ร่างกายไม่ไหวแต่ใจสู้…
นั่นเป็นคำตอบปริศนาว่าจะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่?
คำตอบอย่างนี้ก็บอกว่า “เอาแน่” ขนาดว่าร่างกายไม่ค่อยจะเต็มเปี๊ยะ แต่ก็พร้อมสู้เพื่อทำงานร่วมทีม “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
ที่เห็นและเป็นอยู่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า การที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงทั้งระบบ รวมถึงดูแลตำรวจ
ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคือ มีเพียงตำแหน่งเดียวไม่ได้ควบ 2 ตำแหน่งอย่างที่เคยเป็นมา เพราะมิฉะนั้นต้องเจองานหนักเกินไป
เอาเป็นว่ารอรายชื่ออย่างเป็นทางการแล้วค่อยว่ากันใหม่…
เพราะล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบประวัติรายชื่อ ครม. 35 คน ซึ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยราวกลางเดือนกรกฎาคมได้ ครม. ครบชุดและเริ่มปฏิบัติงานได้
แต่…ย้ำว่าจะมีคน “หลุดโผ” หมายความว่า รายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีจะไม่ได้รับการแต่งตั้ง
เหตุเพราะคุณสมบัติส่วนตัวจนสอบไม่ผ่าน
สำหรับ พล.อ.ประวิตรซึ่งรับผิดชอบเรื่อง ส.ว.ทั้งหมดนับแต่การเป็นประธานสรรหาบุคคลที่จะเป็น ส.ว. แต่ก็เกิดปัญหาว่าไม่โปร่งใส จนมีการยื่นคำร้องให้ศาลปกครองพิจารณา
ปรากฏว่า ศาลปกครองไม่รับคำร้องเป็นอันตกไป
ตามมาอีกก็คือเรื่องคุณสมบัติของ ส.ว. จำนวน 21 คน ซึ่งมีการร้องว่ามีการถือ “หุ้นสื่อ” ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรได้ตอบรับว่าไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติมาก่อน จึงเกิดปัญหาขึ้นมา
แสดงว่าในจำนวนนี้ 21 ส.ว.นั้นต้องมีปัญหาแน่!
แต่เนื่องจากมีการตั้งสำรองผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ว.เอาไว้ หากคนใดคนหนึ่งขาดคุณสมบัติก็ต้องสำรองเลื่อนขึ้นมาแทน
ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการดำเนินการต่างๆนั้นถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใสมีลับลมคมใน ซึ่งก็น่าจะเป็นไปเช่นนั้น
เริ่มตั้งแต่การไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหาทั้งชุดที่รู้กันก็เพียงส่วนหัวคือ พล.อ.ประวิตรเพียงคนเดียว นอกนั้นไม่ยอมเปิดเผยชื่อแต่อย่างใด
จนกระทั่งถูกโจมตีและกดดันจึงต้องยอมเปิดเผยชื่อในที่สุดว่ากันว่าที่ต้อง “ปิดลับ” ก็เนื่องมาจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาแย่งเก้าอี้และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย
นี่แหละคือปัญหาสำคัญ
จนทำให้ถูกโจมตีและเป็นผลให้เกิดปัญหาเข้าทางฝ่ายตรงข้าม เพราะโดย 250 ส.ว. นั้นมีปัญหาในตัวอยู่แล้ว เพราะมีภารกิจที่ต้องยกมือสนับสนุนการโหวตนายกฯ
ทุกอย่างเลยไปกันใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ไม่ได้ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของ ส.ว.นั้นถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะเป็นตำแหน่งที่สำคัญและมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่
อันไม่ต่างไปจาก ส.ส.ที่มีการร้องให้ตรวจสอบในเรื่อง “หุ้นสื่อ” ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล หรือแม้กระทั่งบรรดาผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย
นั่นเป็นเพราะตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเองว่าไม่น่ามีปัญหา
หรือเป็นความผิดพลาดบกพร่อง ไม่ได้ศึกษารัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาที่ใครก็ช่วยไม่ได้
อยู่ที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ซึ่งก็ต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
แม้แต่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็อีหรอบเดียวกัน.
“สายล่อฟ้า”
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ดิ้นหนีเสียงข้างน้อย
- พปชร.ตั้ง"ทศพล เพ็งส้ม” หัวหอกนำ ช่วย 27 ส.ส.สู้คดีถือหุ้นสื่อ
- บิ๊กป้อม รับ ปล่อยผ่านคุณสมบัติ ส.ว.ถือหุ้นสื่อ โยนศาล รธน.ชี้ชะตา
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath