ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน บ้านเรามีรายการโทรทัศน์ที่ฮอตฮิตเป็นที่จดจำอยู่หลายรายการ แต่ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนสมัยนั้นเอามาก ๆ มีอยู่ไม่กี่รายการ ซึ่งถ้าใครยังคิดถึงและจำรายการทีวีเหล่านี้ได้ดี แปลว่าคุณอยู่ในช่วงสำคัญของวงการโทรทัศน์ไทยเลยทีเดียว
เชื่อว่าหลายคนเกิดไม่ทันดูรายการ “ไอคิว 180” รายการตอบคำถามสำหรับเยาวชน ที่ออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่ปี 2525 รายการที่ทำให้คนดูอย่างเราต้องตกใจกับตัวเลข 6 ตัวที่เป็นโจทย์ให้นักเรียนใส่สูตรทางคณิตศาสตร์เพื่อให้คำตอบใกล้เคียงกับโจทย์ที่ตั้งไว้ แต่ละคนใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที เรียกว่าเป็นรายการตอบคำถามสัญชาติไทยแท้ที่ทำให้คนทั้งโลกทึ่งในความสามารถของเด็กไทยในเวลานั้นกันเลยทีเดียว
อีกรายการที่ผลักดันให้เยาวชนกล้าแสดงออกอย่างเต็มที่ก็คือรายการ “โต้คารมมัธยมศึกษา” รายการโต้คำรมสำหรับเยาวชนที่รวมกันมาเป็นทีมเพื่อวิพากษ์ประเด็นในแต่ละญัตติอย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งรายการนี้สร้างนักพูดเยาวชนที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันหลายคน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (นักการเมือง), อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด (นักการเมือง), เสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ (พิธีกร นักแสดง), ทุเรียน สุพจน์ พงษ์พรรณเจริญ (พิธีกร นักแสดง)
รายการที่ทำให้ดูทีวีเคล้าน้ำตามากที่สุด ต้องยกให้รายการ “ฝันที่เป็นจริง” ที่หยิบเอาชีวิตจริงของคนในสังคมที่พบเจอกับความยากลำบากแต่กลับไม่เคยย่อท้อ และพร้อมลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น โดยรายการได้นำชีวิตจริงของบุคคลเหล่านั้นมาสร้างเป็นละคร พร้อมทอล์คโชว์พูดคุยกับเจ้าของเรื่องราว ปิดท้ายด้วยการมอบของขวัญชิ้นโต ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นรถเข็น เพื่อให้เจ้าของเรื่องนำไปประกอบอาชีพ
“อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน” เพลงดังยอดฮิตของเด็ก ๆ สมัยเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว เด็กคนไหนร้องเพลงไม่ได้และไม่ได้ดูรายการ “เจ้าขุนทอง” ก่อนไปโรงเรียนถือว่าเชยมาก รายการตุ๊กตาหุ่นมือที่ทำเอาเด็กทั้งประเทศติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ด้วยตัวละครหลัก “ขุนทอง” “ขอนลอย” “ฉงน” “ฉงาย” “ป้าไก่” ที่มารวมตัวกันให้ความรู้ด้านภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และความรู้ทางจริยธรรมสอนเด็กไปด้วย
ยุคหนึ่งเกมตอบคำถามโด่งดังอย่างมาในบ้านเรา โดยเฉพาะรายการ “เกมเศรษฐี” เกมที่ทำให้คุณเป็นเศรษฐีได้ใน 16 คำถาม พร้อม 3 ตัวช่วยที่จะทำให้ได้รางวัล 1 ล้านบาท ซึ่งถ้าตอบผิด เกมจะจบลงทันที ยุคนั้นต้องบอกว่าเป็นเกมที่ผู้ชมชื่นชอบมาก เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านได้เข้าร่วมรายการแล้ว ยังเป็นรายการที่ได้ความรู้ ตื่นเต้น แถมเงินรางวัลยังสูงที่สุดในยุคนั้นด้วย
ต้นแบบรายการเล่าเรื่องผี “ชมรมขนหัวลุก” ทอล์คโชว์เขย่าขวัญที่ให้แขกรับเชิญมาผลัดกันเล่าประสบการณ์การพบเจอเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติที่ทำเอาขนลุกกันทั้งประเทศ บางเรื่องถึงกับเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ที่หลายคนพากันไปพิสูจน์สถานที่จริงกันเลยทีเดียว สมัยนั้นต้องบอกเลยว่า “ชมรมขนหัวลุก” ประสบความความสำเร็จมาก ๆ
ถ้าพูดถึงเกมโชว์ที่เกี่ยวกับเพลง ยุคนั้นคงนึกออกแค่ Jukebox Game (จู๊กบ็อกซ์เกม) เท่านั้น โดยเฉพาะพิธีกรอย่าง “ไก่ สมพล” และ “ตุ๊ก ญาณี” ที่ทำให้รายการเพลงกลายเป็นรายการสายฮาไปซะเลย แต่สิ่งที่ทำให้คนดูชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือการฟังเพลงเพื่อทายชื่อเพลงและทายชื่อศิลปิน ซึ่งเหมือนได้ร่วมแข่งขันไปด้วย
“คุณ..คือจุดอ่อน” คีย์เวิร์ดสำคัญของรายการ “กำจัดจุดอ่อน The Weakest Link Thailand” ทำให้คนทั้งประเทศอยากรู้จักพิธีกรอย่าง “ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์” กันทั้งนั้น ด้วยความดุดันของเจ้าตัว และการตอบคำถามในแต่ละรอบเพื่อสะสมเงินรางวัล บวกกับการลงคะแนนเพื่อ “กำจัดจุดอ่อน” ออกไปจากเกม ทำให้รายการได้รับความนิยมอย่างมาก
ข้ามฟากมาที่รายการจากต่างประเทศที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอย่าง “โหดมันฮา Takeshi's Castle” เวอร์ชั่นประเทศญี่ปุ่น รายการเกมโชว์ผจญภัยที่ให้คนทางบ้านเข้ามาบุกยึดปราสาทผ่านด่านต่าง ๆ เพื่อชิงรางวัล 1 ล้านเยน โดยด่านต่าง ๆ มีทั้งความโหด ความมัน และความฮา ทำเอาคนไทยติดรายการนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง
ปิดท้ายด้วยรายการสัญชาติญี่ปุ่นที่คนไทยชื่นชอบกันเป็นพิเศษ “ทีวีแชมป์เปี้ยน” รายการแข่งขันเพื่อตามหาสุดยอดฝีมือในด้านต่าง ๆ เช่น การจัดดอกไม้ การทำอาหาร การใช้มีด การสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ การกินจุ ฯลฯ เรียกว่าเป็นรายการที่อยู่ในใจคนไทยจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว
