โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

'ศิริพร'เตรียมย้ายไปต่างประเทศ หลังลือหึ่งสามีคบชู้ลูกบุญธรรม

ไทยโพสต์

อัพเดต 16 มิ.ย. 2562 เวลา 04.42 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. 2562 เวลา 04.42 น. • ไทยโพสต์

 

          จู่ๆลูกทุ่งสาวเสียงมีสเน่ห์ ศิริพร อำไพพงษ์ ก็โพสต์แจ้งแฟนๆว่าตนได้แจ้งปิดกิจการที่ให้ลูกสาวบุญธรรมดูแล อย่าง “พรนิต้า คลินิค” เป็นการถาวร แต่ก็ยังไม่ทราบเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จึงไม่ดำเนินการทำธุรกิจต่อ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีใจความว่า

          “แจ้งให้พี่น้องประชาชนและแฟนคลับแฟนเพลงพี่นางศิริพร ให้รับทราบ เนื่องด้วยวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาพี่นางได้ทำการติดต่อแจ้งปิดบริการ พรนิต้าคลินิคเป็นการถาวรไปแล้ว จึงจะไม่มีการดำเนินการให้บริการใดๆ ของพรนิต้าคลินิคอีก

          นับตั้งแต่วันที่ 31 พค 2562 เป็นต้นมา หากมีบุคคลใดที่ไม่ใช่พี่นาง ศิริพร อำไพพงษ์ ดำเนินการให้บริการในนามพรนิต้าคลินิค และถ้าเกิดเหตุการณ์ผิดพลาดใดๆ พี่นางไม่มีส่วนในการกระทำนั้นๆ ถือให้เป็นการกระทำผิดตามกฏหมายของผู้ฝ่าฝืนนั้นไป และจะดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างนั้นให้ถึงที่สุด ขอแจ้งให้พี่น้องแฟนเพลงได้ทราบโดยทั่วกันค่ะ #ฝากแชร์ด้วยนะคะ”

 

 

          และหลังจากนักร้องดังโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่นาน เพจดังในเฟซบุ๊กเพจหนึ่งก็ได้แชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก ลูกสาวบุญธรรมของศิริพร โดยเนื้อความสื่อถึงเรื่องราวของคนที่เจ้าของโพสต์เรียกว่า “แม่” ว่าทิ้งลูก หลาน และครอบครัว

          “ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.61 วันแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดกิจการซึ่งเป็นเวลาผ่านมาเกือบปี วันนั้นแม่ได้พูดไว้ว่า “แม่ให้หนูดูแลกิจการและขอให้เจริญรุ่งเรืองนะลูก” นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หนูก็ปฏิบัติตามที่แม่สั่งไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หนูดูแลลูกค้า หาลูกค้า เพื่อให้มีรายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายเหลือแล้ว หนูได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีแม่ทั้งหมด

          อยู่มาวันหนึ่งแม่มีคนเข้ามาในชีวิตใหม่ของแม่ แล้วแม่ก็ทิ้งพวกหนูไป ให้เผชิญชีวิตคิดเองทำเองไปตามยถากรรม พ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะที่4 วิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หลาน 2คน 8-9 ขวบ ที่แม่เคยรัก ก็เฝ้าถามหา หนูก็ไม่รู้จะตอบคำถามกับหลานยังไง ว่าแม่ไปไหน

          แม่ทิ้งพวกหนูไว้ แม่ไม่เคยกลับมานอนบ้าน แม่มีความสุข แม่มีคนเคียงข้าง หนูก็ได้แต่เฝ้ามองว่าสักวันแม่จะกลับมา หนูสงสารพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่4 หนูสงสารหลานที่ยังเล็กต้องไปโรงเรียน หนูรู้ว่าชีวิตที่ดำเนินอยู่จะต้องมีค่าใช้จ่ายหนูก็สู้ไม่ถอย แต่มาวันนี้หนูเห็นและทราบดีแล้วว่าแม่คงไม่กลับมาอีกแล้ว

