เหตุการณ์สลดใจ และซ้ำซากที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งกับกรณีลืมเด็กไว้บนรถ ล่าสุดเหตุเกิดเมื่อวานที่ผ่านมา (18 มิ.ย.61) ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ห้วยม่วง จ.ขอนแก่น เมื่อ น.ส.วิจิตรา สุดคะนา ครูพี่เลี้ยง ได้ใช้รถปิคอัพส่วนตัวขับรถรับ-ส่งนักเรียนเอง เนื่องจากรถตู้รับ-ส่งที่ใช้ประจำนั้นเสียและถูกส่งเข้าไปซ่อม โดยมี ด.ญ.ประวินทรา เค้พวง (น้องแยม) อายุ 5 ขวบ นั่งมาในเบาะด้านหน้ากับคนขับ และที่กระบะท้ายมีเด็กนักเรียนนั่งมาด้วยอีก 5 คน และแม่บ้านอีก 1 คน เมื่อมาถึงศูนย์ฯ แล้ว ครูพี่เลี้ยงซึ่งเป็นคนขับได้ลงจากรถและปิดประตู แล้วก็เดินมาด้านหลังกระบะรถเพื่อให้เด็กๆ ลงจากรถ โดยลืมไปว่า น้องแยม ที่นั่งเบาะหน้ายังไม่ลงจากรถ จนกระทั่งถึงตอนเลิกเรียนจะมาเอารถไปส่งเด็กกลับบ้าน จึงพบว่าน้องแยมนั้นเสียชีวิตคารถไปแล้ว
จากในหลายกรณีที่เกิดขึ้นนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงเข้าใจว่า เหตุที่เด็กเสียชีวิตนั้นเนื่องจาก เด็กติดอยู่ในรถขาดอากาศหายใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเกิดจาก…ความร้อนอุณภูมิภายในรถที่สูงขึ้น เพราะเพียงแค่ 5 นาทีอุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนไม่สามารถอยู่ในรถได้ หากอยู่ในรถผ่านไป 10 นาที ร่างกายจะย่ำแย่ และภายใน 30 นาที เมื่ออุณภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆก็จะถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งปกติแล้วร่างกายจะรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ที่ 37 องศาเซลเซียส เมื่อต้องติดอยู่ในรถที่ความร้อนสูงขึ้นช่วงใหม่ๆ ร่างกายจะขับความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ร่างกายจะทนไม่ไหวทำให้ร่างกายหยุดทำงาน เกิดภาวะเลือดเป็นกรดหยุดหายใจ และอวัยวะทุกอย่างหยุดทำงาน ดังนั้น จึงห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถที่จอดกลางแจ้งเป็นอันขาด(ไม่ว่าจะลืมหรือไม่) แม้จะลงไปธุระนอกรถเร็วหรือช้าก็ห้ามเด็ดขาด
แม้แต่การเปิดหน้าต่างเหลือช่องระบายอากาศไว้ ด้วยเข้าใจเองว่าการกระทำเช่นนี้เด็กจะปลอดภัย จากการขาดอากาศหายใจ แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เด็กอาจเสียชีวิตได้จากความร้อนอุณหภูมิภายในรถ ดังนั้นการเปิดแง้มหน้าต่างรถทิ้งไว้ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าความร้อนภายในรถจะไม่สูงขึ้นและช่วยให้เด็กปลอดภัยได้ หรือแม้แต่การรถจอดในที่ร่มก็ใช้ว่าเด็กๆจะปลอดภัยไร้กังวล เพราะความร้อนก็ขึ้นสูงปรี๊ด จนเด็กเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นกัน
Cr.Pol.Col.Danprai กรณีดังกล่าว คนที่เป็นพ่อแม่นั้นหัวใจคงแหลกสลายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องมาสูญเสียเพียงเพราะความประมาทของคนขับรถรับ-ส่งนักเรียน รวมไปถึงคนขับรถรับส่งนักเรียน และคุณครู ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ดูแลเอาใจใส่เด็กๆ ให้มากกว่านี้ ตั้งแต่รับจากบ้านขึ้นรถ กระทั่งเด็กลงรถเดินเข้าสู่รั้วโรงเรียน เพราะหากเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เด็กจะไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเองได้
