โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ยิงตู่โดนแม้ว !! “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ลากกองทัพให้กู้บริษัท“อาร์ทีเอ”พันล้านไปเล่นหุ้น ** ใกล้วัน"ผึ้งแตกรัง" เมื่อ กกต. มีมติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีเงินกู้

Manager Online

เผยแพร่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 22.01 น. • MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ยิงตู่โดนแม้ว !! “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ลากกองทัพให้กู้บริษัท“อาร์ทีเอ”พันล้านไปเล่นหุ้นมาดรามา แต่คนคำนวณมิสู้สื่อเจ้ากรรมนายเวร สืบค้นข้อมูลเชิงลึกมาตีแผ่ งานนี้เลยโอละพ่อกันไป

จากที่"ธนาธร" อุตสาห์ทำหน้าที่แข็งขัน จะจับพิรุธ"งบทหาร" หลังลาออกจากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท"อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์" ว่าเป็นบริษัทที่กองทัพปล่อยกู้ 1 พันล้าน ไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ

พร้อมระบุว่า "สุดท้ายเงินหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่นล้านในกองทัพ ที่เราแทบจะตรวจสอบอะไรไม่ได้เลยนี้ ก็คือเงินภาษีที่มาจากพวกคุณ ประชาชนคนไทยทั้งนั้น เงินภาษีที่เราสามารถนำมาพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสำหรับบุตรหลานของเราทุกคน เงินภาษี ที่เราสามารถนำมาสร้างโรงพยาบาลที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน"

นั่นละ…ดรามาน่าจะบังเกิดเป็นกระแสร้อนในโลกโซเชียลฯ ตามที่ “พ่อฟ้า”เคยใช้ได้ผลมาหลายครั้ง แต่จะเพราะมุกฝืด หรือไม่ก็ผิดคิว ทุกอย่างไม่มีใครรับมุก ดูเงียบกริบ มิหนำซ้ำโดนสื่อเจ้ากรรมนายเวร "สำนักข่าวอิศรา" ที่เคยมีประเด็น "คุณถามไม่ตรงคำตอบ" มาแล้วในคดีถือหุ้นสื่อ ครั้งนี้สืบค้นข้อมูลเชิงลึกของบริษัทที่“ธนาธร”ยกมากล่าว

บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) แห่งนี้ มีตัวตนอยู่จริง จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ทำธุรกิจเข้าถือหุ้นในกิจการต่างๆ ดำเนินธุรกิจด้านกิจการสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร ปรากฏชื่อ พล.อ.กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ พล.อ.กิจพันธ์ ธัญชวนิช พล.ต.บุญญฤทธิ์ วิสมล พล.ต.สกล โชติปัทมนนท์ พล.อ.ณัฐเทพ สมคะเน พล.อ.พีรพร ศรีพันธุ์วงศ์ พล.ท.ไกรสร ศรีสุข เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2562 กองทัพบกถือหุ้นใหญ่สุด 50.0004 % มูลค่า 5,000,040 บาท

ข้อมูลล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2561 แจ้งว่า มีรายได้รวม 88 ล้านบาท รวมรายจ่าย 83.63 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.8 ล้านบาท

ตั้งแต่ ปี 2554 - ปัจจุบัน บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน สำนักงานเลขานุการกองทัพบก และหน่วยงานในสังกัดกทม. จำนวน 17 สัญญา รวมวงเงินกว่า 528 ล้านบาท

ว่ากันว่า ในช่วงปี 2547 ยุคสมัย"รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร" บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เคยปรากฏชื่อถูกคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากกรณีปัญหาการโอนการบริหารเวลาการออกอากาศ และผังรายการของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ให้กับ บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยมีเอกชนเข้าร่วมถือหุ้นด้วย เพื่อดำเนินการนำสถานีโทรทัศน์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากมีการท้วงติงว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ทำให้รัฐเสียประโยชน์ และเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบงบการเงิน บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลเกี่ยวกับที่มา เงินกู้ยืมระยะยาว 1,236.8 ล้านบาท ว่า เป็นเงินที่ บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กู้ยืมมาจากกองทัพบก ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก โดยได้รับมอบหมายจาก “ผู้บัญชาการทหารบก”ในฐานะผู้ให้กู้

