สายสืบสุขภาพ สัปดาห์นี้มีข่าวดีเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมมาฝากค่ะ เพราะมีข้อมูลจากนายแพทย์ชาวอเมริกันที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมีความหวังมากขึ้น ในการป้องกันการเกิด*มะเร็งเต้านม *
นายแพทย์เคน ดี เบอรี่ กล่าวถึงโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดที่ว่าอัตราการเป็นโรคอยู่ที่1 ต่อ 8 คน ซึ่งปัจจัยบางอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ในอายุที่มากขึ้น,ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย, ฮอร์โมน คือ กรณีเป็นประจำเดือนเร็ว-หมดประจำเดือนช้าก็มีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น และกรรมพันธุ์ที่หากในครอบครัวมีแม่หรือพี่สาวน้องสาวเป็นมะเร็งเต้านม จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากถึง 25-50 เปอร์เซ็นต์
แต่คุณหมอเคน บอกว่า ไม่ใช่ว่าเรามีความเสี่ยงแล้วจะทำให้เราป้องกันไม่ได้หรือลดความเสี่ยงไม่ได้ เพราะในความจริงแล้วยังมีกรณีพันธุศาสตร์เหนือพันธุกรรมที่เราสามารถทำให้โอกาสที่จะเป็นลดลงได้ มีข้อแนะนำ12ข้อ ดังต่อไปนี้
1.ไม่กินน้ำตาล เพราะมีผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่าน้ำตาลเป็นอาหารของเซลล์มะเร็ง
2.ไม่กินแป้ง เพราะแป้งก็ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแล้วเป็นอาหารมะเร็งอยู่ดี
3.ไม่กินน้ำมันพืชแปรรูป เพราะร่างกายต้องการใช้ไขมันจากธรรมชาติที่ๆม่ผ่านกระบวนการมากกว่า
4.ไม่สูบบุหรี่
5.ให้อดอาหารเป็นช่วงเวลาหรือทำIF Intermittent Fasting ที่จะช่วยลดปริมาณอินซูลิน น้ำตาล และมีกระบวนการทำลายเซลล์ไม่ดีเกิดขึ้นระหว่าทำ IF
6.ข้อนี้ฟังแล้วอาจแปลกใจ แต่หมอเคนบอกว่ามีผลศึกษาในเรื่องนี้ออกมาจริงๆ ว่าให้มีลุกก่อนอายุ 30 ปี จะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ ส่วนการมีลูกหลังอายุ 30 ปี อาจเสี่ยงขึ้นเล็กน้อยในการเป็นโรคนี้
7.การให้นมลูก ควรให้นมลูกให้บ่อยและนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
8.ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มไม่เกิน1/4ออนซ์ต่อวัน
9.หลีกเลี่ยงการกินฮอร์โมนสังเคราะห์ เช่น เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน
10.ไม่ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก เพราะพลาสติกมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสังเคราะห์ที่ทำให้เป็นมะเร็งเต้านมได้
11.ให้ขยับร่างกายบ่อยๆ ไม่ควรมีพฤติกรรมเนือย นิ่ง นาน
12.ลดความอ้วน เพราะเป็นการเกิดโรคอ้วนและเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม
นอกจากนี้คุณหมอยังเห็นว่า การทำแมมโมแกรม เอ็มอาร์ไอ หรือการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ไม่ใช่การป้องกันการเกิดโรค แต่เป็นการจับสัญญาณการเกิดโรค ถ้าเจอเร็ว รักษาเร็ว ก็มีโอกาสรักษาหายเร็ว ส่วนการป้องกันตามที่ระบุข้างต้นเป็นการสกัดโอกาสที่จะเป็นโรคร้ายนี้มากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจากนพ.เคน ดี เบอรี่
สายสืบสุขภาพ : ศศิวรรณ์ เลิศวิริยะประภา