โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

มหากาพย์ 11 ไอเท็มลงรองพื้น ... ใช้อันไหนให้หน้าเป๊ะ?

Jeban.com

เผยแพร่ 22 เม.ย. 2560 เวลา 17.01 น. • aimmellow

ผิวสวยแบบ FULL HD ถ้าเลือกใช้แปรงให้ดี ใครก็มีได้นะเอ๊ออออ
นอกจากหน้าเป๊ะแล้วยังประหยัดเวลาเว่อออร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องซื้อแปรงแพงๆ อย่างเดียวนะจ๊ะ เพราะแค่เลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะกับรองพื้นตัวโปรด ผิวก็สวยจะแย่และ ฮี่ๆๆ
Jeban's Lab วันนี้ เอมเลยรวมอุปกรณ์ลงรองพื้น 10 กว่าแบบ มาให้สาวๆ ดูกันว่า แบบไหนใช้แล้วเป็นยังไง อันไหนลงได้ไว เหมาะกับรองพื้นแบบไหน ถ้าใครกำลังมองหาอยู่ ตามมาลองดูจ้า

หัวข้อในการเทสต์เอมได้ลองใช้แปรงแบบต่างๆ มาเป็นเวลาสักพักหนึ่ง กับรองพื้น 2 เนื้อยอดนิยมที่สาวๆ ใช้กัน คือแบบเบาบางเกลี่ยง่าย และแบบหนาหนักเกลี่ยยาก เดี๋ยวจะบอกว่า ความรู้สึกเป็นยังไง ประหยัดเวลามั้ย แล้วใช้กับรองพื้นแบบไหนถึงจะดี พร้อมปาดให้ดูบนแผ่นใสเพื่อให้เห็นภาพเปรียบเทียบ กันนิดนึงค่า

รองพื้น 2 ตัวที่เลือกมาเป็นตัวแทนของรองพื้นแบบเบาบางเกลี่ยง่าย กับแบบหนาหนักเกลี่ยยากจ้าาา

และนี่คือแปรงลงรองพื้นทั้งหมดที่พอจะรวมมาได้ใน Jeban's LAB นี้ ……โว้วววววววว มันเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย 55555 ทำเองช็อคเองเหมือนกัน ชีวิตชั้นมันไม่ง๊ายยยยยย 5555  
อาจจะไม่ได้ครบทุกแบบที่มีในโลก แต่เอมรวมแบบที่มักใช้กันเป็นประจำมาให้น้าาา

รวม 11 อุปกรณ์ลงรองพื้นที่ใช้ใน Jeban's LAB นี้จ้าาา

แบบที่ 1 : แปรงคาบูกิปลายเฉียงAngled Kabuki Brush
แบรนด์ : Esprique
ขึ้นชื่อว่า "แปรงคาบูกิ" ไม่ว่าจะหน้าตาหรือขนาดเท่าไหนก็จำไว้ว่าขนจะแน่นๆ ตัวนี้ที่หยิบมาเป็นแบบ Angled ปลายตัดเฉียง ทำให้เข้าตามซอกหน้าดี๊ดี ใช้ง่าย เก็บรายละเอียดเริ่ดดดด จับถนัดมือดีจริงๆ

Angled Kabuki Brush : รองพื้นเนื้อไหนก็ใช้เริ่ดดด นัว ไม่เกิน 2 นาทีเกลี่ยทั่วหน้าจบปิ๊งงง แต่ถ้ารองพื้นหนา สังเกตว่าตรงขอบๆ จะมีจุดที่ดูเข้ม นั่นคือถ้าเกลี่ยช้าไม่ทันมันแห้งก็อาจจะทำให้หนาได้ ต้องค่อยๆ แต้มทีละจุดแล้วรีบเกลี่ยเลย

