โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ย้อนดู 10 ซีรีส์ดีระดับตำนาน ช่วงอยู่บ้านยาวๆ เก็บให้ครบลิสต์

ATIME

อัพเดต 30 มี.ค. 2563 เวลา 07.26 น. • เผยแพร่ 26 มี.ค. 2563 เวลา 10.00 น. • ChillOnline
ย้อนดู 10 ซีรีส์ดีระดับตำนาน ช่วงอยู่บ้านยาวๆ เก็บให้ครบลิสต์
ย้อนดู 10 ซีรีส์ดีระดับตำนาน ช่วงอยู่บ้านยาวๆ เก็บให้ครบลิสต์

ย้อนดู 10 ซีรีส์ดีระดับตำนาน ช่วงอยู่บ้านยาวๆ เก็บให้ครบลิสต์

 

 

สำหรับช่วงเวลาของการ Work From Home และการกักตัวนั้น เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่าน คงมีเวลาว่างไม่น้อย เพราะต้องอยู่บ้าน สื่อบันเทิงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น Netflix หรือบริการสตรีมมิ่งเจ้าต่างๆ ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า Netflix ซึ่งแทบจะไม่เคยมีปัญหาด้านระบบมาก่อน กลับล่มในสหรัฐอเมริกาฯและยุโรป เนื่องจากมีผู้เข้าใช้บริการพร้อมกันเป็นจำนวนมาก โดยมีรายงานว่ายอดผู้ใช้บริการของ Netflix ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

 

หลังจากที่แนะนำซีรีส์ใหม่ๆไปเมื่อสัปดาห์ก่อน คอลัมน์ So Watch สัปดาห์นี้ ขอพาผู้อ่าน ย้อนกลับไปดูซีรีส์เก่าๆที่น่าสนใจกันบ้าง กับเหล่าบรรดาซีรีส์จากฝั่งฮอลลีวู้ดที่ฮิตระดับตำนาน โดยในสัปดาห์นี้ขอเลือกมาแนะนำกัน 10 เรื่อง ซึ่งช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับใครที่พลาดไป ในการเก็บซีรีส์ระดับตำนานทั้งหมดนี้ให้ครบถ้วนทั้งลิสต์ 

 

********************************************

 

Game of Thrones

หนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคหลัง และโด่งดังมากที่สุดของ HBO ต้นฉบับคือนิยายที่ชื่อว่า A Song of Fire and Ice ของ จอร์จ อาร์.อาร์. มาร์ติน (ซึ่งปัจจุบันก็ยังเขียนไม่จบ แต่ซีรีส์ชิงตัดหน้าอวสานไปก่อนแล้ว) มีความยาวทั้งหมด 8 ซีซั่น รวม 73 ตอน เล่าถึงหลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนเวสโทโร กับผู้ปกครองทั้ง 7 อาณาจักรที่พยายามจะแย่งชิงอำนาจกัน เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องหวาดผวากับภัยที่กำลังค่อยๆคืบคลานมาจากทางเหนือ สิ่งมีชีวิตอันชั่วร้ายที่มาพร้อมกับฤดูหนาว

 

Game of Thrones ขึ้นแท่นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จในแทบทุกด้าน เริ่มจากการเป็นขวัญใจผู้ชม ด้วยตัวเรื่องราวที่สนุก ตื่นเต้น และคาดเดาไม่ได้ ในทุกๆซีซั่น จะต้องมีการหักมุม และสร้างความช็อคให้กับผู้ชมเสมอ จนกระทั่งไต่เรตติ้ง และทำลายสถิติอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ทีมนักแสดงทั้งหมด กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในขณะเดียวกันซีรีส์เองก็ได้รับคำชมอย่าล้นหลาม (ยกเว้นตอนจบที่โดนสับแหลก) จนกระทั่งสามารถกวาดรางวัล Emmy Awards รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงโทรทัศน์ ได้มากถึง 58 ตัว รวมถึงการชนะสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม ในปี 2015, 2016, 2018 และ 2019

 

 

