โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ย้อนตำนานน้องเล็ก BMW ซีรี่ส์ 3

Manager Online

อัพเดต 25 พ.ค. 2562 เวลา 16.11 น. • เผยแพร่ 25 พ.ค. 2562 เวลา 16.11 น. • MGR Online

ซีรี่ส์ 3 เจเนอเรชันที่ 7 รุ่นล่าสุดออกวางตลาดโลกไปแล้ว รวมถึงเมืองไทยก็มีให้จับจองเป็นเจ้าของได้แล้วเช่นกัน แต่เราลองมาทบทวนกันหน่อยว่า ก่อนจะถึงรุ่นปัจจุบัน หน้าตาของโมเดลแรกแต่ละรุ่นเป็นอย่างไร มีความโดดเด่น สวยงาม ขนาดไหน พร้อมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้สาวกบีเอ็มดับเบิลยูทำความรู้จักกับรถคันโปรดกันสักนิด

รุ่นที่ 1 – E21 (ค.ศ. 1975–1983)

ซีรี่ส์ 3 รุ่นแรก ถือกำเนิดขึ้นมาทดแทนรุ่น 02 ซีรี่ส์ ที่ยุติการผลิตไป โดยเปิดตัวด้วยการบอกว่าเป็นรถซีดาน 2 ประตู หรือที่ปัจจุบันเรียกกันในชื่อว่า คูเป้ และมีตัวถังแบบหลังคาเปิดได้ออกตามมาเป็นทางเลือกอีกด้วย ขณะที่เครื่องยนต์มีทั้งแบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 1.6 - 2.0 ลิตร และ 6 สูบ ขนาดความจุ 2.0-2.3 ลิตร กำลังสูงสุด 74-141 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด จาก ZF และเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง มีจำหน่ายในประเทศไทยในจำนวนที่ไม่มากนัก ภายใต้การดูแลของกลุ่มยนตรกิจ

รุ่นที่ 2 -E30 (ค.ศ. 1982–1994)

รุ่นสร้างชื่อเสียงของค่ายใบพัดฟ้าขาว นับเป็นรุ่นแรกที่มีตัวถังครบทุกรูปแบบทั้ง 4 ประตู, 2 ประตู, เปิดประทุน และแวกอน 5 ประตู อีกทั้งยังเป็นซีรี่ส์ 3 รุ่นแรกที่มากับทางเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลาอีกด้วย (ขับ2 ล้อหลังเป็นมาตรฐาน) ส่วนเครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งเบนซิน 4 สูบและ 6 สูบหลายพิกัดตั้งแต่ 1.6-2.7 ลิตร 89-168 แรงม้า และดีเซล 6 สูบ 2.4 ลิตร84-114 แรงม้า ขณะที่ตัวแรงอย่าง M3 (192-235 แรงม้า) ถือกำเนิดในเจเนอเรชันนี้

ซีรีส์ 3 E30 นับเป็นรุ่นแรก ที่ผู้แทนจำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย อย่าง ยนตรกิจ ขึ้นไลน์ประกอบในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในด้านยอดขายของซีรี่ส์3 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย

รุ่นที่ 3 - E36 (ค.ศ. 1990–2000)

เรียกว่าเป็นรุ่นที่ปฏิวัติวงการและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ ด้วยตัวถังที่ขยายใหญ่ขึ้นในทุกมิติ และมาพร้อมกับทางเลือกที่ครบถ้วนทุกตัวถัง รวมถึงเป็นครั้งแรกที่ทำตัวถังแบบ แฮทช์แบ็ค 3 ประตู อีกด้วย (โดยเรียกชื่อรุ่นย่อยว่า คอมแพคต์) เครื่องยนต์ยังคงมีให้เลือกทั้งเบนซินขนาด 1.6-3.2 ลิตร 98-190 แรงม้า และดีเซล 1.7 ลิตร, 2.5 ลิตร ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 4 - 5 สปีด และธรรมดา 5 - 6 สปีด คงเหลือแต่เพียงรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ยุติการทำตลาดรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อไป

สำหรับประเทศไทย ซีรี่ส์ 3 E36 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ประสบความสำเร็จที่สุดภายใต้การทำตลาดของเครือยนตรกิจ ด้วยราคาจำหน่ายที่ถูกว่าคู่แข่งอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสเกือบเท่าตัว จนทำให้ บริษัทแม่อย่าง บีเอ็มดับเบิลยู เอจี ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดด้วยตัวเอง ในช่วงปลายทศวรรษ 90 ก่อตั้งบริษัทฯ และโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย จนถึงปัจจุบันนี้

รุ่นที่ 4 -E46 (ค.ศ. 1997–2006)

