โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะอันตรายต่อทั้งแม่และลูก

Motherhood.co.th

เผยแพร่ 30 มี.ค. 2563 เวลา 05.15 น. • Motherhood.co.th Blog
รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะอันตรายต่อทั้งแม่และลูก

รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะอันตรายต่อทั้งแม่และลูก

แม้ว่าคนเป็นแม่จะพยายามรักษาสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์มากแค่ไหน แต่เรื่องไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างเช่นอาการ "รกลอกตัวก่อนกำหนด" ที่ถึงแม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ มาติดตามกันค่ะว่าใครบ้างที่จะมีความเสี่ยงต่อภาวะนี้ และเราจะสามารถป้องกันมันได้หรือไม่

ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดคืออะไร

รกลอกตัวก่อนกำหนด (Abruptio placenta หรือ Placental abruption) หมายถึง ภาวะที่รกซึ่งเกาะอยู่บริเวณส่วนบนของโพรงมดลูกในตำแหน่งปกติ แต่เกิดมีโรคหรือมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ ครรภ์ถูกกระทบกระเทือน มีบุตรมาแล้วหลายคน หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด จนทำให้รกเกิดการลอกตัวจากผนังมดลูกหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ไปจนก่อนถึงกำหนดวันคลอด และพบได้มากในแม่ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 7 เดือนขึ้นไป ซึ่งรกอาจลอกตัวออกมาเพียงบางส่วน (Partial) หรือลอกตัวทั้งหมด (Total) ก็ได้ ซึ่งการลอกตัวของรกนี้ทำให้มีเลือดออกระหว่างผนังมดลูกกับตัวรก เมื่อมีเลือดออกมากก็จะทำให้รกลอกตัวจากผนังมดลูกมากขึ้น ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดนี้ พบได้ในอัตรา 1 จาก 200 คน

ภาวะนี้เป็นภาวะที่ร้ายแรงแต่พบได้ไม่บ่อยนัก หากคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีหรือแพทย์วินิจฉัยโรคได้ช้า ก็จะเป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์อย่างมาก เพราะมีโอกาสจะเสียชีวิตได้ทั้งคู่ และไม่ว่ารกจะลอกตัวเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม ก็จะทำให้มีเลือดออกจากตำแหน่งที่รกเกาะ เลือดจะไหลไปแทรกอยู่ระหว่างถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูก จากนั้นเลือดจะไหลผ่านปากมดลูกออกสู่ช่องคลอด โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

  • ภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย (Concealed type หรือ Internal hemorrhage) คือ เลือดที่ออกมาจะคั่งอยู่หลังรก แต่จะไม่ไหลออกมาทางช่องคลอดให้เห็นอย่างชัดเจน พบได้น้อยกว่าชนิดที่สอง หรือพบได้ประมาณ 20-35%
  • ภาวะรกลอกตัวแบบเปิดเผย (Revealed type หรือ External hemorrhage) คือ ภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดไหลเซาะระหว่างเยื่อถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูก จากนั้นเลือดจะไหลออกมาทางปากมดลูกและช่องคลอด โดยจะเห็นเลือดออกมาทางช่องคลอดอย่างชัดเจน ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ง่าย พบได้บ่อยพอประมาณ ที่ 65-80%
  • ภาวะรกลอกตัวแบบผสม (Mixed type หรือ Combined hemorrhage) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด เชื่อว่าเริ่มแรกเป็นชนิดภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย เลือดที่ออกจะแทรกอยู่ระหว่างรกกับผนังมดลูก ต่อมามีเลือดออมากขึ้น เลือดจึงสามารถเซาะแทรกถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกแล้วผ่านออกมายังทางปากมดลูกได้
ลักษณะการลอกของรกมีด้วยกัน 3 รูปแบบ
ลักษณะการลอกของรกมีด้วยกัน 3 รูปแบบ

โดยภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดสามารถแบ่งตามระดับรุนแรงได้ดังนี้

  • ไม่แสดงอาการ คุณแม่จะไม่มีอาการปวดหรือเจ็บท้อง ไม่มีเลือดออก แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ก็ต่อเมื่อหลังคลอด
  • รกลอกตัวเล็กน้อย คุณแม่จะมีอาการปวดท้องและมีเลือดออกเล็กน้อย รกส่วนใหญ่ยังทำงานได้ตามปกติ การรักษาที่ดีที่สุดคือการให้คุณแม่นอนพักผ่อนให้มาก ๆ ซึ่งการตรวจอัลตราซาวนด์จะช่วยบอกความรุนแรงและสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ถ้าเกิดภาวะนี้ในช่วงใกล้คลอด แพทย์อาจต้องกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์และคลอดโดยเร็ว
  • รกลอกตัวปานกลาง รกจะลอกตัวเพียงบางส่วน ประมาณ 1 ใน 4 หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดประมาณ 0.5-1 ลิตร คุณแม่จะมีอาการปวดท้องรุนแรงมากขึ้น กดเจ็บที่มดลูก ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง มีการเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ จำเป็นต้องมีการให้เลือดทดแทน ถ้ารกลอกตัวในระดับนี้ในระยะใกล้คลอด แพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดทำคลอด
  • รกลอกตัวรุนแรง เป็นภาวะฉุกเฉินที่เป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตของแม่และลูกในครรภ์ ซึ่งจะพบได้ประมาณ 20-25% ของภาวะลอกตัวทั้งหมด โดยรกจะลอกตัวมากกว่า 2 ใน 3 หรือลอกตัวทั้งหมด เลือดจึงออกได้มากถึง 2 ลิตร คุณแม่จะมีอาการปวดท้องรุนแรงมาก มดลูกหดรัดตัวอยู่ตลอดเวลา สูญเสียการแข็งตัวของเลือด และอาจจะเสียเลือดมากจนมีอาการช็อกหรือหมดสติ จึงจำเป็นต้องได้รับเลือดให้ทันท่วงที และต้องผ่าตัดทำคลอดฉุกเฉินเพื่อรักษาชีวิตของคุณแม่เอาไว้ ถ้ารกลอกตัวรุนแรงมาก ทารกมักจะเสียชีวิตในครรภ์

