โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

มนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม - นิ้วกลม

THINK TODAY

อัพเดต 03 ส.ค. 2561 เวลา 08.38 น. • เผยแพร่ 14 มิ.ย. 2561 เวลา 04.00 น. • นิ้วกลม

คุณเชื่อไหมว่า “มนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม”

ผมโยนคำถามนี้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าคล้ายถามไถ่ตัวเองและเพื่อนร่วมโลก แต่ละวันมีเรื่องราวชวนให้เชื่อและไม่เชื่อในคำพูดที่ว่านี้ จนเรามิกล้าตอบอย่างฉับพลันว่าคิดเช่นนั้นหรือไม่ ส่วนตัวแล้วผมเชื่อมั่นเสมอว่าไม่มีใครอยากเป็นมนุษย์ที่ชำรุดและเหลวแหลก แค่บางสถานการณ์บางเงื่อนไขของชีวิตผลักเราไปสู่จุดนั้น

มีเรื่องเล่าเล็กๆ มากมายที่ผมได้พบ ได้ยิน และได้อ่านเจอที่ทำให้ผมยังเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม แม้กระทั่งในภาวะอัปลักษณ์อย่างการศึกสงครามก็ยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เรื่องราวเหล่านี้เหมือนน้ำหยดน้อยคอยหล่อเลี้ยงหัวใจของเราให้ยังคงมีความงามอยู่ด้วยเช่นกัน

โจเซฟ จาวอร์สกี เล่าผ่านหนังสือ Synchronicity ให้ฟังว่าครั้งหนึ่งเขาได้พบชายชาวอเมริกันแปลกหน้าโดยบังเอิญแล้วมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกันช่วงเวลาหนึ่ง ชายผู้นั้นชื่อแมนนี เป็นนักบินรบของกองทัพอากาศอเมริกันผู้ได้เล่าให้เขาฟังว่า ครั้งหนึ่ง ระหว่างการสู้รบอันดุเดือดนอกชายฝั่งอิตาลี แมนนียิงเครื่องบินอิตาลีตก แต่นักบินกระโดดร่มออกมาได้ สิ่งที่แมนนีควรทำมากที่สุดตอนนั้นคือรีบบินกลับฐานเพราะมีเชื้อเพลิงจำกัด แต่แมนนีกลับเลือกที่จะบินวนคอยดูจนแน่ใจว่าร่มชูชีพของนักบินกางเต็มที่และเขาจะไม่เป็นไร แถมยังส่งวิทยุขอความช่วยเหลือให้แก่นักบินที่ร่วงลงไป เขาบินวนรออยู่จนกระทั่งมีคนไปถึงที่นั่น เขาลดเพดานบินลงแล้วชูนิ้วหัวแม่มือให้นักบินอิตาเลียน ข้าศึกของเขาชูนิ้วโป้งตอบ แล้วแมนนีจึงบินจากมา

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง แมนนีกลับบ้าน วันหนึ่งเขาได้รับจดหมายจากนักบินอิตาเลียนซึ่งติดตามแมนนีได้จากหมายเลขบนปีกเครื่องบิน นักบินถามว่าขอมาเยี่ยมเขาได้ไหม ทั้งคู่จึงได้พบกัน

นักบินอิตาเลียน-ซึ่งบัดนี้ไม่ใช่ข้าศึกของเขาอีกต่อไป-พูดขึ้นหลังจากใช้เวลาร่วมกันสักพัก “คุณช่วยชีวิตผม ผมรู้สึกว่าต้องติดต่อกับคุณ ผมอยากให้เราได้ทำงานด้วยกัน ครอบครัวผมมีโรงงานเครื่องหนัง ทำรองเท้ากับกระเป๋าหนังได้ คุณจะเป็นหุ้นส่วนกับผมไหม เราเปิดสาขาที่สหรัฐได้”

ทั้งคู่ร่วมทุนกันในธุรกิจเครื่องหนังซึ่งขายในอิตาลี ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ธุรกิจของพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ที่น่าดีใจกว่านั้นคือ-ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน

ผมอ่านเรื่องราวเล็กๆ นี้แล้วหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์มากมายในชีวิต หลากหลายช่วงเวลาที่เราถูกบดบังด้วย “อคติ” ที่สร้างมายาภาพของการแบ่งแยกทำให้เราขีดเส้นของความแตกต่างให้แก่กันตั้งแต่ยังไม่ทันได้พูดจา เชื้อชาติ ศาสนา อุดมการณ์ทางการเมือง ภูมิภาค เพศ สีผิว ฯลฯ อีกมากมาย รวมถึงหลายสถานการณ์ในชีวิตที่ทำให้เราจะเอาเป็นเอาตายกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เกลียด โกรธ กลัว ความรู้สึกเช่นนั้นอาจทำให้เรากระทำรุนแรงทั้งทางกาย วาจา และความคิดต่อบุคคล “อีกฝั่งหนึ่ง” ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทันทีที่ก่อกำแพงแบ่งแยก เราก็ปิดโอกาสที่จะเปิดประตูเข้าหากัน

ทั้งที่-เพื่อนที่ดีที่สุดอาจเป็นคนที่อยู่ “อีกฝั่ง” ของเราก็เป็นได้

เรื่องของนักบินรบทั้งสองคนนี้ทำให้ผมเชื่ออีกครั้งว่า “มนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม” เมื่อคนหนึ่งหยิบยื่นความสวยงามให้อีกคนหนึ่ง เมล็ดพันธุ์นั้นย่อมงอกงามในใจของผู้รับ และวันหนึ่งผู้รับนี้เองจะนำดอกผลที่หอมหวานกลับมามอบให้ผู้หย่อนเมล็ดพันธุ์นั้น

บางคนอาจมองว่าการออกจากบ้านในทุกวันเหมือนการออกไปทำศึกสงคราม ขณะที่บางคนที่ออกไปทำศึกสงครามกลับก้าวออกไปด้วยหัวจิตหัวใจแห่งมิตรภาพ

ทุกวันที่ตื่นเช้าขึ้นมา เรามีโอกาสเลือกว่าจะก้าวออกจากบ้านเพื่อเพิ่มจำนวนมิตรสหาย หรือก้าวออกจากบ้านเพื่อเพิ่มศัตรู ทั้งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความเชื่อที่ผมได้เกริ่นถามไว้—คุณเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งสวยงามไหม

ลึกลงไปของคำถามนี้คือ-คุณเชื่อว่าตัวคุณเองสวยงามไหม

คุณเชื่อไหมว่า เมื่อคุณสวยงาม คุณจะได้พบด้านที่สวยงามของอีกฝ่ายหนึ่ง

-------------------

ป.ล.

Synchronicity / พลิกชะตา **โดย โจเซฟ จาวอร์สกี แปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท สนพ.OMG Books เป็นหนังสือที่ชวนสำรวจด้านในเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคม ลึกซึ้งและชวนมองโลกด้วยแว่นตาใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0