รูปโฉมภายนอกได้รับการปรับเปลี่ยนฉีกแนวไปอีกครั้งเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยผลงานของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง คริส แบงเกิล ซึ่งทำตลาดครบทุกแบบตัวถัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกลับมาให้เลือกซื้อหาได้อีกครั้ง โดยมีจุดเด่นที่ การเริ่มต้นของระบบใหม่ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบวาล์วแปรผัน, ระบบนำทาง, ระบบกระจายแรงเบรก และไฟท้ายแบบ LED สำหรับเครื่องยนต์เบนซินขยับทางเลือก 4สูบ และ 6 สูบ ขึ้นมาเป็น 1.8-3.2 ลิตร 103-235 แรงม้า ส่วนดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร และ 6 สูบ 2.9-3.0 ลิตร

หลังจากก่อตั้ง บีเอ็มดับเบิลยู ไทยแลนด์ สำเร็จ ในปี 1997 แต่ไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ พอดี ทำให้การเปลี่ยนผ่านใช้เวลานานพอสมควร จนกระทั่ง ซีรี่ส์ 3 โฉมใหม่ ได้ฤกษ์เปิดตัวเป็นรุ่นแรกภายใต้ บีเอ็มดับเบิลยู ไทยแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2000

รุ่นที่ 5 – E90/E91/E92/E93 (ค.ศ. 2005–2013)

พลิกโฉมอีกครั้ง ด้วยความโฉบเฉี่ยวที่มากขึ้น และมีการเรียกรหัสตัวถังใหม่ตามรูปแบบของตัวถัง จากเดิมที่เรียกรวม รุ่นนี้จะแยกย่อยไป โดยซีดานเรียก E90, ทัวริ่ง (เดิมเรียกแวกอน) E91, คูเป้ E92 และ เปิดประทุนE93 ซึ่งตัวถังเปิดประทุนนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่บีเอ็มดับเบิลยูนำหลังคาแข็งเปิด-ปิดไฟฟ้ามาใช้งาน ส่วนเครื่องยนต์นับเป็นครั้งแรกของการใช้เทอร์โบติดตั้งจากโรงงาน ขนาดมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 4 สูบ 1.6 ลิตร ไปจนถึง V8 สูบ 4.0 ลิตร ทั้งนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการลดขนาดความจุของเครื่องยนต์ลงจากการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรฐานไอเสียอันเนื่องจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

การทำตลาดในเมืองไทยนี่คือรุ่นแรกที่คนไทยไม่ต้องรอกันนานสำหรับการใช้รถรุ่นใหม่ จากอดีตต้องรอเปิดตัวในต่างประเทศแล้ว 2-3 ปีจึงจะเข้ามาทำตลาดในไทย การเข้ามาทำตลาดเองของบริษัทฯ แม่ส่งผลลัพธ์ด้านบวกที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ รวมไปถึงการบำรุงดูแลรักษา ที่มีโปรแกรม BSI ช่วยลดความกังวลในเรื่องค่าซ่อม

รุ่นที่ 6 -F30/F31/F34 (ค.ศ.2011–ปัจจุบัน)

ถือว่าเป็นรุ่นที่เกิดการแยกตัวอย่างชัดเจน ด้วยการนำตัวถังแบบคูเป้และเปิดประทุน กลายร่างเป็น ซีรี่ส์4 แล้วคงเหลือไว้เพียงตัวถังแบบ ซีดาน F30 , ทัวริ่งF31 และฟาสต์แบ็ค (GT) F34 ส่วนรหัส F35 ตัวถังยาว ทำขายเฉพาะตลาดจีน ขณะที่ด้านการขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคใหม่ที่ต้องเข้มข้นด้านการลดมลพิษ จึงทำให้เครื่องยนต์มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยระบบเทอร์โบ และการนำมอเตอร์ไฟฟ้า เข้ามาช่วยขับเคลื่อน ในรูปแบบของ ปลั๊กอิน-ไฮบริด โดยเครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือก 3 สูบ 1.5 ลิตร 134 แรงม้า, 4 สูบ 1.6-2.0 ลิตร 181 -248 แรงม้า และ 6 สูบ 302-335 แรงม้า สำหรับดีเซลยังคงมีทำตลาดอยู่ทั้ง 4 สูบและ6สูบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

นี่คือหนึ่งในซีรี่ส์ 3 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย โดยขายหมดก่อนที่รุ่นใหม่ G20 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียอีก คงเหลือแต่เพียงรุ่นตัวถัง จีที ที่ยังคงทำตลาดต่อไป จนกว่าโฉมใหม่จะคลอดออกมา

ทั้งหมดเป็นวิวัฒนการของรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 รถที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก บวกกับเป็นรถที่มีบุคลิก ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ยิ่งได้ลองขับแล้วจะหลงใหลในสมรรถนะ ช่วงล่างแน่นหนึบ และดูวัยรุ่นขึ้นมาทันที

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0