โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

วิกฤตเศรษกิจ: จุดเริ่มต้นและจุดจบของ Bitcoin?

Businesstoday

เผยแพร่ 29 มี.ค. 2563 เวลา 03.00 น. • Businesstoday
วิกฤตเศรษกิจ: จุดเริ่มต้นและจุดจบของ Bitcoin?

สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่น่าพิสมัยนักสำหรับนักลงทุน เพราะทั้งตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือแม้แต่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ต่างปรับตัวลงมาอย่างรุนแรง จนหลายฝ่ายหวาดหวั่นว่าเรากำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่หรือไม่

กำเนิดมาจากเถ้าถ่าน

วิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งล่าสุดคงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์วิกฤตซับไพร์ม ธนาคารกลางยังได้ออกนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาดอย่างเช่นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย(Federal Funds Rate) และการทำQuantitative Easing (QE)

หลายคนเห็นว่าการแก้ปัญหาเช่นนี้นั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ สาเหตุที่แท้จริงที่มาจากความโลภและความหละหลวมในนโยบายการควบคุมดูแลทางการเงินไม่เคยได้รับการแก้ไข นายSatoshi Nakamoto ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เห็นปัญหานั้น

เขาจึงทำการสร้างเงินคริปโตเคอร์เรนซี่สกุลแรกของโลกขึ้นมาที่เรารู้จักกันดีในนามBitcoin เมื่อปี2008  นับตั้งแต่การถือกำเนิดของBitcoinสภาวะเศรษฐกิจโลกก็กลับมาฟื้นตัว และเข้าสู่ตลาดกระทิงยาวนานต่อเนื่องถึงเกือบ12 ปี โดยระหว่างนั้นBitcoinก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่สดใส

แต่จนมาถึงในวันนี้ วันที่โลกกำลังจะถลำลงไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่Bitcoinจะสามารถพิสูจน์ตัวเองและยืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้รับมือได้หรือไม่?

วิกฤตเศรษฐกิจบททดสอบสำคัญของBitcoin

Bitcoinนั้นมีอายุเพียงแค่11 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ใหม่มาก ๆ เมื่อเทียบกับทองคำ หรือแม้แต่ตลาดหุ้นที่ถือกำเนิดมานานกว่า400 ปีแล้ว แม้จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่Bitcoin นั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็วในการทำธุรกรรมเมื่อมีผู้ใช้ที่มากขึ้น

อย่างเมื่อตอนปลายปี2017 ที่ค่าธรรมเนียมเคยพุ่งขึ้นสูงถึง50 ดอลลาร์ต่อการทำธุรกรรมหนึ่งครั้ง หรือไม่ว่าจะเป็นการที่มันยังไม่เคยผ่านการทดสอบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจโลกมาก่อน ราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของBitcoin ในช่วงที่ผ่านมานั้นอาจมีผลมาจากอาณิสงค์ของสภาวะตลาดหุ้นที่คึกคักและสดใส ทำให้ผู้คนกล้าที่จะลองเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นเงินดิจิทัล

แต่ถ้าหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ขึ้นในปีนี้Bitcoinอาจไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย หรือSafe Haven Asset อย่างที่นักลงทุนหลายคนคาด เพราะBitcoinยังคงต้องการเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง ไม่เพียงแต่ต่อนักลงทุนที่เข้าใจในตัวมันเป็นอย่างดี แต่ต่อประชาชนและนักลงทุนทั่วไปที่ต้องเข้าใจถึงคุณสมบัติอันแสนพิเศษของมัน จนทำให้พวกเขาเลือกที่จะหันมาหาBitcoinเมื่อรู้สึกว่าสินทรัพย์เงินทองของเขานั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย และไม่มองว่าBitcoin เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้ในการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว

ตลาดตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาดีที่เราจะได้เฝ้ามองดูBitcoinถูกทดสอบ หากมันสามารถแสดงความแข็งแกร่งในขณะที่ตลาดทุนอื่น ๆ กลับล้มลง นั่นอาจกลายเป็นเชื้อเพลิงให้Bitcoinทะยานไปข้างหน้าอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หรือราคาของมันอาจร่วงลงไปพร้อม ๆ กับตลาดโลก และส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่กลับเข้าสู่สภาวะตลาดหมีไปอีกอย่างน้อยสองปี แต่ด้วยการออกแบบและคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใครของมัน จะทำให้Bitcoin สามารถกลับมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งในอนาคตอย่างแน่นอน

ผู้เขียน: วรุตม์วนิชยาโกศลบรรณาธิการSupercryptonews

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitazza ขอนำสินทรัพย์ดิจิทัลใกล้ชีวิตคนไทย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0