วิธีการใช้ Angled Kabuki Brush : ส่วนใหญ่แปรงคาบูกิจะใช้วิธีวนเป็นวงกลม หรือที่เรียกว่า "Buff" ก็จะช่วยเกลี่ยรองพื้นให้เนียนบางเป็นผิวได้ดี แต่จะใช้การปาดช่วยกระจายรองพื้นไปให้ทั่วหน้าก็ได้จ้า
+ ข้อดี : ใช้ได้ทั้งกับรองพื้นเนื้อบางและหนา ประหยัดเวลาสุดๆ กระจายตัวรองพื้นได้ไว รองพื้นหนาก็ไม่เป็นคราบ สำหรับรองพื้นบางเกลี่ยแล้วบางเป็นผิวมากกกกกกกๆๆๆๆ เหมาะสำหรับคนชอบผิวๆ ใสๆ (แต่เหมือนจะแอบกินรองพื้นนิดๆ) มือใหม่ใช้ได้ ไม่พลาด
- ข้อเสีย : บางแบรนด์ที่ใส่ขนมาไม่แน่นมากก็จะเกลี่ยรองพื้นหนาๆ ได้ไม่ค่อยดี อาจจะเป็นคราบได้ หรือถ้ารองพื้นข้นที่มาก แห้งไว ถ้าไม่เกลี่ยให้ไวก็อาจจะทำให้หน้าหนาเตอะได้ค่ะ

แบบที่ 2 : แปรงหัวกลม / Round Top Brush
แบรนด์ : It Cosmetics Brush
หัวแปรงกลม แบบมนๆ แต่ตัวนี้ที่หยิบมาเป็นแบบขนไม่ค่อยแน่นมาก หัวมนทำให้เกลี่ยรองพื้นเข้าซอกต่างๆ บนหน้าได้ดี แต่ต้องดูไซส์ให้เหมาะกับหน้าตัวเองนะ เพราะถ้าเล็กมันก็จะใช้นานกว่าจะลงเต็มทั้งหน้า แต่ถ้าใหญ่มันจะเข้าตามซอกเล็กๆ เก็บดีเทลไม่ได้จ้า

แปรงหัวกลม Round Top Brush : เหมาะกับรองพื้นเหลวๆ ถ้ารองพื้นหนาจะกระจายไม่ทันมันแห้งก่อน หน้าจะดูหนาเตอะ แล้วอาจจะหนาเป็นจุดๆ ลองซูมรูปดูค่า

วิธีการใช้ Round Top Brush : ส่วนใหญ่มักจะลงแบบวนๆ เป็นวงกลมไปทั่วหน้า แต่อาจจะใช้วิธีปาดเพื่อกระจายเนื้อรองพื้นก่อนก็ได้จ้า
+ ข้อดี : เกลี่ยรองพื้นเหลวๆ ได้ดีมากกก ไว นัว เนียน บางเบาเป็นผิวสุดๆ ไม่ถึง 1 นาทีก็ลงทั้งหน้าได้ ถ้าไม่ได้ต้องการความเนี้ยบอะไรเป็นพิเศษ
- ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับรองพื้นเนื้อหนาๆ ที่แห้งไว เพราะว่าขนแปรงมันไม่แน่น กระจายรองพื้นหนาได้ไม่ดี เกลี่ยไม่ทันก่อนมันแห้ง ซึ่งจะทำให้หน้าดูหนาเตอะ ยิ่งถ้าลงไม่เก่งมันก็จะหนาๆ บางๆ ไม่สม่ำเสมอ อาจมีความโป๊ะได้ 5555 แบบแต้มรองพื้น 5 จุดแล้วลงนี่พังแน่นอนนนนนนนน
*** ใช้ได้ทั้งรองพื้นบางและหนา แต่ถ้าขนไม่แน่นมากใช้กับรองพื้นบางๆ ดีกว่า ถ้าขนแน่น ใช้กับหนาได้ ***

แบบที่ 3 : แปรงลงรองพื้นแบบแบน
แบรนด์ : Hakuhodo
เป็นแปรงแบนๆ เหมือนแปรงทาสีบ้าน สร้างมาเพื่อการ เกลี่ย ปาด ให้เนียนสวย

