เมื่อพูดถึงรอบเดือน อะไรคือความหมายของคำว่า “ปกติ” สำหรับคุณ? รอบเดือนไม่ได้เว้นช่วง 28 วันพอดีเป๊ะ ดังนั้นถ้ารอบเดือนของคุณคือ 25 หรือแม้แต่ 40 วันก็ไม่ต้องวิตกกังวล แค่หมั่นสังเกตและติดตามอาการในแต่ละเดือนก็พอ
สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้เกี่ยวกับวงจรฮอร์โมน
รอบเดือนคือกระบวนการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ทุกเดือน โดยทั่วไปผู้หญิงเราจะมีรอบเดือนตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน รอบเดือนมีทั้งหมด 4 ช่วงหลักและแต่ละช่วงก็จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับระดับพลังงาน อารมณ์ และความมีชีวิตชีวา หากคุณลองสังเกตดีๆก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละช่วงได้
ช่วงก่อนไข่ตก
ในช่วง 7-10 วันนี้ร่างกายจะเตรียมตกไข่โดยฮอร์โมน FSH ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นไข่สุกและจะเพิ่มสูงขึ้นขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งมีระดับต่ำสุดก็จะค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ในช่วงนี้คุณจะรู้สึกมีกำลังและอาจถึงขั้นกระสับกระส่ายเลยทีเดียว
ช่วงไข่ตก
ไข่จะเดินทางจากรังไข่ไปยังท่อนำไข่ซึ่งกำลังรอการปฏิสนธิที่อาจเกิดขึ้น ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ได้ในช่วงนี้แหละ ส่วนฮอร์โมน FSH ก็สูงขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกับฮอร์โมนลูทิไนซิง (LH) ระดับเอสโตรเจนกับเทสโทสเตอโรนจะสูงขึ้นเต็มที่ จากการเปลี่ยนแปลงนี้เองทำให้ความรู้สึกทางเพศเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อระดับเอสโตรเจนกับเทสโทสเตอโรนเพิ่มสูงขึ้นผู้หญิงเราจึงมีพลังบวกและรู้สึกมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง
ช่วงหลังไข่ตก
ในช่วงนี้ระดับโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มขึ้น กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น ท้องอืด ฉุนเฉียวง่าย อารมณ์แปรปรวน และสมองล้าอาจเกิดขึ้นกับผู้หญิงบางคนได้ นอกจากนี้คุณอาจรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ที่สำคัญคุณควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ
ประจำเดือน
ในช่วงประจำเดือนการผลิตโปรเจสเตอโรนจะลดลง ส่วนเอสโตรเจนก็จะขึ้นไปเต็มที่ก่อนลดลงมา คุณควรรับประทานอาหารต้านการอักเสบ เช่น ผักใบเขียว ผักตระกูลกะหล่ำปลี และขมิ้นเพื่อลดอาการปวดท้องหรือปวดเกร็ง
การใช้ชีวิตของคุณอาจส่งผลกระทบต่อความยาวของรอบเดือน
ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ยาปฏิชีวนะ อาการเจ็บป่วย การดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายมากเกินไป
1. การนอนหลับไม่เพียงพอ
การอดนอนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฮอร์โมนขาดความสมดุล ร่างกายจะอ่อนเพลียและตึงเครียดซึ่งส่งผลต่อการทำงานของสมองและความมีชีวิตชีวา
2. ออกกำลังกายมากเกินไป
การออกกำลังกายมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงและบั่นทอนความสามารถของร่างกายในการสร้างรอบเดือน ปกตินักกีฬาอาชีพอย่างนักยิมนาสติก นักวิ่ง และนักกีฬาว่ายน้ำซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายต่ำกว่าปกติมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับรอบเดือนหยุดชะงัก
3. การเดินทาง
การเดินทางสามารถส่งผลต่อการมีรอบเดือนได้โดยเฉพาะเมื่อต้องข้ามเขตเวลา การอยู่ในเขตเวลาใหม่จะส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ การทำงานของสมอง และสุขภาพฮอร์โมน
4. ระดับคอร์ติซอลสูง
ความเครียดต่อเนื่องจะทำให้ระดับคอร์ติซอลสูงขึ้นซึ่งสามารถเพิ่มการอักเสบในร่างกายและอาจส่งผลกระทบต่อความสมดุลของโปรเจสเตอโรนกับเอสโตรเจนด้วย
อาการต่างๆในช่วงรอบเดือนที่ควรเฝ้าระวัง
อาการปวดเกร็งกับอารมณ์แปรปรวนคือสัญญาณเตือนว่าขณะนี้ฮอร์โมนกำลังขาดความสมดุล หากคุณรู้สึกปวดจนไปทำงานไม่ไหวก็ควรปรึกษาแพทย์ การมีลิ่มเลือดขณะมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติแต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและความถี่ของผู้หญิงแต่ละคน แต่ถ้าเริ่มมีความรุนแรงก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาโรคโลหิตจางหรือแม้แต่ภาวะปวดประจำเดือน ทางที่ดีคุณควรสังเกตอาการและฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายอย่างใกล้ชิด รู้จักใช้วิธีต่างๆเพื่อจัดการกับความเครียด เลือกรับประทานอาหารคุณภาพสูง และที่สำคัญควรนอนหลับให้เพียงพอเพื่อรักษาความสมดุลของฮอร์โมน