          ส่วนกิจการที่แม่แจ้งว่ายกเลิก 31 พ.ค.62  หนูไม่ทราบ หนูเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 วันที่แม่โพสต์ให้เห็น ซึ่งระหว่างก่อนหน้านั้นหนูยึดมั่นในคำพูดของแม่ที่พูดกับหนูว่าให้ดูแลกิจการ ทุกสิ่งที่หนูกล่าวสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นจริงทุกประการ”

 

 

          ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว โลกโซเชียลก็ลุกเป็นไฟ เมื่อมีเพจดังออกมาอ้างว่า ลูกสาวบุญธรรมของนักร้องชื่อดังนั้นแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่ตนเรียกว่า “พ่อ” ซึ่งก็คือสามีของ ศิริพร มีหลายคนสงสัยมานาน รวมถึงตัวลูกทุ่งดังที่เฝ้าดูพฤติกรรมมาหลายเดือนจนแน่ใจและตัดสินใจตีตัวออกห่าง พร้อมกับประกาศปิดกิจการที่ให้อีกฝ่ายดูแลลง ทำเอาเฟซบุ๊กของลูกสาวบุญธรรมถูกถล่มเละจากชาวเน็ต แต่ฝ่ายของลูกสาวบุญธรรมก็ได้อัพเดทเฟซบุ๊กอีกครั้งว่าต้นเหตุของเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดเกิดจากบุคคลที่ชื่อ “ล” มาเป่าหูให้ ศิริพร ขายทุกอย่างเพื่อไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ซึ่งชาวเน็ตคาดว่าเป็นคนดูแลปัจจุบันของ ศิริพร นั่นเอง

          ล่าสุด ศิริพร อำไพพงษ์ เปิดใจว่า “ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว เป็นปีแล้ว ที่เป็นข่าวเพราะเขามาโพสต์เอง นางไม่รู้ ตอนนี้อยู่บ้านที่อุดรฯ เห็นมานานแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่อยากยุ่ง พี่ออกจากบ้านมานานหลายเดือนแล้ว ส่วนกรณีที่เขาบอกว่าพี่ปิดคลินิกนั้น คลินิกเป็นของพี่ซึ่งพี่ใช้เงินส่วนตัวเปิดเอง 10 ล้านบาท ไม่ได้หุ้นกับใคร เป็นเงินของพี่ล้วนๆ เพราะฉะนั้นถ้าพี่จะปิดก็เป็นสิทธิของพี่ และที่พี่ต้องปิดก็เพราะว่าไม่มีหมอที่มาดูคลินิกแล้ว พี่ตั้งใจขายคลินิกและบ้านเพื่อไปอยู่ที่ต่างประเทศ ช่วงแรกก็คงจะไปเที่ยวรอบโลกก่อน จากนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศราวๆ 5-6 เดือนแล้วก็จะบินมาเมืองไทย เราไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว ไม่รู้จะใช้เงินไปทำอะไร”

          นอกจากนี้เจ้าตัวยังยืนยันว่าไม่เคยรับใครเป็นลูกบุญธรรม คู่กรณีเป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินคิดฮอตที่เจ้าตัวตั้งขึ้น ซึ่งคนอื่นในกลุ่มนี้ก็เรียกตนว่าแม่ทั้งนั้น กับค่กรณีตนได้ส่งเสียให้เรียนด้านหมอความงามแล้วก็ให้มาดูแลคลินิกที่เปิด ส่วนเรื่องสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีกับสามีตนนั้น ลูกทุ่งสาวยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ตนไม่เคยพูด และจะไม่โทษใครคิดเป็นเรื่องเวรกรรม ซึ่งตอนนี้บ้าน 5 หลังทั้งที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงรถยนต์นั้น บางส่วนได้มีการขายไปแล้ว และยกบ้าน 1 หลังกับรถให้เป็นชื่อผู้ชายไป

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0