วิธีการใช้แปรงแบน : ใช้ลงรองพื้นด้วยการปาดและเกลี่ย
+ ข้อดี : หัวแปรงแบน เกลี่ยรองพื้นบางๆ ได้ดี ได้งานผิวที่ไม่บางจนเกินไป ตรงหัวแปรงซอกซอนตามปีกจมูก ใต้ตาได้ หรือการลงรองพื้นซ้ำในบางจุดเพื่อย้ำการปกปิด หัวแปรงก็แทรกไปเกลี่ยได้ดี
- ข้อเสีย : ใช้เวลากว่าจะเกลี่ยเสร็จ เพราะต้องค่อยๆ ปาดไล่ไป มันเร่งไม่ได้มาก, ไม่เหมาะกับรองพื้นเนื้อหนาๆ มันเกลี่ยไม่ไป ทำให้ดูหนามากกกกก ไม่สม่ำเสมอ เป็นเส้นๆ ถ้าใช้รองพื้นหนากับแปรงแบบนี้ ห้ามแต้ม 5 จุดเลย เกลี่ยไม่ทัน และที่สำคัญสุด มันเปลืองรองพื้น!!! 55555
*** เหมาะกับรองพื้นบางๆ มากกว่าหนา ***

แบบที่ 4 : Duo Fibre Square Brush
แบรนด์ : M.A.C 197 SH (ไซส์พกพา)
เป็นแปรงแบนๆ เหมือนแปรงทาสีบ้าน แต่ว่าเป็นขนแบบ Duo Fibre ไม่แน่น ฟีลเหมือน Stippling Brush รูปสี่เหลี่ยม  แต่รู้สึกว่ารุ่นนี้ที่หยิบมาขนร่วงง่ายจัง น่าจะเป็นเพราะมันเป็นไซส์พกพา ประสิทธิภาพเลยไม่เต็มที่แบบของจริงเท่าไหร่

Square Brush : ขนไม่ค่อยแน่นทำให้กระจายรองพื้นหนาๆ ไม่ได้ ใช้แล้วจะยิ่งดูหนา เป็นเส้นๆ แต่เกลี่ยรองพื้นบางได้ดี ได้งานผิวเบาบาง กระจายได้เยอะ

วิธีการใช้แปรง Square Brush : ใช้วิธีการปาด เพราะแปรงมันแบนๆ เหมาะกับการเกลี่ยไปมาอยู่แล้ว
+ ข้อดี : เกลี่ยรองพื้นเหลวๆ ได้ค่อนข้างดี กระจายตัวได้เยอะ ทำให้ได้ลุคงานผิวบางเบามากกก ยิ่งใช้ลงคุชชั่นยิ่งผิวไปใหญ่เลย
- ข้อเสีย : ไม่ว่ารองพื้นบางหรือหนา ถ้าแห้งช้า รู้สึกว่าแปรงนี้เกลี่ยยาก มันจะเป็นเส้นๆ ต้องรอให้เกือบแห้งนิดนึงแล้วค่อยเกลี่ย เสียเวลา!!!, เกลี่ยรองพื้นเนื้อหนาค่อยดี ขนมันไม่แน่นทำให้กระจายเนื้อรองพื้นไม่ได้ + เป็นคราบเส้นชัด รองพื้นหนาจับใจ
*** เหมาะกับรองพื้นบางๆ หรือคุชชั่น จะได้งานผิวมากกกก ไม่ควรใช้กับรองพื้นหนา ***

แบบที่ 5 : Oval Brush
แบรนด์ : Tokyo Brush
มีความละม้ายคล้ายแปรงหวีผม 5555 ขนจะอัดแน่นมากกกกก จริงๆ มีหลายไซส์ แต่ตัวนี้เป็นเหมือนไซส์ Original ที่เค้าขายอยู่ จริงๆ ใช้ลงรองพื้น บลัช คอนทัวร์ คอนซีลเลอร์ได้หมดเลย เหมาะกับพวกที่เป็นเนื้อข้นๆ ครีมๆ มากค่า

Oval Brush : ขนแน่นสะใจ จริงๆ มีหลายไซส์ เกลี่ยอะไรก็ได้ลุค Super บ๊างบางงง ใครมีรองพื้นที่รู้สึกว่าหนามากกกก ตัวนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ดีเยี่ยม ลงได้เนียนติดผิวมากค่า

