โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

รื้อต๋ง..เจ๋งนะ แต่ทุบดอกเบี้ยกู้ด้วย..ยิ่งเจ๋ง

Businesstoday

เผยแพร่ 16 ก.พ. 2563 เวลา 04.02 น. • Businesstoday
รื้อต๋ง..เจ๋งนะ แต่ทุบดอกเบี้ยกู้ด้วย..ยิ่งเจ๋ง

วิรไท  สันติประภพ แผลงฤทธิ์นับถอยหลังสั่งลาเก้าอี้ผู้ว่าแบงก์ชาติ ด้วยการเดินหน้าจัดระเบียบใหม่ค่าต๋งในระบบสถาบันการเงิน ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้แก่ลูกหนี้-ลูกค้าทั่วประเทศ

น่าสงสัยว่าวิรไท ทำไมเพิ่งจะมาขยันขันแข็งรื้อจัดระเบียบค่าต๋งในระบบสถาบันการเงินเอาในห้วงเวลาโค้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่ง ทั้งที่ควรจะต้องทำมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2558

ปฏิกิริยาท่าทีขึงขังของวิรไท ในฐานะผู้ว่าแบงก์ชาติปีสุดท้าย ดูๆไปก็มีความคล้ายคลึงกับพล.อ.อภิรัชต์  คงสมพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ปีสุดท้ายอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นว่าด้วยการจัดระเบียบผลประโยชน์ เพื่อสร้างความเป็นธรรม ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ

ยังไงซะการลงมือทำ ถึงแม้จะช้า ก็ดีซะกว่าไม่ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้-ลูกค้าสถาบันการเงิน ไม่ให้ถูกสถาบันการเงินขูดรีดเอาเปรียบเอาซะเลย

จังหวะแรกที่แบงก์ชาติเข้าเกียร์เดินหน้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้และลูกค้าสถาบันการเงินไปแล้ว ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2563 คือการสั่งสถาบันการเงินให้ปรับปรุงการคิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากลูกหนี้และลูกค้า

เบี้ยปรับกรณีชำระเงินงวดล่าช้า หรือผิดนัดชำระ ซึ่งเคยโมเมเหมายอดเงินต้นทั้งก้อนเป็นฐานคิดคำนวณเบี้ยปรับ ขูดรีดลูกหนี้ ต้องแก้ไขซะใหม่ โดยให้คิดจากยอดเงินต้นเฉพาะงวดที่มีการผิดนัดชำระเท่านั้น

ล่าสุดในห้วงเวลาที่ วิรไท เหลือเวลาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ว่าแบงก์ชาติอยู่อีก 7 เดือน  ได้มีการส่งสัญญาณจัดระเบียบค่าต๋งระลอกใหม่ในระบบสถาบันการเงินออกมาจากแบงก์ชาติ โดยปักหมุดหวังให้บังเกิดผลในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นจังหวะที่ วิรไท หมดวาระการทำหน้าที่ผู้ว่าแบงก์ชาติพอดิบพอดี

ว่าไปแล้วการสังคายนายกเครื่องจัดระเบียบค่าธรรมเนียมของระบบสถาบันการเงิน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ลูกค้าและลูกหนี้ เป็นสิ่งที่แบงก์ชาติควรต้องผลักดันให้บังเกิดผลโดยเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องยืดยื้อยาวไปถึงไตรมาสที่ 3

ลูกค้าและลูกหนี้สถาบันการเงิน ยิ่งถูกปลดปล่อยจากการถูกขูดรีดเอารัดเอาเปรียบเร็วเท่าไหร่…ยิ่งช่วยเติมกำลังซื้อภายในประเทศให้พอกพูนมากขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก่อนที่จะอำลาตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติ คุณวิรไท น่าจะต้องจัดการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ กับดอกเบี้ยเงินฝาก ให้แคบลง เพื่อเป็นของขวัญแก่ลูกหนี้และลูกค้าสถาบันการเงิน โดยการกดดันสถาบันการเงินให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แก่ลูกค้าให้ต่ำลงอย่างน้อย 2% จากค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย MLR ที่ 6.8987% และค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ 7.7932% ในตอนนี้

ทำนองเดียวกันอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระของสถาบันการเงินทั้งหลายแหล่ที่ไล่ระดับตั้งแต่ 15% ไปจนกระทั่งถึง 45% ก็ควรจะใช้อำนาจที่มีอยู่จัดระเบียบซะใหม่ โดยกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระต้องไม่เกินกว่า 2 เท่าของอัตราดอกเบี้ย MLR 

แน่นอนว่าการอำนวยความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้และลูกค้า ต้องส่งผลกระทบทางลบเป็นโดมิโนแก่สถาบันการเงิน ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยต่ำลง ทำให้ผลกำไรสถาบันการเงินลดลง ทำให้เงินปันผลผู้ถือหุ้นน้อยลง ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ทำให้โบนัสพนักงานถดถอยลง หรือแม้กระทั่งทำให้เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินไม่ได้รับการขยับขยายเพิ่มขึ้น แต่น่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับผลลัพธ์เชิงบวกที่จะเกิดกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่จะเกิดขึ้นกับกำลังซื้อในประเทศ

ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง…เบี้ยปรับที่ถูกลง…ค่าธรรมเนียมสารพัดที่ต่ำลง ในที่สุดจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังอำนาจในการซื้อมหาศาลที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีส่วนอย่างสำคัญในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบเศรษฐกิจประเทศ จากที่ต้องยืมจมูกชาวบ้านหายใจ มาหายใจด้วยรูจมูกของเราเอง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0