วันนี้ (29 ก.ย.60) นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ จัดแถลงข่าวการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ… ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ความเสี่ยงเรื่องทรัพยากรน้ำ รัฐบาลจึงต้องมีกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่รัฐบาลผลักดันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะนี้ หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายจะอยู่ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
โดยการจัดสรรน้ำจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ ซึ่งระบบการจัดสรรน้ำจะสร้างสิทธิในการเข้าถึงน้ำสาธารณะที่หมายถึง แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม
ขณะที่กฎหมายได้กำหนดประเภทการใช้น้ำไว้ 3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้น้ำ ประเภทที่ 2 ใช้น้ำด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลูกบาศก์เมตร ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่พักผ่อน ร้านอาหาร เก็บค่าน้ำ 1-3 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร และธุรกิจสนามกอล์ฟ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาสัมปทาน เก็บค่าน้ำไม่เกิน 3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร และประเภทที่ 3 สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกิจการอื่นๆ ที่ใช้น้ำในปริมาณมาก ตามมติของ กนช. เก็บค่าน้ำไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ คาดว่า ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีผลบังคับใช้กฎหมายร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จากนั้นภายใน 180 วันจะมีการออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนทั่วประเทศอีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องอัตราการเก็บค่าน้ำ ก่อนจะออกเป็นกฎกระทรวงต่อไป