วิธีการใช้แปรง Oval Brush : ตัวนี้มันเล็กหน่อยเลยรู้สึกว่าเหมาะกับการปาดมากกว่าการ Buff ไม่งั้นจะใช้เวลานาน

+ ข้อดี : กระจายเนื้อรองพื้นได้ดีมากกกก ไม่ว่าจะใช้รองพื้นแบบไหนก็จะได้ลุคที่ดูบางเบากว่าอุปกรณ์อื่นๆ โดยเฉพาะกับรองพื้นหนาๆ นี่เหมาะมาก เพราะขนแปรงที่อัดแน่นสุดๆ มันทำให้รองพื้นข้นๆ กระจายได้ดี เนียน พอเป็นไซส์เล็กเท่านี้มันก็เข้าตามร่องจมูก ใต้ตาได้ดี รู้สึกว่ารองพื้นมันกริบติดผิวกว่าปกติ
- ข้อเสีย : ถ้ารองพื้นเหลวมากๆ รู้สึกว่ามึนซึมเข้าแปรงประมาณนึงเหมือนกัน แต่ถ้ารองพื้นข้นๆ หนาๆ จะซึมไม่เท่าไหร่

*** เหมาะกับรองพื้นหนาเป็นพิเศษ จะทำให้ดูบางขึ้นเยอะ แต่รองพื้นบางๆ ก็ใช้ได้ ***

แบบที่ 6 : Stippling Brush / แปรงสกังค์
แบรนด์ : Brush Too
Stippling Brush เป็นชื่อที่ได้ยินกันบ่อย มันมาจากคำว่า "Stipple" ที่แปลว่าจุดๆ แต้มๆ น่าจะมาจากหัวแปรงที่มันแหลมๆ เป็นจุดๆ  แต่บางคนก็เรียกแปรงสกังค์เพราะขนมันเหมือนหางสกังค์มั้ง 555  หัวจะค่อนข้างใหญ่ แปรงแบบนี้จริงๆ มีทั้งแบบหัวตัดตรงและตัดเฉียง ผลเหมือนกันแหละ แต่แค่หัวเฉียงมันจะใช้ง่ายกว่าหน่อย ซอกซอนหน้าได้ดีกว่า ก็เลือกใช้ตามชอบได้เลยจ้า

Stippling Brush : เกลี่ยรองพื้นเหลวๆ ได้นัวสะใจ แถมไวแบบกระพริบตาทีเดียวก็เสร็จ!!! 5555 แต่ถ้ารองพื้นหนาไม่แนะนำเลย เพราะเกลี่ยไม่ไป หนาโบกปูนแน่นอนนาจา

วิธีการใช้แปรง Stippling Brush : อาจจะใช้การปาดในการกระจายรองพื้นก่อนตอนแรก แล้วค่อยใช้วนเป็น motion กลมๆ เพื่อเกลี่ยรองพื้นให้เนียน

+ ข้อดี : อย่างที่บอกไปว่าขนมันไม่แน่น แหลมเป็นกระจุกๆ และหัวใหญ่ เลยทำให้กระจายรองพื้นเหลวๆ ได้ดี บางเบา และ ไว มากกกกก ประหยัดเวลาที่สุดใน 200 โลก ใครชอบงานผิวเบาๆ + ขี้เกียจนะ อันนี้ดีงาม 5555 มือใหม่ใช้ได้เลย สกิลไม่ต้องมี
- ข้อเสีย : ก็เหมือนแปรงที่ขนบางๆ ตัวอื่น คือ กระจายรองพื้นหนาๆ ที่แห้งไวไม่ค่อยได้ มันเกลี่ยไม่ไป รองพื้นจะกองหนาเตอะอยู่บนหน้าเราตามจุดที่แต้มลงไป ดีไม่ดีเป็นเส้นๆ ตามขนแหลมๆ ของมันด้วย
*** ไม่เหมาะกับรองพื้นหนา แต่ใช้กับรองพื้นบางดีมากกก ผิวสุดๆ ประหยัดเวลา ใช้ง่ายมาก ***

