รีวิว Nokia 8.1
จุดที่เราชอบ
- ระบบปฏิบัติการ Android One ได้รับการอัปเดทอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม งานประกอบดูดี
- กล้องหลัง ZEISS ที่หลายคนหลงใหล
- กล้องหน้าจัดว่าดี
จุดที่เราไม่ชอบ
Nokia 8.1 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่เปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 2018 และได้รับการจัดอันดับจากทาง GSMARENA ให้เป็น Best Mid-ranger of 2018 (มือถือระดับกลางยอดเยี่ยมประจำปี 2018) ในประเทศไทยก็มีนำเข้ามาจำหน่ายได้สักระยะหนึ่งแล้ว ราคาของร้านทางการวางจำหน่ายอยู่ที่ 9,900 บาท (แรม 4GB รอม 64GB) และ 11,490 บาท (แรม 6GB รอม 128GB) ถือว่าราคากำลังสวยเลยทีเดียว Nokia 8.1 จะมีจุดเด่นอะไรที่ทำให้มันน่าสนใจ ลองมาหาคำตอบกันได้ในรีวิวนี้เลย
สเปคที่น่าสนใจของ Nokia 8.1
ก่อนจะไปชมรีวิว ลองแวะอ่านสเปคที่น่าสนใจของมันก่อนสักเล็กน้อย
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) Android One
- ชิป Snapdragon 710 (10 nm) กราฟิกชิป Adreno 616
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2280 รองรับ HDR10 ช่วงสี 96%
- กล้องหลังแบบคู่ ZEISS ความละเอียด 12 MP, f/1.8, Dual pixel PDAF, OIS และกล้อง 13 MP
- กล้องหน้า 20 MP รองรับ Google Lens
- แรม 4 GB รอม 64 GB / แรม 6 GB รอม 128 GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 400 GB
- แบตเตอรี่ 3,500 mAh
- เชื่อมต่อ และชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C
- รองรับ 2 ซิม
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.0, A2DP, LE
- GPS, A-GPS, GLONASS, BDS
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. (ว้าว)
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง Nokia 8.1
- สายชาร์จแบบ USB-C
- อะแดปเตอร์
- หูฟัง
- คู่มือเบื้องต้น
- เข็มแทงถาดซิม
ดีไซน์ของ Nokia 8.1
แว้บแรกที่เห็นดีไซน์ของ Nokia 8.1 บอกตามตรงว่าอดคิดถึง iPhone X ไม่ได้จริงๆ เพราะด้านหน้ามันมีความคล้ายกันมากจริงๆ หน้าจอเป็นแบบ IPS ขนาด 6.18 นิ้ว แสดงสีได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยทำค่าขอบเขตสีได้มากถึง 96% แถมยังรองรับ HDR10 ด้วย ดู Netflix ได้สบายตา
รอยบากด้านบนเป็นที่อยู่ของกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมาถึง 20MP f/2 ที่ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างดีเยี่ยม
ฝาหลังกระจกให้ความหรูหรา เหมือนกับกำลังถือสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเลยล่ะ ด้านหลังดีไวน์มาได้เรียบง่าย ให้ความรู้สึกที่ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป ตัวเครื่องไม่ใช่สีดำนะ จริงๆ เครื่องที่ผมได้มาจะเป็นสีม่วงเข้มมาก เวลาส่องเล่นกับไฟจะเห็นเป็นสีม่วงมังคุดสวยแปลกตาดี
และที่โดดเด่นที่สุด ก็คงเป็นโลโก้ ZEISS ชื่อผู้ผลิตเลนส์จากเยอรมนีที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน กล้องคู่ด้านหลัง 12MP+13MP มีกันสั่น OIS ด้วย สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ ใต้ชุดกล้องจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ขอบตัวเครื่องทั้งสี่ด้าน เพิ่มความสวยงาม และความแข็งแรงด้วยแถบอลูมิเนียมแบบเงา ซึ่งเข้ากับส่วนที่เป็นกระจกได้อย่างลงตัว ปุ่มพาวเวอร์ และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง มีความแน่น กดแล้วรู้สึกได้ว่าน่าจะมีความทนทานมากสมควร
ฝั่งซ้ายเป็นที่อยู่ของถาดซิม ซึ่งตัวถาดซิมเป็นแบบไฮบริดสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ 2 ซิม (นาโนซิม) หรือจะใส่ 1 ซิม และ 1 microSD
ด้านล่างเรียงจากซ้ายไปขวา จะเป็นรูไมค์, ช่องเสียบ USB-C และลำโพง
ด้านบนมีช่องที่ตอนนี้แอบหาได้ยากแล้วในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน นั่นก็คือ ช่องเสียบหูฟังแบบมาตรฐาน 3.5 มม. นั่นเอง
เฟิร์มแวร์ของ Nokia 8.1
Nokia 8.1 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android One 9 Pie จึงมั่นใจในเรื่องของการอัปเดทได้เลยว่าสามารถอัปเดทได้ยาวๆ เลยอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในส่วนของเฟิร์มแวร์ เราคงไม่ขอพูดอะไรเยอะ เพราะตัวซอฟต์แวร์ Android มันก็เหมือนกันหมด และเราก็รีวิวในส่วนนี้มาในมือถือหลายรุ่นมากแล้ว
ลอง Benchmark ด้วยแอป AnTuTu คะแนนออกมาเกินคาดทีเดียว ทำได้ถึง 171026 คะแนน (รุ่นที่ผมใช้ทดสอบเป็นรุ่นแรม 6GB รอม 128GB) ก็ต้องยกให้ความดีงามของชิป Snapdragon 710 (ชิปตัวนี้เป็นชิปสถาปัตยกรรมระดับ 10 นาโนเมตร แบบเดียวกับ 835 และ 845 แต่ว่าลดสเปคลง จะเรียกว่ารุ่นรอง Top ก็ได้)
Nokia 8.1 เล่นเกมไหวไหม?
หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกมือถือในยุคนี้ คือ เล่นเกมลื่นหรือเปล่า เราลองทดสอบด้วยเกม RoV และ Final Fantasy XV: Pocket Edition
สำหรับ RoV เราเปิดโหมดเฟรมเรทสูง และตั้งค่าคุณภาพระดับกลาง
เท่าที่ลองเล่นดูเฟรมเรทก็วิ่ง 58-60 ตลอดเวลานะครับ ใครคิดจะซื้อมาเล่น RoV ก็ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่ลื่น
Final Fantasy XV: Pocket Edition ที่เป็นเกม Full 3D ก็ยังลื่นอยู่นะ เล่นได้สบายๆ เลยล่ะ
กล้อง ZEISS ดีขนาดไหน
เลนส์ ZEISS นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของคุณภาพ แต่เมื่อมาอยู่บนสมาร์ทโฟนราคาประหยัดผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็เป็นคำถามที่น่าสงสัยทีเดียว ก่อนอื่นเราลองมาดูเมนูของกล้องกันก่อนดีกว่า ว่ามีโหมดอะไรให้ใช้บ้าง
Nokia 8.1 มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกเยอะมาก มีโหมด Square, Panorama, Live Bokeh, Pro, Photo, Video, Slow-motion (120fps) และ Time-lapsed
มีโหมด Pro ให้ใช้เลย ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่ม สามารถปรับ WB, Focus, ISO, Shutter Speed และ Expose ได้ตามความต้องการ และทีเด็ดเลย คือมี AI ช่วยวิเคราะห์สิ่งที่เราถ่ายด้วย เพื่อปรับค่าให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราถ่ายโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 8.1
เท่าที่เราลอง เราพบว่าในโหมดออโต้ WB จะติดฟ้าค่อนข้างเยอะ, ภาพไม่ค่อยคมสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะเราคาดหวังจากชื่อ ZEISS เอาไว้สูงกว่านี้ แต่เมื่อคิดถึงราคาของมือถือเครื่องนี้แล้ว ก็ทำใจได้ว่ามันก็ไม่ได้แย่นะ ถือว่าดีสมค่าตัวแหละ การเบลอภาพมีเอ๋อๆ บ้าง แต่หากแสงดีๆ การเบลอภาพก็ทำได้ดีทีเดียว
ภาพทั้งหมดไม่ได้ผ่านการแต่งรูป
ความเห็นจาก THAIWARE
Nokia 8.1 เป็นสมาร์ทระดับกลางที่ดีมากทีเดียว งานประกอบเนี๊ยบ และดูหรูหรา Snapdragon 710 และแรม 6GB ก็เหลือเฟือกับการเล่นเกม หรือใช้งานแอปต่างๆ ได้โดยไม่ติด การเชื่อมต่อด้วย USB-C ก็เข้ากับยุคสมัยนี้ แต่ก็ยังใส่ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย ซึ่งหาไม่ง่ายนะมือถือที่ใช้ USB-C แต่ยังให้ช่องเสียบหูฟังมาด้วยเนี่ย
กล้องมีระบบ AI ช่วยถ่าย ทำให้การถ่ายภาพง่ายกว่าเดิม มีโหมดในการถ่ายหลากหลาย อย่างไรก็ตามข้อเสียเพียงอย่างเดียวสำหรับเราก็คือ กล้องมันไม่ดูไม่คมสมกับชื่อ ZEISS อย่างที่เราคาดหวังสักเท่าไหร่เท่านั้นเอง