Highlight
- ภาวะในตลาดหมี หรือ ตลาดหุ้นขาลง ประกอบด้วย 3 ระยะ
- จังหวะหุ้นฟื้นตัว หรือ เด้งหลอก ดูให้ชัวร์
ต้องเคยเจอกันมาบ้าง …
ตลาดดีดกลับ เลยเข้าซื้อเพราะคิดว่าจะฟื้น แต่กลับถูกขายสวน ก่อนที่ราคาจะร่วงลงแบบยาวนาน
นักลงทุนแบบเราควรเข้าใจสภาวะแบบนี้ ภาวะที่ตลาดซบเซาหรือที่เรียกว่า ตลาดหมี เป็นระยะที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นตกต่ำ ดัชนีราคาหุ้นลดลง หรือมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถดูจากสภาพการณ์ ดังนี้
- ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ การลงทุนของธุรกิจมีน้อย ภาวะตลาดการค้าซบเซา ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ มีกำไรลดลง โครงการลงทุนภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากต้องเลื่อนออกไป หรือล้มเลิก การลงทุนต่างประเทศลดน้อยลง
- การคาดคะเนในตลาดหุ้นเป็นในทางลบ นักลงทุนไม่อยากลงทุนซื้อหุ้น แต่นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย หรือฝากธนาคารไว้ ทำให้ภาวะการซื้อขายซบเซาลง
- ตลาดหุ้นในต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่จะลดต่ำลงด้วยเช่นกัน โดยนักลงทุนสามารถดูได้จากดัชนีของหุ้นต่างประเทศที่สำคัญ เพราะภาวะการลงทุนในตลาดต่างประเทศย่อมส่งผลถึงตลาดหุ้นไทยไม่มากก็น้อย
ตลาดหมีหรือ Bear Market นั้น ประกอบด้วย 3 ระยะ
1. ระยะของการปรับตัวลงแรงอย่างรวดเร็ว
- ระยะการดีดกลับ จากแรงเทขายมากเกินไป (Oversold)
- ระยะของการปรับตัวลงดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ เหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ขณะปัจจัยพื้นฐานแย่ลงเรื่อยๆ
จากจุดต่ำสุดของ SET ณ เดือน มี.ค. 2020 พบว่าดัชนีมุ่งลงมาทดสอบ 61.8% ( SET อยู่ที่ราว 940 จุด)
การรีบาวด์กลับขึ้นจึงเป็นไปได้ว่าจะพยายามกลับขึ้นไปที่ 38.2% (SET อยู่ที่ราว 1,280 จุด) การพยายามกลับขึ้นสู่ระดับนั้น อาจ “ลวง” ให้นักลงทุนบางรายเข้าใจว่าตลาดฟื้นแล้ว ตลาดหมีสิ้นสุดลง
แต่… ถ้าหากตลาดกลับมาเป็นขาลงยาวนาน (Bear Market ระยะที่ 3) ก็จะยิ่งซ้ำเติมความเสียหายของพอร์ต ส่งผลให้บางคนอาจต้องออกจากตลาดไปอย่างถาวร เหมือนวิกฤติหลายๆ ครั้งในอดีต
ราคาหุ้นจะดูว่าถูกหรือแพงจาก P/E ตอนนี้หุ้นดูเหมือนราคาจะถูกเพราะ P ราคาหุ้นปรับลดลงแต่โควิด-19 ทำให้ E หรือ Earning (ผลประกอบการของบริษัท) ร่วงลงมาด้วย
ดังนั้นการเฝ้ารอดูงบการเงิน หรือผลประกอบการในไตรมาส1 ถือเป็นครั้งแรกที่ตลาดจะได้รับรู้ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จึงสำคัญ
รู้ทัน รู้รอบ เป็นเกราะป้องกันได้ตลอดช่วงวิกฤติ นะครับทุกคน