แบบที่ 7 : Round Kabuki Brush
แบรนด์ : Marc Jacobs The Face III
ตัวนี้ก็เป็นแปรงคาบูกิแต่แบบหัวมน ขนแน่นสะใจ ขนาดใหญ่นิดนึง นับเป็นอีกหนึ่งเมพแห่งการ Buff แถมจับถนัดมืออีกต่างหาก

Round Kabuki Brush : รองพื้นหนาๆ ต้องสยบ มัน Buff ได้แบบเนียนบางมากกก กระจายรองพื้นหนาๆ ได้ดีเป็นที่สุด อยากให้บางแค่ไหนก็วนเข้าไป แต่ถ้าใช้รองพื้นบางจะได้งานบ๊างบาง ส่วนนึงเพราะมันซึมเข้าแปรงจ้า

วิธีการใช้แปรง Round Kabuki Brush : อย่างที่บอกว่าคาบูกิเหมาะกับการ Buff ตัวนี้ใช้การ Buff หมุนวนเป็นวงกลมลงไปบนผิวให้ทั่วใบหน้า จะช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ดี + รองพื้นติดผิว
+ ข้อดี : ตัวนี้ขนแน่นสะใจมากกก ทำให้กระจายรองพื้นหนาๆ ให้ดูบางได้ทันตา นัว เนียน สมใจในเวลาแค่แปปเดียว 
- ข้อเสีย : จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเป็นข้อเสียซะทีเดียว แต่เนื่องจากว่าตัวนี้เกลี่ยรองพื้นบางๆ ได้บ๊างงบาง แต่ถ้าเทียบเวลาแล้ว ขนแปรงที่หนาทำให้มันใช้เวลานานกว่า + รองพื้นบางส่วนอาจซึมเข้าแปรงด้วย เอมเลยรู้สึกว่าถ้าชอบรองพื้นเหลวๆ ไม่ต้องถึงกับใช้ตัวนี้ก็ได้ค่ะ
*** เหมาะมากสำหรับรองพื้นหนาๆ เกลี่ยให้บางได้ในพริบตา แต่ถ้าใช้รองพื้นเหลวๆ มันไม่จำเป็น ***

แบบที่ 8 : ฟองน้ำไข่
แบรนด์ : Beauty Blender
อภินิหาร Beauty Blender มันสารพัดประโยชน์มากๆ ไม่ว่าจะเกลี่ยให้บางเป็นผิวหรือแท็บเพื่อย้ำการปกปิดก็ทำได้ อิทส์ อะเมเซ่งงงงงงงง (It's amazing น่ะ 5555)

ฟองน้ำไข่ : เอมใช้วิธีการเกลี่ยให้รองพื้นบางเป็นผิว ส่วนตรงที่อยากปกปิดก็ใช้ก้นกดๆ เข้าไป ได้งานผิว 2 สไตล์ในอันเดียว เห็นชัดเลยว่าเมื่อใช้การกด มันเพิ่มการปกปิดได้เยอะมากกกจริง แต่ก็หมายความว่ามันกินรองพื้นเราไปมหาศาลเช่นกัน 555555

วิธีการใช้ฟองน้ำไข่ : ก่อนใช้ควรเอาไปแช่น้ำก่อน แล้วบิดให้หมาด ไม่ก็ฉีดสเปรย์น้ำแร่ให้ชื้นนิดๆ  ใช้การปาดเพื่อเกลี่ยให้บาง แต่ใช้ตรงก้นแท็บซ้ำให้หนา เพื่อเพิ่มการปกปิด

+ ข้อดี : อภินิหารงานผิวมากกก เป็นตัวที่ใช้แล้วส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าแบบ…มัน กริบ มากกก เก็บดีเทลได้ละเอียดเป็นผิวที่สุด แต่ก็กดย้ำเพิ่มการปกปิดได้เยี่ยม คือ 2 in 1  ส่วนก้นใช้เกลี่ย ส่วนปลายแหลมใช้เข้าตามซอกจมูก ใต้ตา สะดวกดี  ใช้กับรองพื้นบางยิ่งเป็นผิว ใช้กับรองพื้นหนาก็ทำให้บางลงได้เยี่ยม
- ข้อเสีย : ยุ่งยากในการใช้ ต้องไปชุ่มน้ำไปฉีดสเปรย์ก่อน, กินรองพื้นค่อนข้างเยอะ, ใช้เวลาในการลงนิดนึง, ถึงจะกริบ แต่ถ้าลงเกลี่ยซ้ำไปมาทับหลายรอบอาจทำให้หนาได้เหมือนกัน ต้องเช็คดีๆ
*** มีติดไว้ซักอันชีวิตก็ง่าย ใช้ได้เริ่ดกับทุกรองพื้นแต่ก็เสียเวลายุ่งยากหน่อย ต้องฝึกมือกันนิดเพื่อให้ได้งานกริบ ***

