ผญบ.ยิงดับ “พระนักพัฒนา” พระชื่อดังสุราษฎร์ อ้างชักปืนสู้หลังถูกจับฝ่าฝืนเคอร์ฟิว
จากกรณีเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.ของวันที่ 6 เมษายน 2563 ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ตำรวจได้จับกุมกลุ่มหญิง-ชายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยสามารถจับกุมได้จำนวน 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เมาสุราและเสพยาเสพติด
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบหญิง 2 รายกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจ 4 แยกไฟแดงเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ น.ส.อภิญญา ขำสุภาพ อายุ 19 ปี และ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี ขับรถ BMW สีดำ มีอาการคล้ายคนเมาสุรา โดยอ้างว่าตนเองเป็นลูกของผู้ว่าฯอยู่จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 รายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 7 เม.ย.) นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้โพสต์ชี้แจงผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัว ใจความว่า ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฏเคอร์ฟิว # ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ #กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ ซึ่งก็มีประชาชนเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นจำนวนมาก
และวานนี้เช่นกัน (7เม.ย.)ศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี บุตรสาว นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นจำเลย ในความผิดฐาน กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือนและปรับ 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
สธ. ปรับเกณฑ์สอบสวนโรคใหม่ “กลุ่มไม่แสดงอาการ” แต่เสี่ยงสูง