Friends

ขึ้นแท่นซีรีส์ประเภทซิทคอม (Situation Comedy) ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล แจ้งเกิดให้กับนักแสดงนำทั้ง 6 คนประกอบด้วย เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, ค็อทนีย์ ค็อกซ์, ลิซ่า คูโดรว์, แมทธิว เพอร์รี่, แมตต์ เลอบลัง และเดวิด ชวิมเมอร์ ออกอากาศสร้างรอยยิ้มทั้งหมด 10 ซีซั่น ระหว่างปี 1994-2004 โดยมีให้ชมกันทั้งหมด 236 ตอน (แต่ใช้เวลาดูไม่นานมาก เพราะซิทคอมจะมีความยาวเพียงตอนละ 20-25 นาทีเท่านั้น) เล่าเรื่องราวของบรรดาเพื่อนทั้ง 6 คนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกันในนิวยอร์ก กับเรื่องราวชีวิต ความรัก การทำงาน รวมไปถึงเซ็กซ์ โดยตัวละครนำคือ ราเชล ลูกคุณหนูที่ถูกคู่หมั้นทิ้งในวันแต่งงาน เธอจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ห้องเล็กๆกับเพื่อนซี้อย่าง มอนิก้า ซึ่งมีพี่ชายคือ รอส ซึ่งแอบชอบเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

 

Friends ค่อยๆได้ระดับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนอวสานของทุกซีซั่น มักจะติด Top 10 รายการที่เรตติ้งสูงสุดของปี โดยตอนอวสานของซีรีส์ มียอดผู้ชมมากถึง 52 ล้านคน ขึ้นแท่นซีรีส์ที่ยอดคนดูมากที่สุดในยุค 2000s และครองความนิยมมาตลอดหลังจากนั้น สร้างกระแสด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย ส่งให้ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน คือนางเอกหนังตลกเบอร์ต้นๆของฮอลลีวู้ด แม้แต่สตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำก็ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของ Warner Studio โดยตลอดการออกอากาศ Friends ได้เข้าชิงรางวัล Emmy Awards มากกว่า 60 สาขาและชนะซีรีส์เบาสมองยอดเยี่ยมในปี 2002

 

 

Lost

ซีรีส์ลึกลับสุดฮิตจากช่อง ABC ที่ออกอากาศระหว่างปี 2004-2010 ด้วยความยาวทั้งหมด 6 ซีซั่น รวม 121 ตอน ที่ผสมผสานระหว่างแนววิทยาศาสตร์กับเขย่าขวัญ เล่าถึงกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตก บนเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ในขณะที่พวกเขาพยายามจะเอาชีวิตรอดบนเกาะแห่งนี้ และพยายามทำทุกทางเพื่อติดต่อกับโลกภายนอก กลุ่มผู้รอดชีวิตกลับพบว่า เกาะแห่งนี้ มีปริศนาที่ซ่อนไว้มากกว่าที่พวกเขาคิด นี่คือซีรีส์ผลงานอำนวยการสร้างของ เจ.เจ. อัมรามส์ ที่ต่อมาขึ้นแท่นผู้กำกับที่วิสัยทัศน์กว้างไกล มีผลงานหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Star Wars, Star Trek และ Mission: Impossible 3 ด้วยตัวพล็อตของ Lost ที่ชวนติดตาม เล่าสลับเหตุการณ์ทั้งอดีตของตัวละครและเรื่องราวปัจจุบันบนเกาะ ทำให้ค่อยๆเผยถึงปมเรื่อง ก่อให้เกิดทฤษฎีมากมายจากเหล่าบรรดาแฟนๆ ว่าความจริงแล้วเรื่องราวของ Lost จะเป็นอย่างไรกันแน่

 

เหล่าบรรดานักวิจารณ์ต่างยกย่องให้ Lost เป็นหนึ่งในซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดตลอดกาล รวมถึงซีรีส์ยังสามารถคว้ารางวัลจากสถาบันต่างๆได้มากกว่า 100 รางวัล รวมถึงเวทีใหญ่ๆอย่าง Emmy Awards และ Golden Globe Awards ก็สามารถชนะรางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ ในขณะเดียวกัน Lost ก็สามารถขึ้นแท่นซีรีส์ที่ได้รับคะแนนบวกสูงสุดของเว็บไซด์ IMDB ตลอดระยะเวลา 10 ปีแรกในการเปิดทำการของเว็บไซด์

