จากกรณีการสูญหายของ นางประภา สุทธยาคม อายุ 84 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 62 ซึ่งอยู่บ้านกับสามี โดยสามียืนยันว่าภรรยาออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงของวันดังกล่าว ทำให้ครอบครัวออกตามหา เนื่องจากห่วงว่าจะเป็นอันตราย เพราะมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งระยะเวลาหายตัวประมาณ 7 วัน สุดท้ายพบว่าเสียชีวิตภายในบ้าน
วันที่ 21 เม.ย. 62 นายภวายุตม์ สุทธยาคม ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองทราบเรื่องว่าแม่หายตัวไปวันที่ 14 เม.ย. ขณะนั้นตนไปทำงานต่างจังหวัด เพื่อนบ้านแจ้งว่าได้คุยกับพ่อของตน และพ่อบอกว่าแม่หายออกจากบ้านไป จากนั้นครอบครัวก็เริ่มตามหา โดยการโทรศัพท์หาญาติแต่ละคน และคนที่คิดว่าแม่จะเดินทางไปหา ตนพยายามติดต่อหาแม่ ซึ่งโทรศัพท์ติดต่อไป แต่ไม่รับสาย
จนกระทั่งช่วง 19.00 น. แม่ตนโทรศัพท์ไปหาพี่ชายที่อยู่ต่างจังหวัด บอกว่าแม่หิว ยังไม่ได้กินอะไรแต่เช้า และตอนนี้อยู่ในที่มึด ๆ ห้องเล็ก ๆ จากนั้นสายก็ตัดไป ซึ่งต่อมาตนทราบว่าแม่ยังปลอดภัย และเข้าใจว่าแม่อยู่ที่บ้าน ตนก็สบายใจ และมีแผนกำหนดกลับบ้าน 15 เม.ย. จากนั้น เพื่อนบ้านก็แจ้งตนอีกว่า แม่ตนยังไม่กลับบ้าน เมื่อตนมาถึงบ้าน ก็ให้เพื่อน ๆ ที่มาด้วยกัน ช่วยกันค้นหาทั้งบ้าน แต่ก็ไม่พบ มีการเดินสำรวจจุดต่าง ๆ จนกระทั่งไปแจ้งความ และไปขอกล้อง CCTV
ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์นี้จึงอยากให้เป็นความรู้ว่า การขอภาพกล้องวงจรปิด หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต การสูญหาย สามารถไปขอกล้องวงจรปิดได้ตลอด 24 ชม. ด้วยการโทรศัพท์ไปแจ้งรหัสที่ติดไว้ที่เสาของกล้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบให้ อีกทั้ง CCTV ของ กทม. มี 2 ลักษณะคือ แบบออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งหากตนเจอภาพจากกล้องตั้งแต่วันแรกที่แม่หายไป และทราบว่าแม่ไม่ได้ออกจากบ้าน ตนอาจจะเจอแม่ หรือช่วยเหลือแม่ได้ทัน
อีกทั้ง ที่ตนมุ่งเป้าว่าแม่ต้องหายออกไปนอกบ้าน เนื่องจากพ่อยืนยันว่าแม่ออกจากบ้านไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวันที่ 14 เม.ย. ตอนนั้นตนพยายามค้นหาทุกวิถีทาง ประสานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ คนที่รู้จักให้ช่วยค้นหา จนกระทั่งช่วง เวลา 04.00 น. หลังตนไปดูกล้องวงจรปิดตลอดทั้งวัน ตนกลับเข้าบ้าน รู้สึกได้กลิ่นแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนช่วงเช้า 08.00น. ตนได้กลิ่นเช่นเดิม จึงเริ่มเดินตามหากลิ่น และไปพบว่า แม่นอนอยู่ตรงซอกทางเดินภายในบ้าน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบสาเหตุที่แม่เสียชีวิต ต้องรอผลชันสูตรจากนิติวิทยาศาสตร์ เพราะแม่ป่วยหลายโรค ทั้งอัลไซเมอร์ เบาหวาน ความดัน ไขมัน และยังเคยป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งแม่ได้ทานยาระหว่างที่หายไป ทั้งนี้ อยากบอกทุกครอบครัวให้ช่วยกันดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุด ควรมีสติหากคนในบ้านหายไป