อาการรกลอกตัวก่อนกำหนด

คุณแม่จะมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังการตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์ไปแล้ว ร่วมกับมีอาการปวดท้องและท้องเกร็งแข็งเป็นพัก ๆ คล้ายว่าจะคลอด ถ้ามีความรุนแรงน้อย ทารกในครรภ์จะยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นมากหรือมีเลือดออกรุนแรง คุณแม่จะมีอาการซีด ตัวเย็น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็ว ความดันตก หากใช้เครื่องฟังตรวจเสียงหัวใจของทารกก็จะไม่ได้ยิน เนื่องจากทารกเสียชีวิตแล้ว และถ้าคลอดออกมา คุณแม่อาจมีอาการตกเลือดอย่างรุนแรง

หากตรวจสอบเสียงหัวใจของทารกไม่ได้เนื่องจากทารกเสียชีวิตแล้ว และปล่อยให้เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อไปโดยไม่ได้รับการแก้ไข อาจตรวจพบจุดเลือดออกตามแขนขาของคุณแม่ เนื่องจากระบบการแข็งตัวของเลือดได้สูญเสียไป

ต้องรีบวินิจฉัยอาการโดยด่วน จะได้แก้ไขความผิดปกติได้ทัน
ต้องรีบวินิจฉัยอาการโดยด่วน จะได้แก้ไขความผิดปกติได้ทัน

การรักษา

หากแพทย์วินิจฉัยว่าคุณแม่เป็นโรคนี้จะต้องรีบรักษาในทันที ถ้ายังตรวจพบว่าทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่ แพทย์มักจะผ่าตัดทำคลอดให้ แต่ถ้าทารกเสียชีวิตแล้วก็อาจจะรอให้คลอดออกมาเองโดยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอาการช็อกจากการตกเลือดภายในมดลูกและการตกเลือดหลังคลอด ในบางรายแม้ว่าทารกจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่คุณแม่มีอาการของโรคที่รุนแรงหรือมีเลือดออกมาก อาจต้องมีการให้เลือดทดแทน รวมทั้งต้องทำการผ่าตัดทำคลอดเพื่อช่วยเหลือชีวิตคุณแม่ไว้ก่อน

สำหรับการรักษา โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มจากการให้น้ำเกลือ เตรียมให้เลือด ให้ออกซิเจน ตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารก แก้ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติที่เป็นสาเหตุให้เลือดออกมากผิดปกติ เจาะถุงน้ำคร่ำในกรณีที่ปากมดลูกเปิดมากแล้วหรือทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว เพื่อให้คลอดออกมาทางช่องคลอด หากทารกอยู่ในภาวะเครียดหรือผิดปกติ และคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานหากจะให้คลอดทางช่องคลอด แพทย์อาจตัดสินใจผ่าตัดทำคลอดได้

ส่วนในรายที่เลือดออกไม่มากและทารกยังแข็งแรงดี (วัดจากการได้ยินเสียงหัวใจของทารกเป็นปกติ) แพทย์จะให้คุณแม่นอนพักในโรงพยาบาลจนกว่าเลือดจะหยุดไหล หลังจากนั้นแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ และนัดมาตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด

ภาวะแทรกซ้อน

  • ผลต่อคุณแม่ ได้แก่ การตกเลือด เกิดภาวะมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดที่ออกหยุดช้าหรือไหลไม่หยุด เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือถูกผ่าตัดทำคลอดโดยด่วน การตกเลือดหลังคลอด เสี่ยงต่อการถูกตัดมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบในระยะหลังคลอด อาจเกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือดมาก หากรักษาไม่ทัน อาจทำให้คุณแม่และทารกในครรภ์เสียชีวิต ในบางรายอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันแทรกซ้อนได้
  • ผลต่อทารก ได้แก่ การคลอดก่อนกำหนด ทารกขาดออกซิเจนจากการที่มดลูกหดรัดตัวมากเกินไป จนอาจทำให้เกิดภาวะผิดปกติต่าง ๆ หลังการคลอด เช่น สมองพิการ

มีหนทางป้องกันหรือไม่?

  • หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ต้องระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์ให้มาก
  • ควรระวังไม่ให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงในระหว่างการตั้งครรภ์

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0