โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ระฆังยุบ "อนาคตใหม่" จับตาเฟ้นหัวขบวน ฝ่ายประชาธิปไตยคนใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 09 ธ.ค. 2562 เวลา 08.11 น. • เผยแพร่ 07 ธ.ค. 2562 เวลา 09.45 น.
8-2 ระฆังยุบ

ไทม์ไลน์ เส้นทางคดียุบพรรคอนาคตใหม่ อาจรวดเร็ว ฉับไวปานกามนิตหนุ่ม

ในกรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ให้พรรคกู้ยืมเงินของตนเอง ตามคำร้องของศรีสุวรรณ จรรยา  จำนวน 110 ล้านบาท (ต่อมานายธนาธร แจ้งบัญชีทรัพย์สินว่าปล่อยกู้ให้พรรค 191 ล้าน) ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปีหรือไม่

หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับได้พิจารณาสำนวนการสืบสวนไปแล้วเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562

ต่อมา 27 พฤศจิกายน 2562 สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุถึงกรณีนี้ว่า “พรรคอนาคตใหม่ได้มีหนังสือจัดส่งเอกสารบางส่วนแล้ว แต่ขอขยายระยะเวลาการจัดส่งเอกสารบางส่วนต่อ กกต.อีก 120 วัน โดยในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา กกต.ได้รับทราบการจัดส่งเอกสารบางส่วนของพรรคอนาคตใหม่ข้างต้นแล้ว และมีมติให้ขยายระยะเวลาในการจัดส่งเอกสารที่เหลือ โดยให้พรรคอนาคตใหม่จัดส่งภายในวันที่ 2 ธันวาคม 2562”

เป็นการขีดเส้นตาย และกระชับไทม์ไลน์คดียุบพรรค

เมื่อถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2562 มีรายงานจากสำนักงาน กกต.ว่า“พรรคอนาคตใหม่ ไม่สามารถส่งหลักฐานการกู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ภายในวันที่ 2 ธันวาคม 2562”

แต่สำนักงาน กกต.เห็นว่า “ก่อนหน้านี้พรรคอนาคตใหม่ขอเวลาจัดส่งเอกสาร 120 วัน มีเจตนาต้องการถ่วงเวลาอยู่แล้ว จึงให้โอกาสจัดส่งเอกสารภายในวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา เพราะเอกสารที่ กกต.ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหมายเรียก เป็นเอกสารที่อยู่ในการครอบครองของพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว ไม่ต้องรอรอบเวลาเพื่อที่จะรวบรวม และถือเป็นเอกสารที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคอนาคตใหม่ที่จะยืนยันให้ กกต.เชื่อว่ามีการกู้ยืมเงินจริง เมื่อพรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถนำส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวได้ ก็ถือเป็นผลเสียต่อพรรคเอง”

“ดังนั้น กกต.จึงมีมติให้ตัดพยานหลักฐานที่เหลือ และให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนพิจารณาจากพยานหลักฐานที่พรรคอนาคตใหม่ส่งมาบางส่วนก่อนหน้านี้ และให้เสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาในวันที่ 11 ธันวาคมนี้”

นับจากวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ไปอีกไม่เกิน 7 วัน (กฏหมายไม่กำหนด) คดียุบพรรคก็อาจจะถึงศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากศาลรับคำร้องจากสำนักงาน กกต.อาจใช้เวลาในการไต่สวนอีก 7-15 วัน (กฏหมายไม่ได้กำหนด) โดยศาลจะประชุมทุกวันพุธ และอาจจะเรียกพยาน-หลักฐานเพิ่มเติม หรือเปิดการไต่สวน จากนั้นก็นัดวันอ่านคำวินิจฉัยได้

ไม่ควรลืมว่า กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หลัง กกต.รับคำร้อง 8 กุมภาพันธ์ 2562 และส่งศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 กระบวนการรับพิจารณาใช้เวลา 5 วัน จากนั้นการวินิจฉัยยุบพรรคเกิดขึ้นภายในวันที่ 7 มีนาคม 2562 ใช้เวลา 22 วันเท่านั้น

คดียุบพรรคอนาคตใหม่ นับถอยหลังตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป

“หาก กกต.พบว่า การกระทำของนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตามมาตรา 66 วรรคสอง ประกอบมาตรา 125 มีโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท ศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี และให้เงินทรัพย์สินส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง”

