EIC ธนาคาร*ไทยพาณิชย์ คาดแนวโน้มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลชัดเจนมากขึ้น เริ่มกระทบการส่งออกไทยในเดือน ก.ย. ลดลง 5.2% ต่ำสุดในรอบ 19เดือน ในหลายหมวดสินค้า เหตุส่วนหนึ่งมากจากไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน *
คาดขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยปี 2018 มีโอกาสต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่ 8.5%
มูลค่าการส่งออกไทยเดือน ก.ย. หดตัว -5.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 19เดือน ในหลายหมวดสินค้า นำโดยหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัว -6.7% เช่น รถยนต์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-7.4%) เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (-4.1%) เครื่องใช้ไฟฟ้า (-0.8%) และโดยเฉพาะทองคำที่หดตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ -78.7% จาก -66.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเมื่อพิจารณาการส่งออกที่ไม่รวมทองคำจะหดตัวที่ -0.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวที่ -1.6% เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแปรรูป น้ำตาลทรายขาว และผลไม้กระป๋องและแปรรูป
อย่างไรก็ตาม สินค้าหมวดเกษตรยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 0.1% ตามการขยายตัวของข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่ยางพาราและน้ำตาลยังคงหดตัวจากผลของราคาที่ลดลงเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การส่งออกในภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 8.1%
ผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้าส่งออกของไทย ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่อง
มูลค่าสินค้าส่งออกที่ถูกตั้งเก็บภาษีนำเข้าโดยสหรัฐฯ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (แผงโซลาร์) และเครื่องซักผ้า-เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ ที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวที่ -78.2%และ -87.6% ตามลำดับ ทำให้มูลค่าการส่งออกของสินค้ากลุ่มดังกล่าวในภาพรวมทุกตลาดส่งออกลดลง -38.3%และ -44.6% ตามลำดับ
ทั้งนี้ การส่งออกเหล็ก-เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ไปสหรัฐฯ กลับมาหดตัว -16.1% หลังจากขยายตัว 12.6% ในเดือนก่อนหน้า แต่ในภาพรวมทุกตลาดส่งออกขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% เป็น 4.4%ขณะที่ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม ยังขยายตัวได้ดีทั้งในภาพรวม และการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 12.1% และ 38.2% ตามลำดับ
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลชัดเจนมากขึ้น
การส่งออกของไทยไปยังจีนในเดือนนี้มีการหดตัวสูงที่ -14.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากมาตรการการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม และ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา รวมมูลค่า 5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มที่คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่จีนถูกตั้งภาษีนำเข้ามีการหดตัวชัดเจน เช่น แผงวงจรไฟฟ้า และส่วนประกอบอุปกรณ์ตู้เย็น-ตู้แช่แข็ง ซึ่งมูลค่าการส่งออกไปจีนหดตัวที่ -50.8%และ -78.9% ตามลำดับ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบไปยังจีนหดตัว -13.4% ทั้งนี้ การหดตัวของการส่งออกไทยไปจีนยังอาจมีผลบางส่วนมาจากการที่เศรษฐกิจจีนมีการชะลอตัวลงอีกด้วย
การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยปี 2018 มีโอกาสต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่ 8.5%
เนื่องจากตัวเลขการส่งออกในเดือนนี้ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ค่อนข้างมาก(-5.2% vs 5.6% YOY) และผลกระทบจากสงครามการค้ามีความชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น
โดยสำหรับความเสี่ยงสงครามการค้าจะยังมีผลกระทบอีกระลอกจากมาตรการการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป นอกเหนือไปจากผลกระทบจากส่วนที่มีการบังคับใช้ไปแล้วเมื่อ 6 กรกฎาคม และ 23 สิงหาคมที่ผ่านมาที่ยังอาจมีผลต่อเนื่องในระยะต่อไป
นอกจากนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีนที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่ต่ำกว่าคาดอาจส่งผลถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมในปีนี้และปีหน้าได้