น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยากร อายุ 33 ปี หรือ ไฮโซบี แห่งร้านเพชรจารุเพชรรังสรรค์ ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์หลายสิบคน มาบุกบ้านซึ่งตอนนั้นตนไม่อยู่บ้าน แม่บ้านจึงเปิดบ้านให้ จากนั้น ชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ก็เปลี่ยนลูกกุญแจบ้านทั้งหมด จนตนเองและน้องสาวเข้าบ้านไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> แก๊งตบทรัพย์เรียกเงินอดีตนายทหาร อ้างขับรถเฉี่ยว
โดยน.ส.พิมพ์นรี เล่าว่า ประกอบกิจการร้านอัญมณี ที่บริเวณบ้านหม้อมากว่า 50 ปี จนกระทั่งกิจการตกทอดมาถึงรุ่นพ่อและแม่ จนเมื่อปี 2541 พี่ชายของแม่ ได้พาอดีตบิ๊กทหารคนหนึ่ง มาให้ทุกคนในบ้านรู้จัก จนกลายเป็นความสนิทสนมในครอบครัว
ต่อมา พ่อกับแม่ของตนก็หย่าร้าง นายทหารคนดังกล่าวก็มาสนิทกับแม่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีการไปมาหาสู่กับแม่และนอนค้างคืนที่บ้านเป็นครั้งคราว
ในปี 2549 แม่ไปถูกใจที่ดินแปลงหนึ่งในจำนวน 4 ไร่กว่า ในซอยวัดบ่างกร่าง จ.นนทบุรี จึงตัดสินใจซื้อที่ดินมาในราคา 17,500,000 บาท แต่เมื่อถมที่พร้อมปลูกบ้านตกแต่งทั้งหมด 40 ล้านบาท ซึ่งทั้งบ้านและชื่อโฉนด ล้วนแต่เป็นของแม่คนเดียว แต่ในขณะนั้น แม่กำลังคบหากับอดีตบิ๊กทหารคนนี้ ทั้งที่ฝ่ายชายก็มีครอบครัว
ปี 2559 แม่ป่วย จึงมีการทำนิติกรรม โอนที่ดินให้เป็นชื่อของตน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนและน้องจึงมาพักที่บ้านหลังนี้ มีพ่อมาพักด้วย จนกระทั่งเมื่อ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีชายฉกรรจ์ที่อ้างว่า รับคำสั่งมาจากอดีตบิ๊กทหาร ให้เข้ามาที่บ้านในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้ครองกรรมสิทธิ์ร่วม ตนจึงต้องไปแจ้งความ และตนยืนยันว่า บ้านหลังนี้แม่มอบให้ก่อนเสียชีวิต
แต่นายทหารคนนี้กลับบอกว่ามีส่วนในบ้านหลังนี้ อีกทั้งก่อนเสียชีวิต นายทหารยังแสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อตนและน้องสาว จนแม่ของตนต้องตัดสัมพันธ์กับนายทหาร และเขาหายไปนานกว่า 3 ปี
"บรรณวิทย์"รับคือนายพลที่บุกบ้าน แจงถือกรรมสิทธิ์ถูกต้อง
ด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าวจริง และขอยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวในเวลานี้เป็นทรัพย์สินของตัวเองตามคำสั่งของศาล
การที่ น.ส.พิมพ์นรี ระบุว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของเขานั้น เป็นการกล่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้นั้น ตนได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลมาก่อนหน้านี้แล้ว 3 ปี ซึ่งศาลก็มีคำสั่งเป็นที่สุดแล้วให้ตนเองเป็นเจ้าของครอบครองกรรมสิทธิ์
การที่ น.ส.พิมพ์นรี บอกว่าเป็นของเขานั้น จะต้องสู้กัน โดยในสัปดาห์หน้าจะเข้าไปแจ้งความที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
ที่ผ่านมา ตนกับน.ส.พิมพ์นรี ฟ้องร้องกันในชั้นศาลเยอะ 3-4 คดี มันมีเรื่องข้อพิพาททางกฎหมายกันอยู่ อยากให้สังคมเข้าใจว่า ตนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายตามคำสั่งของศาล มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> “พลเรือเอก บรรณวิทย์” ยื่นฟ้อง สมาคมเทนนิสชุดใหม่ ต่อกกท.