โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ลงทุนนิยม EP. 17 : ผลตอบแทน 1O% ต่อปี… มีที่ไหน?

Wealth Me Up

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2562 เวลา 14.11 น. • Wealth Me Up

[ลงทุนนิยม x investnow]

…อะไรเอ่ย ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี?
…หุ้น – ตราสารหนี้ – อสังหา – ทองคำ ที่ผ่านมาผลตอบแทนเป็นยังไง?
…ตลาดผันผวน ลงทุนยังไงดี?

เล่าให้ฟังแบบง่ายที่สุดกับเฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี ผู้ริเริ่มแนวคิด ‘ใช้แรงทำเงิน ให้เงินทำงาน’

 

 

ความมั่งคั่งของคนเรา เกิดขึ้นจาก 3 ตัวแปรคือ เงินต้น เวลา ผลตอบแทน

 

หลายคนถามมาเยอะนะคะว่า…จะลงทุน ไม่รู้จะเลือกอะไรดี ผลตอบแทนก็อยากได้สูงๆ ความเสี่ยงก็อยากได้ต่ำๆ

คำตอบคือ “ไม่มี” เพราะการลงทุน high risk high expected return ยิ่งความเสี่ยงสูง เราก็ยิ่งคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ไปดูกันดีกว่าว่าผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละประเภทในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา…หรือนับตั้งแต่ปี 2007 เป็นยังไงบ้าง

 

– หุ้นไทย…เคยให้ผลตอบแทนสูงสุด 71% ต่อปี ในปี 2009 (แต่ก็เคยติดลบหนักสุด 45% ต่อปี ตอนปี 2008)

– ตราสารหนี้…เคยให้ผลตอบแทนสูงสุด 18% ต่อปี เมื่อปี 2008 (ซึ่งเป็นปีที่หุ้นร่วงหนักที่สุด) แต่ตราสารหนี้เองก็เคยติดลบถึง 4% ต่อปี (ในปีที่หุ้นให้ผลตอบแทนดีที่สุด)

– ทองคำ…เคยให้ผลตอบแทนสูงสุด 32% ต่อปี (แต่ก็เคยติดลบถึง 22% ต่อปี)

– เงินฝาก…ดอกเบี้ยเคยสูงสุดแค่ 2.7% ต่อปี

– เงินเฟ้อเคยพุ่งไปถึง 5.5% ต่อปีเลย

 

แต่ๆๆ “ลงทุนนิยม” ไม่เคยบอกให้ใครลงทุนแค่ 1 ปี…การลงทุนต้องดูกันยาวๆ หรือพูดง่ายๆ คือต้อง “อดทนรวย” และนี่คือผลของการ “อดทนรวย”

 

ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของสินทรัพย์แต่ละประเภท ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2011-2018

– หุ้นไทย 9.70% ต่อปี

– ตราสารหนี้ 3.99% ต่อปี

– ทองคำ -3.32% ต่อปี

– ฝากเงินเฉยๆ 1.82% ต่อปี

– กองทุนอสังหาฯ หรือ REITs 14.67% ต่อปี

 

**เห็นผลตอบแทนสูงๆ แบบนี้ก็ต้องศึกษาดีๆ เพราะกองทุนอสังหาฯ จะมีลักษณะเฉพาะ ต้องดูว่าสินทรัพย์ในกองทุนเป็น Freehold (กองทุนมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ นั้น) หรือเป็น Leasehold เป็นเพียงสิทธิการเช่า ที่ผลตอบแทนที่ดูสูงๆ จะคืนส่วนทุนมาด้วยส่วนหนึ่งเสมอ หมดสิทธิการเช่า ก็หมดความหมาย)

 

สมมติว่าเราลงทุนก้อนเดียว 100,000 บาท ในปี 2011 ผ่านไป 10 ปี จะกลายเป็น

– 252,386 บาท ถ้านำไปซื้อหุ้นไทย

– 147,882 บาท ถ้านำไปซื้อตราสารหนี้

– 71,345 บาท ถ้านำไปซื้อทองคำ

– 393,095 บาท ถ้านำไปซื้อกองทุนอสังหาฯ หรือ REITs

– 119,765 บาท ถ้านำไปฝากไว้เฉยๆ

 

เห็นมั้ยคะว่า…นำเงินไปวางไว้ต่างที่กัน ปลายทาง ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันมากมาย

แต่เดี๋ยวก่อน…การลงทุนในอย่างใดอย่างหนึ่งก็เสี่ยงนะคะ จำตารางสินทรัพย์ตลอด 12 ปีได้รึเปล่า ถ้าเราลงทุนหุ้น 100% ปีที่เจอวิกฤต พอร์ตหายไปเกือบครึ่งเลยนะคะ หรือถ้าซื้อทองอย่างเดียว ปี 2013 ก็เจ็บไม่เบา

 

เค้าถึงมีคำพูดที่ว่า “อย่าใส่ไข่ทุกใบไว้ในตระกร้าเดียวกัน” เพราะถ้าตระกร้าตก (เจอวิกฤต) ไข่แตกหมด…ไม่เหลือไว้ให้เราเอาไปทำไข่เจียวเลยนะค้า

 

ทางแก้ของปัญหานี้ก็คือการกระจายความเสี่ยง หรือที่เรียกว่า Asset Allocation ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เพื่อให้ทัดทานกับทุกสภาวะตลาดได้นั่นเอง

 

สรุป

มีเงิน ใช้เวลา “อดทนรวย” และหาผลตอบแทน จากการลงทุน จะทำให้คุณมั่งคั่งได้แน่นอน (และ 10% ต่อปีมีจริงถ้าลงทุนยาวๆ ในตลาดหุ้นไทย)

– 10 ปี เงิน 100,000 เป็น 252,000 บาท

– 20 ปี เป็น 637,000 บาท

– 30 ปี เป็น 1.6 ล้านบาท

การลงทุนมีความเสี่ยงจริง…แต่ถ้าไม่ลงทุนเสี่ยงกว่า…เพราะเงินเฟ้อกัดกินเงินเราทุกวัน

อย่าลงทุนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จงกระจายการลงทุน (Asset Allocation) เพื่อกระจายความเสี่ยง และหาโอกาสในทุกสภาวะตลาด

 

มา #investnow ลงทุนทันทีเพื่ออนาคตการเงินดีๆ ของตัวคุณเองกันนะคะ ข้อมูลเพิ่มเติมคลิ๊กไปเลยที่ www.set.or.th/investnow

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0