“ซุปหูฉลาม” เคยเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมที่มักเสิร์ฟในพิธีแต่งงาน หรือตามวาระสำคัญต่างๆ แต่กว่าที่จะมาถึงหน้าโต๊ะของเรา หลายคนอาจไม่รู้ว่า วิธีการที่นำมาซึ่งเมนูอันโอชะนี้ เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ จากการ “ตัดครีบฉลามทั้งเป็น” โดยหลังจากตัดครีบออกมาลำตัวของมันจะถูกโยนกลับไปในทะเล และต้องดิ้นรนอย่างทรมานจากบาดแผลที่ทำให้ไม่สามารถว่ายน้ำต่อไปได้ จนเสียชีวิตในที่สุด
องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดว่า ในแต่ละปี ฉลามจำนวนกว่า 73 ล้านตัวถูกฆ่า เพื่อนำมาเป็นอาหาร โดย 1 ใน 3 ของหูฉลาม ถูกตัดมาจากฉลามสายพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์
จากข้อมูลระบุว่าหูฉลามกว่า 148,000 กิโลกรัม ถูกนำเข้าสู่ประเทศแคนาดาในปีที่ผ่านมา โดยแม้ประเทศแคนาดา จะมีการแบนการทำประมงฉลามในประเทศไปแล้วในปี พ.ศ. 2537 แต่ก็ยังถือเป็นหนึ่งในประเทศที่นำเข้าหูฉลามมากที่สุดนอกเอเชีย โดยหูฉลามส่วนมากที่นำเข้ามักมาจากประเทศจีน
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 แคนาดาประกาศผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามนำเข้า และส่งออกหูฉลาม นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังครอบคลุมถึงการห้ามจำหน่าย และบริโภคหูฉลาม โดยแคนาดา ถือเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G-20 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 19 ประเทศ ที่ออกกฎหมายห้ามนำเข้า - ส่งออก และบริโภคหูฉลาม
ประเทศในกลุ่ม G20 มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันเท่ากับร้อยละ 90 ของเศรษฐกิจโลก และมีประชากรรวมกันประมาณ 2 ใน 3 ของโลก ดังนั้นการที่ประเทศแคนาดาเริ่มต้นผลักดันกฎหมายดังกล่าวให้เกิดขึ้น ถือเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถผลักดันให้ประเทศอื่นๆ มีนโยบายเกี่ยวกับหูฉลามเช่นเดียวกัน
ปี พ.ศ. 2562 นี้ ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศแคนาดา ที่มุ่งเดินหน้าเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเมื่อไม่นานมานี้ แคนาดาเองได้ตั้งเป้าเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวภายในปี 2021 และประกาศเดินหน้าเพื่อต่อสู้กับวิกฤติการณ์ขยะพลาสติกอีกด้วย
การเคลื่อนไหวของประเทศแคนาดา ทำให้เราเห็นถึงพลังของทุกคนที่ตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าในปัจจุบันเรายังไม่อาจปิดตลาดการค้าหูฉลามไปได้หมด แต่ทุกท่านสามารถเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญ ที่ต่อสู้เพื่อน้องฉลามกันได้นะคะ