 

 

Desperate Housewives

ขึ้นแท่นซีรีส์แม่บ้านที่แซ่บสุดแห่งยุค ออกอากาศทางช่อง ABC ระหว่างปี 2004-2012 ด้วยความยาวทั้งหมด 8 ซีซั่น รวมทั้งหมด 180 ตอน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระแวกถนนเวสทิเรีย เลน ในเมืองแฟร์วิว ผ่านการเล่าของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายในตอนแรก (ซึ่งเธอจบชีวิตตัวเองเพราะอะไรนั้น ก็จะเป็นปริศนาสำคัญในเรื่อง) โดยเธอจะเล่าถึงแม่บ้านทั้งหมด 4 คน ที่มีนิสัยใจคอและคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกันไป กับครอบครัวของแต่ละคน ที่ต่างก็มีเรื่องราวชวนปวดหัว มีปัญหาให้แก้สารพัด ซึ่งจุดเด่นของ Desperate Housewives คือการผสมผสานอารมณ์ตลกร้าย เสียดสีสังคม กับความเป็นหนังทริลเลอร์ลึกลับได้อย่างดี พร้อมกับการเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตามทุกๆซีซั่น ซึ่งมาพร้อมกับสถานการณ์สุดแซ่บ บทสนทนาที่ถึงพริกถึงขิง การจุดชนวนหักมุมที่คาดเดาไม่ได้

 

โดย Desperate Housewives ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของเรตติ้งและคำวิจารณ์ โดยซีรีส์สามารถชนะรางวัลจากเวทีใหญ่ๆอย่าง Emmy Awards, Golden Globes และ Screen Actor Guild Awards ตอนจากบทซีรีส์ที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างดี ทีมนักแสดงนำอย่าง เทอริ แฮตเชอร์, เฟลิซิตี้ ฮัฟฟ์แมน, มาเซีย ครอส และเอวา ลองโกเรีย ก็ล้วนได้รับคำชม และกลายเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมโดยทันที โดยเฉพาะรายหลังสุดที่มีโอกาสได้เล่นในหนังใหญ่มากมาย โดยหลังจากออกอากาศอวสานไป สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง Entertainment Weekly ได้ยกย่องให้  Desperate Housewives ขึ้นแท่น ซีรีส์คลาสสิคแห่งยุคใหม่ เป็นที่เรียบร้อย

 

 

Prison Break

พูดถึงหนังหรือซีรีส์ประเภท "แหกคุก" เรื่องแรกที่คนส่วนใหญ่ต่างนึกถึง คงหนีไม่พ้น Prison Break ซีซั่นแนวแอ็กชั่นสุดมันส์ ที่มีความยาวทั้งหมด 5 ซีซั่น  รวมทั้งหมด 90 ตอน เล่าถึงเรื่องราวของสองพี่น้องตระกูลสกอร์ฟีลด์ ลินคอล์นและไมเคิล เมื่อพี่ชายต้องโดนตัดสินโทษประหารด้วยคดีที่เขาไม่ได้ก่อ น้องชายจึงต้องวางแผนแกล้งทำเป็นติดคุก เพื่อจะทำภารกิจพาพี่ชายแหกคุกออกมาให้ได้ และเพื่อเคลียร์ชื่อเสียง พร้อมกับตามล่าหาคนร้ายตัวจริง โดยแฟนๆ ต่างเทใจให้กับซีรีส์เรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีซั่นแรก ที่มันส์ ระทึก บีบหัวใจ กับพล็อตการพยายามแหกคุกที่ยากเกินความคนดูจะคาดเดา

 