โดยข้อมูลงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 ซึ่งเป็นงบการเงินปีแรก ที่จัดส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับทราบ หลังจากบริษัทแห่งนี้ ยังใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ททบ.5 จำกัด แปรสภาพบริษัทเป็น มหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.46 ระบุรายละเอียดเรื่องเงินกู้ยืมระยะยาวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัน ว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 และ 45 ได้เงินกู้ยืมจากกองทัพบก โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก โดยผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ผู้ได้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก และทำการโดยได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ให้กู้) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัท ในปี 45 รวมวงเงินทั้งหมด 1,400 ล้านบาท

เงินกู้แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรก วงเงิน 32.5 ล้านบาท และก้อนสองวงเงิน 1,367.7ล้านบาท… แต่ในปี 46 เงินกู้ก้อนสอง ปรับลดลงไป 80 ล้านบาท เหลือ 1,287.7 ล้านบาท ทำให้ยอดวงเงินกู้ทั้งสองก้อนเหลืออยู่ 1,320 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทฯได้แจ้งข้อมูลในส่วนเงินให้กู้ยืมระยะยาวว่า บริษัทฯ ได้ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กู้ยืมไปเป็นจำนวน 1,536 .29 ล้านบาท พร้อมระบุว่า ยอดเงินกู้ ทั้งเงินกู้ยืมระยะยาวกับเงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัทฯ และ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ได้ทำสัญญาเพื่อหักกลบลบหนี้ระหว่างกันด้วย

ขณะที่ ในรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 62 ณ วันที่ 30 เม.ย.62 บริษัทฯ ระบุข้อมูลเรื่องการกู้ยืมเงินจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,615 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 41 ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 61 บริษัทฯ มียอดค้างชำระจำนวน 111 ล้านบาท จึงได้ชำระเงินให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เต็มจำนวนไปเมื่อ วันที่ 31 พ.ค. 61 บริษัทฯจึงได้หมดภาระหนี้สินกับธนาคารทหารไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรียกว่า ชัดเจนกว่า"ธนาธร" เอกสารหลักฐานทางราชการอ้างอิงได้ ความน่าเชื่อถือระหว่างที่ธนาธร นำมาเปิดเผย และสำนักข่าวอิศรา สืบค้น ย่อมเป็นที่เข้าใจกัน จะเลือกเชื่อใครก็เชิญทัศนากันไป

ที่แน่ๆ เจตนาของ "พ่อฟ้า" ต้องการดิสเครดิตกองทัพ กระทบชิ่งแค้นฝังหุ่น ให้เรื่องงบทหารดูลึกลับดำมืด และประดิษฐ์วาทกรรม เอาเงินภาษีของประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำ สร้าง“ความเกลียดชัง”ให้เกิดกับรัฐบาลทหาร ที่นำโดย "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่คนคำนวณมิสู้ความจริงจากข้อมูลที่ปรากฏดังว่า

ที่สำคัญ"พ่อฟ้า" คงลืมไปว่า ผบ.ทบ. ณ 31 ธ.ค.45 ชื่อ "พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์" ณวันที่ 31 ธ.ค.46 ชื่อ "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" และนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร"

งานนี้ เรียกว่า ยิงตู่ กลับโดนแม้ว เต็มๆ

** ใกล้วัน"ผึ้งแตกรัง" เมื่อ กกต. มีมติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีเงินกู้ ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรค อาจเจอ "ใบดำ" ถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี แบบมีโทษอาญาพ่วง

ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีมติด้วยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 เสียง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบ "พรรคอนาคตใหม่" จากกรณีพรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินจาก "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค เป็นจำนวนเงิน 191 ล้านบาท

ข้อกฎหมายที่ กกต.ยกขึ้นมาพิจารณากับกรณีนี้ คือ "มาตรา 62" ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมือง กู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจการของพรรคได้ … และ"มาตรา 66" ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดให้นิติบุคคลสามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น

