นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นถึงกรณีที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารับว่า เมื่อคืนที่ ส.ป.ก. แล้วก็จบ ไม่ผิดกฎหมาย จากนี้ต่อไปรัฐบาลเดินหน้าใช้แผนที่วันแมป แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ได้สนใจไปอ่านดูเรื่องนี้แต่อย่างใด เมื่อสื่อมวลชนถามว่า เหมือนกรณีที่ยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก. จากนายทุนพื้นที่จังหวัดภาคใต้แล้วนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกรใหม่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องของที่ดิน ส.ป.ก. นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าพื้นที่นั้นเป็นที่ดินส.ป.ก.หรือไม่ ซึ่งถ้าใช่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนสมัยก่อนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้คืนไปแล้วก็จบ
ทั้งนี้ที่ดิน ส.ป.ก. ตอนไปเอามานั้นไม่ผิด เพราะถือครองไม่ได้ และเมื่อถือครองไม่ได้ก็คืน แต่พื้นที่บางอย่างตอนไปเอามานั้นผิด เมื่อคืนไปความผิดก็สำเร็จ กฎหมายแต่ละเรื่องไม่ได้ยึดหลักเดียวกันไปเสียหมด เช่น พ.ร.บ.ศุลกากร คดีฟิลิปมอร์ริส เมื่อสำแดงเท็จเป็นความผิดติดคุก แต่เมื่อนำเงินไปจ่ายเสียตามที่ควรจะต้องจ่ายจริงก็จบคดีอาญา หรือคดีทรัพย์สินทางปัญญามีความผิดติดคุก ถ้าชดใช้เงินเสียได้คดีก็จบ
เมื่อถามว่าปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. และป่าไม้ หลายคดีมีปัญหาเพราะใช้แผนที่กันคนละฉบับ นายวิษณุ ตอบว่า ปัญหามีมาตลอด รัฐบาลชุดที่แล้วจึงต้องการทำวันแมป เพราะที่ดินของรัฐที่หน่วยงานต่างๆ ดูแลรักษาอยู่มีจำนวนมาก แต่ละหน่วยงานใช้สเกลแผนที่คนละฉบับ ต่างคนต่างทำ ยังไม่สามารถรวมกันทำได้ จึงเป็นปัญหามาก ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ตนเองเป็นคนเสนอขอมติคณะรัฐมนตรีว่า ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดขอให้แจ้งไปยังกรมที่ดินแล้วสลักหลังไว้บนโฉนดคู่ฉบับด้วยเพื่อเทียบกันภายหลัง แต่ไม่ทราบว่าจนถึงปัจจุบันยังมีการแจ้งกรมที่ดินกันอยู่หรือไม่
เมื่อนักข่าวถามต่อว่า มีการมองว่ารัฐบาลใช้ช่องทาง ส.ป.ก. ช่วยเหลือ น.ส. ปารีณา นายวิษณุ ตอบว่า ตามกฎหมายระบุว่าเป็นที่ที่ถูกซื้อมา แล้วต้องคืน ถือเป็นบทลงโทษของคนที่ซื้อมา โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว และเป็นบทลงโทษที่ดีกว่าบทลงโทษทางอาญาที่จะต้องถูกปรับ อย่างไรก็ตาม เรื่องวันแมป ถึงอย่างไรต้องมีวันสำเร็จ แต่ต้องใช้เวลา เพราะปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติที่กฎหมายเพิ่งออกมาเป็นผู้รับไปรับผิดชอบ จากเดิมอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรม แต่ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จทันรัฐบาลชุดนี้หรือไม่