ความสำเร็จของ Prison Break ทำให้เกิดความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะชุบชีวิตซีรีส์นี้ขึ้นมาอีกครั้ง อันที่จริงแล้ว Prison Break เหมือนจะอวสานไปตั้งแต่ 4 ซีซั่น ซึ่งออกอากาศระหว่างปี 2006-2009 แต่ในที่สุดความพยายามก็สำเร็จ เมื่อมีการสร้างPrison Break 5 ออกมาอีกครั้งเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาด้วยความยาว 9 ตอนจบ เล่าเหตุการณ์หลายปีหลังจาก 4 ภาคแรก แม้ว่าจะกลับมาสร้างอีกครั้ง แต่เพราะทิ้งช่วงห่างจากตอนแรก ทำให้ความนิยมลดลงไปตามกาลเวลา จากความสำเร็จของ Prison Break ทำให้ซีรีส์ถูกต่อยอดไปในหลายรูปแบบ ทั้งหนังสือ นิยาย วีดีโอเกมส์ รวมไปถึงถูกนำไปรีเมกเป็นฉบับรัสเซียอีกด้วย 

 

 

Grey's Anatomy

 
หนึ่งในซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวในโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน และถูกสร้างอย่างต่อเนื่องมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2005 จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังคงออกอากาศตอนใหม่ๆ อยู่ ซึ่งดำเนินเรื่องมาถึงซีซั่นที่ 16 แล้ว ด้วยความยาวมากถึง 360 ตอน (ดูกันรากงอกเลยทีเดียว) เล่าเรื่องราวของกลุ่มแพทย์ฝึกหัดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซีแอตเทิ้ล โดยมีตัวละครนำในการเดินเรื่องคือ เมเรดิธ เกรย์ (ซึ่งรับบทโดย เอลเลน ปอมปิโอ) ทายาทของคุณหมอในตำนาน ซึ่งในแต่ละตอนของ Grey's Anatomy ก็จะมีเคสการรักษาที่แปลกๆ สร้างความท้าทายให้กับเหล่าบรรดาแพทย์ในโรงพยาบาลได้ทุกตอน นอกจากนี้ยังมีเส้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละคร เรื่องราวมิตรภาพ ความรัก และเซ็กซ์ โดยหลักๆจะโฟกัสที่ เมเรดิธ และคุณหมอสุดหล่อที่เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆทั้งโรงพยาบาลอย่าง เดเร็ก เชพเพิร์ด (รับบทโดย แพทริค เดมซี่ย์) 

 

ตลอดระยะเวลาในการออกอากาศอย่างยาวนาน Grey's Anatomy มักได้รับคำชมอยู่เสมอ แม้ว่าจากซีซั่นแรกๆ จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน เส้นเรื่องจะเปลี่ยนแปลงไปมาก ตัวละครแวดล้อมนางเอกแทบจะไม่เหลือคนเก่าแก่อยู่เลย แต่ซีรีส์ก็ยังคงได้รับคำชม และสื่อหลายสำนักยกให้เป็นหนึ่งใน "ปรากฏการณ์" ที่สำคัญทางโทรทัศน์ เพราะซีรีส์ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ล้วนเสื่อมความนิยมและทยอยอวสานกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น จนกระทั่งล่าสุด Grey's Anatomy กลายเป็นซีรีส์สคริปที่ออนแอร์อย่างยาวนานมากที่สุดของช่อง ABC ไปแล้ว และไม่น่าจะจบเร็วๆนี้แน่นอน เพราะล่าสุดนักแสดงนำอย่าง เอลเลน ปอมปิโอ ได้เซ็นต์สัญญาเพื่อรับบทนำในซีซั่นที่ 17 เป็นที่เรียบร้อย

 

 

Gossip Girl

 
หนึ่งในซีรีส์วัยรุ่นที่เกิดกระแสความนิยมไปมากที่สุดทั่วโลก สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน ออกอากาศทางช่อง The CW ระหว่างปี 2007-2012 รวมความยาวทั้งสิ้น 6 ซีซั่น 121 ตอน แจ้งเกิดให้กับทีมนักแสดงนำถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นสองดารานำหญิงอย่าง เบลค ไลฟลี่ย์ และเลห์ตัน มีสเตอร์ ในบทบาทของเซเรน่า และแบลร์ สองสาวไฮสคูลในสังคมคนชั้นสูง ในมหานครนิวยอร์ก ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีกลุ่มสังคมเฉพาะ จนกระทั่งการมาถึงของ แดน ฮัมฟรี่ย์ (รับบทโดย เพนน์ แบดลี่ย์) หนุ่มฐานะปานกลางจากบรู๊คลิน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเธอ ในสังคมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการหักหลัง การแก่งแย่งชิงดี และคดีลึกลับมากมาย ผ่านการเล่าเรื่องราวเชิงเม้าท์มอยซุบซิบข่าวในเว็บไซด์ Gossip Girl โดยได้ คริสเต็น เบลล์ มาบรรยายเรื่องราวทั้งหมด