ดังนั้น เงินจำนวน 191 ล้านบาท ที่พรรคกู้มาจาก "ธนาธร" นั้นจึงไม่ใช่ "เงินบริจาค" แต่ไปเข้าลักษณะ "การรับประโยชน์อื่นใด" ตามมาตรา 72 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดว่า…ห้ามพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้ หรือควรรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ จึงเข้าข่าย "ความผิด" ที่ กกต.จะต้องยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92(3) และ มีโทษเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คณะกรรมการบริหารพรรค หรือแจก "ใบดำ" … โดยโทษดังกล่าวตามกฎหมาย ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ…

หากเทียบเคียงกับกรณีก่อนหน้านี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัย ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตาม มาตราเดียวกันนี้ กรรมการบริหารพรรค ก็โดนตัดสิทธิกันไป คนละ 10 ปี

นอกจากนี้ โทษของผู้ฝ่าฝืน มาตรา 72 ที่กำหนดใน มาตรา 126 ว่า … ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

พิจารณาจากข้อกฎหมาย และบทลงโทษ ที่ กกต. ยกมานี้ ถือว่าพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารพรรคอยู่ในขั้นโคม่า !!

หลังกกต.มีมติดังกล่าว "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ออกอาการ”เป็นฟืนเป็นไฟ” ตอบโต้ กกต. อย่างดุเดือด ว่าเป็นองค์กรที่ยอมเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง เป็นวันอัปยศ… การยกเอา มาตรา 72 เรื่องรับเงินที่ได้มาโดยมิชอบ มาเป็นความผิดนั้น อยากถามว่า เงินที่ได้มาจากการกู้หัวหน้าพรรค ไม่ชอบด้วยกฎหมายตรงไหน …

…ขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนคนไทย และสังคมไทย อย่ายอมให้การยุบพรรค ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ กลายเป็นเรื่องปกติ… อย่ายอมให้กระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการใช้ประหัตประหารกำจัดศัตรูทางการเมือง…อย่าปล่อยให้กระบวนการนิติสงครามเดินหน้าต่อไปได้…พรรคจะต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ …

ขณะที่ทวิตเตอร์ของพรรค ทวีตข้อความติดแฮชแท็กว่า… "# อนาคตใหม่ # กลัวที่ไหน"

อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย แล้วเห็นไปในทางเดียวกับที่ กกต. ยื่นคำร้องมา ชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ คือ "ยุบพรรค" และกรรมการบริหารพรรค นอกจากถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วยังมีโทษ "จำคุกไม่เกิน 3 ปี" ด้วย

สำหรับกรรมการบริหารพรรค ที่ทำหน้าที่อยู่ในช่วงที่มีการกู้เงินนั้น มี 16 คน คือ 1. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2. นายปิยบุตร แสงกนกกุล 3. น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ 4. นายชำนาญ จันทร์เรือง 5. พล.ท.พงศกร รอดชมภู 6. นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร 7. น.ส.พรรณิการ์ วานิช 8. นายไกลก้อง ไวทยการ 9. นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ 10. นายสุนทร บุญยอด 11. นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ 12. นายสุรชัย ศรีสารคาม 13. นายเจนวิทย์ ไกรสิงห์ 14 . นายชัน ภักดีศิริ 15 . น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ 16 .นายนิรามาน สุไลมาน ( ปัจจุบันลาออก)

ใน 16 คนนี้ ปรากฏว่าเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 11 คน … และหาก 11 คนนี้ เจอ "ใบดำ" พรรคถูกยุบ ก็จะไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะเลื่อนขึ้นมา … พรรคอนาคตใหม่ ที่ปัจจุบันมี ส.ส. 81 คน เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ 51 คน ส.ส.เขต 30 คน ก็จะเหลือ ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 40 คน ส.ส.เขต 30 คนรวมเป็น 70 คน และ 70 คนนี้ ก็จะเป็น "ผึ้งแตกรัง" ต้องหาพรรคการเมืองสังกัดใหม่ให้ได้ภายใน 60 วัน นับจากศาลฯสั่งยุบพรรค

แน่นอนว่าต้องมี ส.ส.ไปซบในฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย จะมากหรือน้อย เท่านั้นเอง !!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0