แบบที่ 9 : Square Flat Top Brush
แบรนด์ : Stila
ตัวนี้ขนแน่นแบบคาบูกิ แต่ปลายจะตัดตรงเสมอกัน แล้วก็มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเลยค่ะ ใช้ลงรองพื้นก็ได้ คอนทัวร์ก็ได้ แล้วแต่ถนัด แปรงแน่นๆ แบบนี้เหมาะกับพวกเนื้อข้นเนื้อครีมดีนักแลลลล  โบนัสอีกนิดคือตัวนี้ของ Stila มีด้านก้นแหลมๆ มาไว้ให้เก็บดีเทลด้วย ดี๊ดี

วิธีการใช้ Square Flat Top Brush : ตัวนี้เอมใช้การปาดเป็นหลักเพราะรู้สึกมันง่ายกว่าค่ะ รูปร่างสี่เหลี่ยมมันไม่เอื้อกับการ Buff เท่าไหร่อ่ะ ทิศทางมันแปลกๆ 5555
+ ข้อดี : ด้วยความขนแน่นจัดเต็มมันเลยกระจายรองพื้นเนื้อข้นๆ ได้ค่อนข้างดี แต่ต้องทำงานให้ไวมากกกก ไม่งั้นไม่ทันมันแห้งเหมือนกันนะ ได้ลุคเบาบางขึ้น ส่วนรองพื้นเหลวๆ ก็ใช้ได้โอเค แต่ก็ไม่ถึงกับพิเศษประทับใจมาก ได้ผิวไม่บางไม่หนา แต่ก็เสียเวลานิดนึงเหมือนแปรงขนแน่นๆ ตัวอื่น

- ข้อเสีย : รู้สึกว่าพอเป็นสี่เหลี่ยมหัวตัดมันใช้ยาก ต้องค่อยๆ ปาด ค่อยๆ เกลี่ย อีกอย่างคือกินรองพื้นเยอะมากกก มากมายมหาศาลแบบเห็นชัดเลย เรียกว่าที่ลงรองพื้นแล้วบางก็เพราะโดนกินไปเป็นครึ่งได้ 555555 ถ้าเลือกได้ไว้ใช้ลงคอนทัวร์ดีกว่าอ่ะ
*** ไม่ค่อยสะดวก ใช้เวลานาน ถ้าจะใช้แนะนำให้ใช้กับรองพื้นหนาดีกว่า รองพื้นบางๆ ซึมเยอะ เปลือง ***

แบบที่ 10 : Curved Top Brush
แบรนด์ : THREE Structured Brush
ตอนแรกดูหน้าตาตัวนี้ประหลาดๆ เคิร์ฟๆ แต่ขนดันสั้น แน่น มันจะยังไง แต่ปรากฏว่าใช้แล้วแบบ เฮ้ยยย มีความดูดี ส่วนเว้ามันเข้าโหนกแก้ม สันกรามได้พอดีจัง เก๋แฮะ

วิธีการใช้ Curved Top Brush : ใช้ปาดได้เลย ตรงที่เป็นส่วนเว้ามันจะเข้ากับรูปหน้าเราได้พอดีเป๊ะ ดีงามมว๊ากกก
+ ข้อดี : เกลี่ยรองพื้นเหลวได้บางมากกกกๆๆๆๆ ส่วนรองพื้นเนื้อหนาๆ ก็เกลี่ยได้เนียนมากๆ แต่ต้องเกลี่ยให้เร็วหน่อยนะ