 

Gossip Girl แม้จะไม่ได้เรตติ้งถล่มทลาย หรือคว้ารางวัลอะไรมากมาย แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มวัยรุ่น เกิดเป็นกระแสสังคมบ่อยครั้ง และคว้ารางวัลยอดนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ Teen Choice's Awards เป็นต้น เพลงประกอบก็ฮิตติดลมบน เช่นเดียวกับแฟชั่นในซีรีส์ ก็ถูกกล่าวขานและมีผู้คนแต่งตัวตามตัวละครเพียบ นอกจากนี้ Gossip Girl ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคใหม่ในหลากหลายประเทศรวมทั้งในไทยด้วย ซึ่งดูเหมือนว่ากระแสความนิยมของ Gossip Girl จะไม่สิ้นสุดลงอย่างง่ายๆ เพราะล่าสุด HBO ได้เตรียมนำซีรีส์ดังนี้มาสร้างใหม่ และออกอากาศให้ได้ชมกันภายในปีนี้ (ถ้าไม่เลื่อนเพราะเหตุโควิด-19 เสียก่อน)

 

 

Breaking Bad

 
ซีรีส์ทริลเลอร์ดราม่าที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ออกอากาศทางช่อง AMC ระหว่างปี 2008-2013 ด้วยความยาวทั้งหมด 5 ซีซั่น จำนวน 62 ตอน เล่าเรื่องราวสุดพิลึกของ วอลเตอร์ ไวท์ (รับบทโดย ไบรอัน แครนสตัน) อาจารย์สอนวิชาเคมีที่ประสบปัญหาชีวิตในวัยกลางคน เขาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งปอดและทางเดียวที่จะสามารถหาเงินจำนวนมหาศาลมารักษาโรคได้ คือการร่วมมือกับอดีตลูกศิษย์ขี้ยา ในการแอบตั้งโรงงานทำยาเสพติดเพื่อจำหน่ายในเมืองของเขา แต่เรื่องราวเริ่มจะบานปลาย เมื่อสมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่ ได้รับการมอบหมายให้จัดการกับคดีนี้ คดีการระบาดของยาเสพติดประเภทใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น

 

Breaking Bad ได้รับการยกย่องในวงกว้างว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล และได้รับความนิยมอย่างสูง โดยอย่างยิ่งซีซั่นที่ 4-5 หลังจาก 3 ซีซั่นแรก ถูกปล่อยให้ชมย้อนหลังใน Netflix ส่งผลให้ผู้ชมจำนวนมากหันมาสนใจในซีรีส์เรื่องนี้ โดยตอนอวสานขึ้นแท่นหนึ่งในซีรีส์ที่เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลในช่องเคเบิ้ลของอเมริกา โดย Breaking Bad คว้ารางวัลมากมายจากหลากหลายเวที ที่โดดเด่นสุดคือเวทีใหญ่อย่าง Emmy Awards ที่สามารถคว้ามาได้ถึง 16 รางวัลตลอดการออกอากาศ ซึ่งนักแสดงนำอย่าง ไบรอัน แครนสัน สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดราม่าได้มากถึง 4 ครั้ง ในขณะที่นักแสดงสมทบอย่าง แอรอน พอล ก็คว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน (จากทั้งหมด 5 ปีในการออกอากาศ) จากความสำเร็จของ Breaking Bad ทำให้เกิดซีรีส์ภาคแยกอย่าง Better Call Saul ซึ่งได้รับคำชมไม่แพ้กัน และล่าสุดถึงขั้นมีหนังภาคแยกอย่าง El Camino : A Breaking Bad Movie ซึ่งปล่อยให้ชมกันเมื่อปลายปีที่แล้วใน Netflix

 

 

Sex and the City

 

