้สถานการณ์จะมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว แต่ไม่ควรประมาท ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทุกคนที่ช่วยกันชะลอการระบาดได้ แต่ยังพบว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, 3 จังหวัดชายแดนใต้ และจังหวัดภูเก็ต ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นทุกวัน โดยพยายามตีกรอบการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงแคบที่สุด สำหรับ กทม.นั้น กรมการแพทย์จะประสานกับสถาบันการแพทย์เพื่อคุมสถานการณ์ให้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพ และเร่งยุติการระบาด

ขณะที่ภาพรวมของทั้งประเทศมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การประกาศเคอร์ฟิว แม้จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และได้ผลลัพท์ในการควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดี โดยในอนาคตภาครัฐจะเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคงต้องขอให้ประชาชนร่วมมือกับภาครัฐในการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ลดการเดินทาง หากพบว่ามีความเสี่ยง อย่าปิดบังข้อมูล ให้รีบไปตรวจ และบอกข้อมูลกับแพทย์พยาบาลทั้งหมด ขณะที่แพทย์และพยาบาลถือว่ามีความสำคัญมาก ต้องช่วยกันปกป้อง สิ่งที่ต้องเจอคือรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ ซึ่งต้องทำงานไปด้วย และเว้นระยะห่างระหว่างกัน เพราะการระมัดระวังตนเองคือวัคซีนที่ดีที่สุด

นายอนุทิน ยังกล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหารือเรื่องการใช้นวัตรกรรมในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัดของแต่ละมหาวิทยาลัยต้องให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในส่วนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรตินั้นได้คิดค้นอุปกรณ์สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ไว้มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปสนับสนุน ในส่วนของการกระจายและใช้งานจริงมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์คอยตรวจสอบเพื่อรับรองการใช้งาน โดยตั้งเป้าว่าอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ทั้งหลายจะต้องส่งไปสู่โรงพยาบาลอื่นๆ ด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปฏิบัติหน้าที่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 63)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0