- ข้อเสีย : แปรงกินเนื้อรองพื้นเยอะ, ใช้เวลาในการเกลี่ยนานเพราะขนแน่น
*** แปรงเข้ารูปหน้าดี แต่เกลี่ยยากหน่อย ใช้เวลานาน กินเนื้อรองพื้นเยอะ ***

แบบที่ 11 : แปรงหัวตัดเฉียง / Angled Brush แบรนด์ : Suqqu
เป็นแปรงหัวตัดเฉียงแต่แค่ "ขนไม่แน่นเท่าคาบูกิ" หัวเฉียงๆ เข้าไปซอกซอนตามมุมเล็กๆ ได้ดีSuqqu ตัวนี้เพิ่ม option เสริมอีกนิดมาด้วยปลายที่เป็นแปรงแบบฟองน้ำใช้ tap เพื่อกดเพิ่มการปกปิดเริ่ดเว่อร์มากกกกก เลิฟอะ

วิธีการใช้ Angled Brush : ตัวนี้ไม่ใช่คาบูกิ ขนเลยไม่หนามากเท่าไหร่ ใช้ได้ทั้งแบบเกลี่ยและวนตามที่ถนัดเลย ตรงปลายมีฟองน้ำ ใช้ในการกดๆ ตามจุดที่ต้องการย้ำการปกปิด
+ ข้อดี : เกลี่ยรองพื้นได้เนียนสวยเป็นธรรมชาติมากกกกก คือมันไม่บางเกิน ไม่หนาเกิน และแปรงไม่กินรองพื้นด้วย (อันนี้น่าจะเป็นที่ยี่ห้อและขน เทพมากจีจี กราบ Suqqu 5555)
- ข้อเสีย : ถ้ารองพื้นเนื้อเข้มข้นมากๆ แห้งไว ก็จะไม่เหมาะ เพราะว่าขนแปรงไม่ได้แน่นมากอาจจะเกลี่ยไม่ไปค่า
*** ใช้ได้ทั้งกับรองพื้นบางและหนา ใช้ง่าย จะวนหรือปาดก็ได้ ชีวิตดี๊ดี ***

สรุปผล Jeban's Lab อุปกรณ์ลงรองพื้นDifferent tools = Different textureการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ต่างกัน จะทำให้ได้งานผิวแบบต่างๆ กันออกไป 
นอกจากการเลือกให้เหมาะกับรองพื้นที่ใช้แล้ว ก็เป็นเรื่องของความชอบหรือความถนัดส่วนตัว ไม่ได้มีอันไหนที่ผิดร้ายแรง หรือห้ามใช้จ้า

แปรงราคาถูกกับราคาแพง ต่างกันมั้ย? จำเป็นต้องซื้อของแพงรึเปล่า?บอกเลยว่า ต่าง !!!  เรื่องของคุณภาพขนแปรง ความแน่น ความทน แปรงแพงๆ นี่ต้องบอกเลยว่าอยู่ได้กันหลัก 10 ปีถ้ารักษาดีๆ แต่ไม่ถึงกับว่าจำเป็นต้องมีขนาดนั้น ถ้างบน้อยก็ข้ามไป แค่เลือกให้เหมาะกับชนิดรองพื้นที่ใช้ ใช้ให้ถูกวิธีก็ได้ผิวเป๊ะๆ ……  หรือไม่ก็ใช้มือเรานี่แหละลงไปเล้ยยย เริ่ด ง่าย ชีวิตดี๊ดี
แต่ถ้าใครทุนถึงก็อยากให้ลองดู แล้วจะรู้สึกถึงความติดใจค่าา 5555

 . . . . . . .
Jeban's Lab วันนี้ก็จบเท่านี้ดีกว่า หวังว่าสาวๆ จะได้ไอเดียในการเลือกซื้อ เลือกใช้แปรงกันนะคะ ที่สำคัญที่สุดคือ ฝีมือของเรานี่แหละ ต้องหมั่นฝึกกันหน่อย ฮี่ๆๆ
ใครมีคำถามก็พิมพ์เข้ามาได้เลยน้าาาา เอมขอลาไปก่อนแล้ว บายค่าา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0