ขึ้นแท่นซีรีส์ประเภท Chick-Flick ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ออกอากาศทางช่อง HBO ระหว่างปี 1998 จนกระทั่งถึง 2004 ด้วยความยาวทั้งหมด 6 ซีซั่น จำนวน 94 ตอน เล่าถึงเรื่องราวชีวิตรักและเซ็กซ์ของแก๊ง 4 เพื่อนสาวในมหานครนิวยอร์ก โดยสมาชิก 3 คนในวัย 30 ตอนกลางและอีกคนในวัย 40 ด้วยคาแร็คเตอร์และลักษณะนิสัยของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ทำให้เรื่องราวชีวิตต้องประสบปัญหามากมายแตกต่างกันไป โดยมีศูนย์กลางที่ตัวละครของ แคร์รี่ แบรดชอว์ (รับบทโดย ซาร่าห์ เจสสิก้า ปาร์กเกอร์) สาวสังคมที่เขียนคอลัมน์ Sex and the City ลงในสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของนิวยอร์ก ซึ่งตัวเธอเองจะเป็นตัวเดินเรื่องทั้งหมดด้วย

 

Sex and the City ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของความนิยมและคำชื่นชม ซีรีส์เรีื่องนี้ถือว่าเป็น Original Series เรื่องแรกๆของช่อง HBO ซึ่งเพิ่มความนิยมให้กับช่องอย่างมหาศาล โดยนิตยสาร TIME เคยจัดให้ Sex and the City ขึ้นแท่นหนึ่งในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล ส่งผลต่อวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของสาวๆทั่วโลก จากความสำเร็จนี้ ทำให้วอร์เนอร์ฯ ตัดสินใจสร้างหนังใหญ่ของ Sex and the City ออกมาถึง 2 ภาค และประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างงดงามเช่นกัน

 

24

 
หนึ่งในซีรีส์แนวแอ็กชั่นสืบสวนสอบสวนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล ด้วยคอนเซปท์ในการเล่าเรื่องที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร โดยซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องแบบ Real Time เหตุการณ์นั้นจะถูกเล่าตามเวลาจริง ในแต่ละซีซั่นจะมีเล่าเหตุการณ์เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ดังนั้นทุกซีซั่นจะมีความยาวทั้งหมด 24 ตอน แต่ละตอนจะเล่าเหตุการณ์เพียงแค่ 60 นาที ด้วยการสมจริงนี้เอง ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่อย่างมาก โดยซีรีส์จะโฟกัสที่ตัวละคร แจ็ค บาวเออร์ (รับบทโดย คีเฟอร์ ซัทเธอร์แลนด์) เจ้าหน้าที่หน่วย CTU ที่มีหน้าที่ในการปราบผู้ก่อการร้าย โดยในแต่ละซีซั่นก็จะเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญแต่ละเคสไป อาทิ เหตุการณ์วางระเบิดในเมืองหลวง, เหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นต้น

 

24 ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยความสมจริง ความมันส์ บทซีรีส์ที่สนุกและเข้มข้น รวมถึงคาดเดาไม่ได้ด้วย (ซีรีส์มักถูกแซวเสมอว่าสมาชิกในองค์กรพระเอก มีหนอนบ่อนไส้เยอะมาก) โดย 24 ชนะรางวัลมากมายตลอดระยะเวลาการออกอากาศ อาทิ ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำในปี 2004, :ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมจากเวที Emmy Awards ในปี 2006 กลายเป็นทุกวันนี้ คอซีรีส์ยังคงติดภาพนักแสดงนำอย่าง คีเฟอร์ ซัทเธอร์แลนด์ ในบทแจ็ค บาวเออร์ จนไม่สามารถแยกเขาออกจากบทนี้ได้แล้ว

 

********************************************

ติดตามคอลัมน์ SO WATCH และ ฟังวิทยุออนไลน์ Chill Online Work hard Chill Hard ได้ที่ 
www.chillfm.fm และที่
Application : Atimeonline โหลดฟรีที่ App Store และ Play Store
Facebook : Chill FM
Instagram : chillfmfanpage
Twitter : chillfmfanpage
 
******************************************   SO WATCH
BY GOSSIPGUN

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0