ถ้ามีความผิดตามมาตรา 62 ตาม พ.ร.บ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่ระบุุว่า พรรคการเมืองอาจมีรายได้ ดังต่อไปนี้
(1) เงินทุนประเดิมตามมาตรา 9 วรรคสอง
(2) เงินค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมืองตามที่กําหนดในข้อบังคับ
(3) เงินที่ได้จากการจําหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง
(4) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง
(5) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการรับบริจาค
(6) เงินอุดหนุนจากกองทุน
(7) ดอกผลและรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดของพรรคการเมือง
การได้มาซึ่งรายได้ตาม (1) (3) (4) และ (5) ต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานการได้มา
ซึ่งรายได้นั้นเป็นหนังสือ ทั้งนี้ ตามแบบที่คณะกรรมการกําหนด
การจําหน่ายสินค้าหรือบริการตาม (3) และการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองตาม (4)
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
รายได้ของพรรคการเมืองจะนําไปใช้เพื่อการอื่นใด นอกจากการดําเนินงานของพรรคการเมืองมิได้

หากกกต.พิจารณาแล้วว่า “ผิด” ตาม มาตรา 62 คดีก็จะถูกส่งไปที่ ศาลรัฐธรรมนูญ

และแน่นอนที่สุดว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องเป็นคณะเดิม ที่ตัดสินให้ “ธนาธร” พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากว่าที่ตุลาการชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติในชั้นวุฒิสภา ซึ่งได้ขยายเวลาการตรวจสอบอีก 30 วัน จะไปจบที่กลางเดือน ม.ค.

นักวิชาการที่ศึกษาระบบนับคะแนน“ส.ส.พึงมี” ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า…การอยู่-การไป ของ ส.ส.ระบบเขต 30 คน และระบบบัญชีรายชื่อ 50 คน และใน 50 คนนี้ มี 12 คน เป็นกรรมการบริหารพรรค อาจยุ่งยากกว่าที่คาด

“ถ้าอนาคตใหม่ถูกยุบ แล้ว ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 50 คนของพรรคจะย้ายไปอยู่สังกัดใหม่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส.พรรคที่ถูกยุบต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 60 วันได้หรือไม่ เพราะติดกรอบจำนวน ส.ส.พึงมี และในจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คนของอนาคตใหม่มีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็น ส.ส.อยู่ 11 คน (ธนาธร พ้นจาก ส.ส.ไปแล้ว) แต่หากพรรคถูกยุบ 11 คนและธนาธร จะถูกเว้นวรรคการเมือง ทำให้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จะย้ายค่ายได้มี 38 คน”

ปัจจุยันรายชื่อ กก.บห.พรรค 12 คน ที่เป็น ส.ส.11 คน ยกเว้นนาธนาธร  ปีะกอบด้วย 1.ปิยบุตร แสงกนกกุล 2.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ 3.ชำนาญ จันทร์เรือง 4.พรรณิการ์ วานิช 5.ไกลก้อง ไวทยการ 6.นิรามาน สุไลมาน 7.สุรชัย ศรีสารคาม 8.เจนวิทย์ ไกรสินธุ์ 9.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ 10.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ 11. พล.ท.พงศกร รอดชมภู

แหล่งข่าวฝ่ายกฎหมาย กกต.คำนวณจำนวน ส.ส.ทั้งการเลือกตั้งทั่วไป-เลือกตั้งซ่อม อธิบายข้อกฎหมายไว้ว่า “ในกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบภายใน 1 ปี นับจากวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีอิสระไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน ซึ่งจำนวน ส.ส.พึงมีจะไม่ถูกนำมาคำนวณ เพราะไม่มีเลือกตั้งซ่อมจากการทุจริต”

และยังมีคดีร้อนที่เสียบคาไว้ในศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เดือน ก.ค. 2562 อีกหนึ่งคดี นายณฐพร โตประยูร ผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร และนายปิยบุตร ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นอีกหนึ่งคดีที่ชวนขนหัวลุก

ประเด็นพิจารณา-วาระร้อนของบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และฝ่ายประชาธิปไตย จึงจับตาไปที่ “พรรคใหม่” และ “หัวขบวนฝ่ายประชาธิปไตย” คนใหม่ ที่จะขึ้นมากุมบังเหียน เหล่าสมาชิกจากอนาคตใหม่ ทั้งที่เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค 38คน กับ ส.ส.ระบบเขต อีก 30 คน

เพราะคนที่จะขึ้นมาคุมหัวใจของอดีต-คนอนาคตใหม่ คือ การรักษาไว้ซึ่งหลักการและอัตลักษณ์ของพรรคเก่า

แม้ยังไม่มี “ธง” ของคนขึ้นมาคุมหัวใจคนใหม่คือใคร แต่แกนนำได้มองหาลู่ทาง “สำรอง” หาเซ้งพรรคใหม่เอาไว้

การเดินสายพบปะบุคคลสำคัญ ทั้งอานันท์ ปันยารชุน และสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค พร้อมการอภิปรายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ด้วยวาทะที่มีพลัง และการส่งสัญญาณถึงนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน อาจเป็นการตระเตรียมการเปลี่ยนผ่าน และการเปลี่ยนหัวของอนาคตใหม่ครั้งสำคัญ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0